บทที่ 50 เฟิงเหริน
โคมบงกชสีครามที่เขาได้มาจากสุสานเทพเจ้าเปรียบเสมือนมีแดนสนธยาอยู่ภายใน เพราะทั้งลูกหมูป่าขนสีขาวและราชันจักจั่นทองคำอาศัยอยู่ ในอนาคตเขาอาจเพิ่มบริวารสัตว์อสุรกายเข้าไปภายในได้อีกหลายตน นอกจากนี้มันยังสามารถถบ่งบอกถึงสมบัติล้ำค่าที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง ยิ่งสมบัติชิ้นนั้นมีพลังมากเพียงใด…โคมดวงน้อยก็ยิ่งมีปฏิกิริยาสนองตอบมากเท่านั้น
จิตใจเยี่ยฉวนรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของโคมบงกชสีคราม…
สมบัติใดก็ตามที่ทำให้มันสั่นสะเทือนรุนแรงถึงเพียงนี้ย่อมไม่ธรรมดา เขายังไม่ทันก้าวเข้าไปในเหมืองแร่ของสำนักเบญจลักษณ์ แต่กลับสัมผัสได้ถึงเรื่องดีงามที่อยู่ภายใต้ฝ่าเท้าเสียแล้ว!
เยี่ยฉวนคาดเดาทิศทางที่ตั้งของสมบัติพร้อมเดินวนไปมาหลายครั้ง รู้สึกเพียงว่าพวกมันถูกฝังอยู่ใต้ดินลึกราวหนึ่งร้อยเมตร ทว่าเขาอยู่ในเขตของสำนักเบญจลักษณ์ จึงไม่อาจใช้เคล็ดวิชาถอดดวงจิตออกตรวจสอบโดยรอบอย่างละเอียด
“ท่านชายเยี่ย…มีสิ่งใดผิดปกติงั้นหรือ?!” หลิวหงมองการกระทำที่ผิดแปลกของอีกฝ่ายด้วยความสงสัย…
เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นก่อนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ “เปล่า! เท้าของข้าเป็นตะคริวเพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทางเท่านั้น…”
“หึ!”
หลิวหงแค่นเสียงอย่างไม่เชื่อคำที่อีกฝ่ายยกมาอ้าง ก่อนหน้านี้เขาติดตามมาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง จนนางนึกแปลกใจว่าเขาสามารถฝึกตนได้เก่งกาจเพียงนี้เชียวหรือ? ทั้งพละกำลังยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าวัวกระทิงเสียอีก…ต่อให้วิ่งเป็นเวลาสามวันสามคืนก็ไร้ปัญหา แล้วเท้าจะเป็นตะคริวได้อย่างไร?!
“นั่นใคร! ผู้ใดบังอาจบุกรุกพื้นที่ต้องห้ามของสำนักเบญจลักษณ์!”
ทันใดนั้นเสียงร้องตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดดังขึ้น! ชายผู้หนึ่งกระโดดลงมาจากหอคอยสูงกว่าหนึ่งร้อยเมตร เมื่อศีรษะของเขากำลังจะดิ่งชนพสุธาร่างของเขากลับหายวับเป็นลมลอยขึ้นสูงบนอากาศด้วยเคล็ดวิชาวายุวิถี จากนั้นจึงปรากฏกายต่อหน้าผู้มาเยือนทั้งสองภายในพริบตา!
ชายชราร่างผอมบางดุจเสาไม่ไผ่สวมเสื้อคลุมบางสีเทา การเคลื่อนที่ของเขาพริ้วไหวราวลอยฉวัดเฉวียนอยู่บนอากาศ สายตาแข็งกร้าวราวงูพิษจ้องเขม็งจนเยี่ยฉวนรู้สึกถึงภัยคุกคาม ภายในสำนักผู้ที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้มีเพียงอาวุโสลำดับสาม ทว่ายังแตกต่างอยู่บ้าง เพราะอาวุโสลำดับสามไม่ได้แสดงออกถึงจิตสังหารอย่างโจ่งแจ้งเท่าชายชราผู้นี้!
“ท่านอาวุโสเฟิง ข้าเอง!” หลิวหงก้าวไปด้านหน้าอย่างเร่งรีบ หน้าอกใหญ่โตของนางกระเพื่อมขึ้นลงโดยแรงจนเกือบหลุดจากอาภรณ์ที่ปกปิด
ดวงตาชายชราร้อนผ่าวราวเพลิงโหมขณะลอบมองปทุมคู่งามของเด็กสาวอย่างตะกละตะกลาม ทว่าแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจก่อนโค้งคำนับนางเล็กน้อยเป็นเชิงทักทาย “เฟิงเหรินขออภัยคุณหนูที่ครู่นี้กระทำการบุ่มบ่าม ไอ้หนุ่มแปลกหน้านี้คือผู้ใด? เจ้าต้องเป็นสายลับจากสำนักอื่นแฝงตัวเข้ามาเป็นแน่! ทหาร! จับมันไปขังคุก!”
