บทที่ 54 น้องหญิง…อย่ากังวลไป
แต่ละสำนักล้วนมีบรรพบุรุษผู้มีความแข็งแกร่งยิ่งแยกตัวออกมาและอยู่อย่างสันโดษ สำนักหมอกเมฆามีเจ้าสำนักหยุนเฟยหวู่ ซึ่งออกท่องยุทธภพเป็นเวลานานและไม่กลับมาเยือนยังสำนักเลยแม้แต่ครั้งเดียว สถานะยังคลุมเครือไม่รู้ที่พำนักแน่ชัด ทว่าอำนาจบารมีอันน่าเกรงขามยังคงเป็นที่ยำเกรง ต่างจากสำนักเครื่องนิลที่มีโท่วป่าเซียงดำรงตำแหน่งเจ้าสำนัก ทั้งยังมีปีศาจเฒ่าถงปี่ผู้มีขั้นการฝึกตนสูงกว่า…แม้แต่ชายชราโท่วป่าเซียงผู้มั่นใจในตนเองว่ามีความสามารถมากกว่าผู้ใดในใต้หล้ายังให้การยอมรับ
เมื่อปีศาจเฒ่าถงปี่ปรากฏกาย ดวงตาวูบไหวของศิษย์ทั้งสองแห่งสำนักเครื่องนิลพลันเบิกกว้าง!
ท่านอาวุโสผู้พิทักษ์มาจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเองเช่นนี้…เยี่ยฉวนจะหนีรอดไปได้อย่างไร?
โท่วป่าเซียงเนียวนิ่งสงบ ทว่าหงลี่กลับระเบิดหัวเราะลั่นอย่างสาแก่ใจ ครู่นี้เขาเกือบพลาดพลั้งถูกอีกฝ่ายสังหาร ทั้งยังรู้สึกขายหน้าเป็นอย่างมาก บัดนี้สถานการณ์ฝั่งเขาเป็นต่อ…จึงรอคอยอย่างใจจดจ่อว่าเยี่ยฉวนจะตายอย่างไร?!
“เจ้าคือผู้ใด?”
เยี่ยฉวนเอ่ยถามปีศาจชราผู้ปรากฏกายขวางอยู่เบื้องหน้าด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่เกรงกลัวใดๆ ราวไม่ยินดียินร้ายต่อภยันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น ขณะที่รอบข้างเสียงดังโครมคราม เยี่ยฉวนกลับโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์อย่างเงียบเชียบพร้อมรับมืออีกฝ่ายอย่างเต็มที่!
“อ่า…”
ปีศาจเฒ่าถงปี่สำรวจเยี่ยฉวนตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างประหลาดใจที่อีกฝ่ายไม่รู้จักตน ก่อนยิ้มเยาะราวแมวที่ตะครุบหนูสำเร็จ “ฮ่าๆๆ ข้า…อาวุโสถงปี่ หรือจะเรียกข้าว่าปีศาจเฒ่าถงปี่ก็ย่อมได้ ข้าคือผู้พิทักษ์ยิ่งใหญ่แห่งสำนักเครื่องนิล เจ้าคงพอได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของข้ามาบ้างแล้วใช่หรือไม่? ข้าชมชอบการสังหารเป็นชีวิตจิตใจ…อารมณ์ดีก็ฆ่าเพื่อความสุนทรีย์ อารมณ์ไม่ดีก็ฆ่าเพื่อระบายความโกรธ ไอ้หนู…หวาดกลัวข้าแล้วสินะ! ฮ่าๆๆ”
ปีศาจเฒ่าถงปี่หัวเราะเอิ๊กอ๊ากด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด คำพูดอวดอ้างกิตติศัพท์ที่ออกจากปากเขาทำให้ศิษย์ของสำนักเครื่องนิลต่างสั่นสะท้านด้วยความหวั่นเกรง แม้แต่หงลี่ผู้แข็งแกร่งยังกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ชื่อเสียงของเขาระบือไกลด้วยความโหดร้ายหาผู้ใดเปรียบ ทว่าเยี่ยฉวนกลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ ทั้งสิ้น
“ปีศาจเฒ่าถงปี่งั้นหรือ? ขออภัย…ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” เยี่ยฉวนกล่าวตอบ
ผู้คนรอบข้างต่างตกตะลึงในสิ่งที่เยี่ยฉวนกล่าว เสียงหัวเราะเย้ยหยันของปีศาจเฒ่าถงปี่เงียบลงฉับพลัน สีหน้าของเขาสะท้อนอารมณ์หลากหลาย ประหลาดใจ อับอายและโกรธาจนใบหน้าแดงก่ำ เขาพุ่งตัวเข้าไปหาอีกฝ่ายด้วยท่าทางเกรี้ยวกราดยิ่ง “ไอ้เด็กบัดซบ! เหนื่อยที่จะหายใจแล้วหรืออย่างไร?!”
ปีศาจชราแผ่จิตสังหารน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม เคราของเขาตั้งขึ้น หม้อสัมฤทธิ์บนบ่าของเขาส่งเสียงดังกระหึ่มเพราะต้องการพุ่งโจมตีอีกฝ่ายเต็มทน!