“ขอรับ!”
เหล่าทหารองครักษ์ผู้มีอาวุธครบมือชักดาบออกมาโดยพร้อมเพรียง ก่อนกระจายตัวล้อมเยี่ยฉวนไว้ สายตาทุกคู่ราวพยัคฆ์ร้ายที่กำลังจ้องมองเขาอย่างดุดัน!
เหมืองแร่มณีครามตั้งอยู่ในท้องทุ่งกว้างใหญ่ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักเบญจลักษณ์ แร่ที่ได้จากการถลุงแต่ละครั้งล้วนเป็นก้อนผลึกเนื้อดีมูลค่าสูงยิ่ง ดังนั้นจึงถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ต้องห้าม บุคคลภายนอกไม่สามารถเข้ามาโดยพลการอย่างเด็ดขาด…หากผู้ใดฝ่าฝืนสามารถสังหารได้ทันที! นอกจากจะเป็นเหมืองที่มีสมบัติล้ำค่าอยู่มากมาย ยังเป็นคุกที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนา ศพที่ถูกสังหารอย่างนับไม่ถ้วนในพื้นที่แห่งนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
“หยุดนะท่านอาวุโสเฟิง! ชายผู้นี้คือเยี่ยฉวน…ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆา” หลิวหงรีบอธิบาย
เฟิงเหรินถือเป็นผู้อาวุโสที่ชั่วร้ายที่สุดในบรรดาผู้อาวุโสท่านอื่นๆ แห่งสำนักเบญจลักษณ์ เขาโหดเหี้ยมเพราะสามารถสังหารผู้คนมากมายโดยไม่ต้องไตร่ตรองให้เสียเวลา ครั้งหนึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ที่บรรดาศิษย์เกือยร้อยชีวิตผู้ถูกเกณฑ์มาถลุงแร่ทำงานช้าไม่ได้ดั่งใจ…ชายชราจึงสั่งให้สังหารพวกเขาทั้งหมด! ด้วยอุปนิสัยโหดร้ายเยี่ยงจอมมารปีศาจในดินแดนอรัญญิก ทำให้แม้แต่หลิวหงที่เที่ยวเล่นในสำนักอย่างอิสระยังรู้สึกหวาดหวั่นต่ออาวุโสเฟิงเหรินอยู่ไม่น้อย…
“อะไรนะ! ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆารึ?! เช่นนั้นยิ่งปล่อยไว้ไม่ได้…สังหารมันซะ! ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น!”
เฟิงเหรินตะโกนสั่งการก้องอย่างโหดเหี้ยม เขายกมือขวาขึ้นสูงก่อนวาดแขนลงฉับพลันด้วยจิตสังหารที่ทวีความรุนแรงยิ่ง! ดาบลมที่คมกริบฟาดฟันไปยังเยี่ยฉวนอย่างไร้ความปรานี คมมีดเฉียดผ่านปลายจมูกของเขาก่อนปักลึกลงกับพื้น หากเยี่ยฉวนเบี่ยงกายหลบช้ากว่านี้เพียงนิดเดียวศีรษะของเขาอาจถูกบั่นจนหลุดออกจากบ่า!
หมาชราตัวนี้พร้อมที่จะขย้ำเหยื่อจนตายคาคมเขี้ยว!
ดวงตาเยี่ยฉวนวูบไหวเป็นประกายซีดจางด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า เขาเริ่มโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ พลางส่งกระแสจิตเรียกลูกหมูป่าขนสีขาวและราชันจักจั่นทองคำออกจากโคมบงกชสีครามเพื่อทำการโจมตี! เฟิงเหรินขมวดคิ้วด้วยรู้สึกถึงภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม…ครั้นจ้องลึกเข้าไปในดวงตาดุดันของเยี่ยฉวน จิตสังหารยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าทวี…
ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆาบรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อต่ำต้อย แต่กลับทำให้เฟิงเหรินรู้สึกว่าอันตรายจากอีกฝ่ายก็น่าหวาดหวั่นไม่แพ้กัน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกพิศวงจนอยากสังหารอีกฝ่ายเต็มทน!
ปล่อยมันไว้ไม่ได้!
ปล่อยให้มันรอดชีวิตไปไม่ได้เด็ดขาด!
จิตสังหารรุนแรงของเฟิงเหรินก่อให้เกิดพายุลูกใหญ่หมุนวนอยู่รอบกาย กระแสลมแปรสภาพเป็นดาบล่องหนนับพันเล่ม!
“หยุดเดี๋ยวนี้! อาวุโสเฟิง…พวกเรามาที่นี่เพื่อตามหาชายผู้หนึ่ง หากถามไถ่เรื่องราวต่างๆ ได้ความแล้วจะเร่งออกไปทันที!”
หลิวหงเผยสีหน้าเย็นเยือกขณะพุ่งตัวเข้าไปยืนขวางหน้าเยี่ยฉวนก่อนกล่าวออก “อาวุโสเฟิง ข้ารู้ว่าท่านเป็นผู้ควบคุมดูแลพื้นที่แห่งนี้ แต่การที่ท่านละเมิดกฏร้ายแรงของสำนักเราโดยการสังหารไม่เลือกหน้าเช่นนี้…ท่านยังเห็นพ่อของข้าในสายตาอยู่หรือไม่?! ท่านจะสังหารข้าอีกคนงั้นรึ?!”
“ฮี่ม! เฟิงเหรินมิกล้า…เช่นนั้นเชิญคุณหนูจัดการเรื่องต่างๆ เถิด แต่คุณหนูต้องลงไปตามหาคนเพียงผู้เดียว ส่วนศิษย์สำนักหมอกเมฆาผู้นี้ต้องรออยู่ด้านนอกเท่านั้น! กฏก็คือกฏ ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามคนนอกเข้าไปภายในเหมืองมณีครามโดยเด็ดขาด! ”
เฟิงเหรินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาขณะโค้งคำนับหลิวหงก่อนหมุนกายจากไปอย่างไม่สบอารมณ์ เขาขึ้นไปบนยอดหอคอยพลางมองลงมาที่เยี่ยฉวนด้วยแววตาเคืองแค้น เหล่าทหารอารักขาลดอาวุธลงและกระจายตัวกลับไปประจำการยังจุดเดิม แม้พวกเขารับรู้ว่าชายผู้นี้เข้ามายังพื้นที่ต้องห้ามด้วยฐานะผู้ติดตามของหลิวหง ทว่าสีหน้าของพวกเขายังไม่ลดความโกรธาลง ทั้งยังจับตามองอีกฝ่ายอย่างดุร้ายราวเสือจ้องตะครุบเหยื่อ!
“ท่านชายเยี่ย…รอข้าอยู่ที่นี่สักประเดี๋ยว อย่าเดินไปไหนไกลล่ะ!” หลิวหงกล่าวกำชับเยี่ยฉวนอีกครั้ง จากนั้นจึงใช้เคล็ดวิชาวายุวิถีเร้นกายออกไป ก่อนลงไปยังเหมืองแร่ใต้ดินเพื่อตามหาบุคคลที่เฒ่าโหวอ้างถึง…
เยี่ยฉวนปฏิบัติตามคำกำชับของอีกฝ่ายโดยดี เขายืนอยู่นอกเขตทุ่นระเบิดอย่างสงบ ทว่าเฟิงเหรินยังคงแผ่จิตสังหารพร้อมจ้องมองเขาอย่างคุกคามไม่หยุดหย่อน…
ตาเฒ่าผู้นี้คงเหนื่อยกับการมีชีวิตต่อไปแล้วสินะ!
เขาแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจสายตาอุกอาจไร้มารยาทของอีกฝ่ายพลางกวาดสายตาสำรวจพื้นที่โดยรอบอย่างเงียบเชียบ แม้ใบหน้าจะดูสงบนิ่งนัก ทว่าโดยรอบกลับถูกปกคลุมไปด้วยจิตสังหารรุนแรง!
เคล็ดวิชาเฉพาะของสำนักเบญจลักษณ์มีความโดดเด่น ทั้งยังเป็นมือสังหารระดับพระกาฬผู้น่ายำเกรงมาโดยตลอด ทว่าสำหรับอดีตมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์เช่นเยี่ยฉวนแล้วไม่มีสิ่งใดน่ากังวลแม้แต่น้อย…ร่างในภพอดีตของเขามีทักษะด้านการสังหารสูงกว่าศิษย์ทั้งสำนักเบญจลักษณ์รวมกันเสียอีก! หากไม่ใช่ร่างในภพปัจจุบัน เขาอาจสังหารเฟิงเหรินผู้ยืนมองจากบนหอคอยได้ภายในพริบตา!
ไม่นานนักหลิวหงก็กลับขึ้นมาจากเหมืองแร่พร้อมข้อมูลครบถ้วน “ท่านชายเยี่ย…ข้าเสียใจด้วย ศิษย์ของสำนักอู๋เฟิงบอกว่าเขาขายเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดในราคาต่ำสุดให้เฒ่าโหวจอมลวงโลกไปจนหมดแล้ว”
“ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียวเลยหรือ?” น้ำเสียงของเยี่ยฉวนเจือไปด้วยความผิดหวังเล็กๆ
ตอนแรกเขาคิดใช้ผลชิ่งหยางเป็นตัวช่วยในการฟื้นฟูพลังยุทธ์ และเพิ่มระดับขั้นการฝึกตนของเขาให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประลองครั้งยิ่งใหญ่ที่ใกล้เข้ามาทุกขณะทว่ากลับต้องเผชิญความสิ้นหวัง ยิ่งคาดหวังมากเพียงใด…ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น!
“ไม่เหลือแม้แต่เมล็ดเดียว…”
หลิวหงส่ายหน้าพลางหยุดชะงักชั่วครู่ราวนึกบางอย่างออกก่อนกล่าวต่อ “แต่เขาบอกเพิ่มเติมว่าได้พบเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เข้าโดยบังเอิญที่บริเวณใกล้เคียงกับอ่าวกลืนน้ำในหุบเขาหลังสำนัก ไม่แน่ว่าหากท่านไปที่นั่น…อาจโชคดีได้พบเจอมันก็เป็นได้ ”
“อ่าวกลืนน้ำงั้นหรือ?”
ดวงตาของเขาเปล่งประกายเจิดจ้าอีกครั้ง “ประเสริฐ! ข้าจะไปที่นั่นทันทีที่มีเวลา…ขอบใจคุณหนูยิ่งที่ช่วยเหลือ!”
“เรียกข้าว่าหงหงเถิด วันนี้ข้าวิ่งสืบข้อมูลให้ท่านจนเหนื่อยแทบแย่…บอกมาซิว่าท่านจะตอบแทนข้าอย่างไร?” หลิวหงเผยรอยยิ้มกว้างขณะสบตาเยี่ยฉวน ดวงตากลมโตของนางเอ่อล้นไปด้วยความสุข แม้ความสัมพันธ์ของศิษย์ระหว่างสองสำนักไม่อาจกลมกลืนกันได้ราวไฟกับน้ำ ทว่านางกลับยินดีทำทุกหนทางเพื่อให้เยี่ยฉวนพึงพอใจ โดยหาคำตอบไม่ได้ว่าตนคิดสิ่งใดอยู่จึงทำเช่นนั้น…
“ถ้าเจ้าไม่อยากพลาดโอกาสอันดี ที่นี่…ใต้ผืนดินที่ข้าเหยียบอยู่ มีขุมทรัพย์ล้ำค่าถูกฝังไว้ เร่งหาคนมาจัดการขุดพวกมันขึ้นมาเถิด” เยี่ยฉวนกล่าวตอบก่อนหมุนกายเดินจากไป
หลังไตร่ตรองอยู่ครู่ใหญ่เขาจึงตัดสินใจบอกสิ่งที่เขารับรู้ให้กับหลิวหง แม้สถานที่แห่งนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของสุนัขบ้าเช่นเฟิงเหริน และอาจทำการขุดมันขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ในทางกลับกัน…การที่เขาชี้ขุมทรัพย์มหาศาลให้หลิวหงรับรู้ก็ถือเป็นการตอบแทนนางเช่นกัน
“หนุ่มน้อย เหตุใดเจ้าจึงวิ่งเร็วนักนะ! วิ่งหนีข้าไปเถิด…ไม่ช้าก็เร็วสักวันเจ้าจะต้องยอมจำนนต่อข้า!”
หลิวหงชะเง้อมองตามทิศทางที่อีกฝ่ายหายลับไป รอยยิ้มสดใสประดับอยู่บนใบหน้างดงามอย่างมั่นใจว่าเหตุการณ์หลังจากนี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของนางเป็นแน่! จากนั้นจึงก้มลงมองพื้นดินที่เขายืนอยู่เมื่อครู่ ดวงจิตของนางยังไม่รู้สึกถึงความผิดแปลกใด หากมีขุมทรัพย์ฝังอยู่ใต้ดินจริง…สมบัติล้ำค่าเหล่านั้นคงถูกอาวุโสเฟิงเหรินขุดขึ้นไปก่อนหน้าแล้วกระมัง!
นางขมวดคิ้วอย่างใคร่ครวญอยู่เป็นนาน แม้ไม่เชื่อในสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวอย่างสนิทใจ ทว่านางกลับฉีกแผ่นยันต์สื่อสารส่งข้อความไปยังสำนัก เพื่อขอความช่วยเหลือจากบิดาให้ส่งบรรดาบริวารที่เชื่อใจได้มาที่นี่…