หงลี่และโท่วป่าเซียงเนียวหลบออกไปเพราะกลัวการต่อสู้จะรุนแรงจนตนโดนลูกหลง เยี่ยฉวนยังรักษาท่าที ทันใดนั้นกระแสจิตของเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง เขาเงยหน้ามองฟากฟ้าไกลอย่างหมายมั่นก่อนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ปีศาจเฒ่า…ผู้ที่อยากตายไม่ใช่ข้าแต่เป็นท่านต่างหาก! ข้ารู้ว่ากว่าท่านจะฝึกตนจนบรรลุถึงระดับนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จงเก็บชีวิตบั้นปลายไว้ฝึกตนอย่างสงบเถิด…ข้าไม่ต้องการปะทะกับไม้ใกล้ฝั่งเช่นท่านให้เปลืองแรง!”
แม้ปีศาจเฒ่าถงปี่จะทระนงว่าตนเก่งกาจเหนือผู้อื่นเพียงใด แต่เยี่ยฉวนก็มองอย่างทะลุปรุโปร่งว่าชีวิตของอีกฝ่ายใกล้หมดอายุขัยแล้ว…
ครั้นผู้ฝึกตนบรรลุไปถึงขั้นซิวฉือพวกเขาจะมีอายุขัยยาวนานกว่ามนุษย์สามัญ หากบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าอายุขัยก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด ทว่าแม้ยาวนานเพียงใดก็ยังมีขีดจำกัด…ถงปี่เปี่ยมด้วยทักษะที่มากล้นทั้งยังใช้ชีวิตมายาวนานก็จริง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่อาจฝืนชะตาลิขิต จุดจบของเขาใกล้มาเยือนทุกขณะ
“ไอ้สารเลว! เจ้า…”
ปีศาจเฒ่าถงปี่ทั้งโกรธเกรี้ยวและตกตะลึง! แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ ทว่ามันยิ่งตอกย้ำความกลัดกลุ้มในจิตใจของเขาให้รู้สึกแย่ลงยิ่งกว่าเดิม เขาเดินเข้าใกล้เยี่ยฉวนก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “ข้าขอเสนอให้เจ้าละทิ้งพลังยุทธ์เดิมที่มีและมาเป็นทาสหลอมโลหะให้กับข้า หากเจ้ารับใช้ข้าอย่างภักดี…ข้าอาจรับเจ้าเป็นศิษย์ และมีน้ำใจชี้แนะวิทยายุทธ์ต่างๆ ให้ด้วย! นั่นขึ้นอยู่กับวาสนาของเจ้าแล้ว ฮ่าๆๆ ”
ปีศาจเฒ่าถงปี่ระเบิดเสียงหัวเราะอันแปลกประหลาดดังลั่นอีกครั้ง จู่ๆ เขาก็ไม่นึกอยากสังหารคนตรงหน้า…
แม้เยี่ยฉวนไม่มีทักษะการฝึกตนที่สูงส่ง ทว่าสถานะของเขานั้นไม่ธรรมดา หากเขาสามารถบีบบังคับให้ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักหมอกเมฆามาเป็นทาสหลอมโลหะได้ คงน่าสนุกยิ่งกว่าสังหารอีกฝ่ายให้จบๆ ไปเสีย
“ทาสหลอมโลหะงั้นรึ?! ปีศาจเฒ่า…เจ้ามีความรู้เรื่องการหลอมโลหะด้วยหรือ?!” เยี่ยฉวนยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ สายตายังคงมองไปยังขอบฟ้าไกลอีกครั้ง ชั้นบรรยากาศมีคลื่นความร้อนกำลังแผ่กระจายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ภพชาติก่อนครั้งที่เยี่ยฉวนยังเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ย่อมรอบรู้ทุกสิ่งอย่างบนโลก ต้องการสิ่งใดก็เพียงเรียกหา ต้องการยาเม็ดชั้นเลิศก็ตามตัวราชาโอสถหัตถ์วิญญาณมา…ต้องการหลอมโลหะก็เกณฑ์ยอดฝีมือผู้เชี่ยวชาญด้านนั้นมาทั้งสำนัก เปรียบเทียบกันแล้วปีศาจเฒ่าถงปี่ไม่มีความรู้มากพอแม้แต่จะหลอมโลหะทำเป็นรองเท้าให้เขาเพียงหนึ่งข้างด้วยซ้ำ!
“ไอ้เด็กอวดดี! บอกมาซิ…ในอาณาเขตแปดพันลี้แห่งนี้ หากข้าไม่รู้แล้วผู้ใดจะรู้!” ปีศาจเฒ่าถงปี่หัวเราะอย่างโกรธจัดที่อีกฝ่ายดูถูกตน ดวงตาแข็งกร้าวคู่นั้นยิ่งนานยิ่งแปรเป็นสีแดงก่ำราวจะระเบิดออก!
“ไกลสุดขอบฟ้า…ใกล้เพียงตาเห็น” เยี่ยฉวนกล่าวตอบ
เขากล่าวด้วยสำบัดสำนวนที่แฝงนัยยะ แต่สำหรับผู้อื่นที่ได้ฟังต่างตีความไปว่าเขากำลังอวดอ้าง…ชายผู้นั้นรนหาที่ตายโดยแท้!
บรรดาศิษย์ทั้งนอกและในสำนักต่างรับรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนเป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา ทั้งทักษะการฝึกตนยังต่ำต้อยและสามัญ แม้ความปราดเปรื่องของเขาเพิ่งจะเป็นที่กระจ่างชัดเมื่อไม่นานมานี้ จนแผนการชั่วร้ายของเจ้าสำนักเครื่องนิลล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่เขาก็มีดีเพียงสติปัญญาเท่านั้น! ขั้นการฝึกตนของเขายังนับว่าต่ำกว่าศิษย์ร่วมสำนักคนอื่นๆ เสียอีก! เขาสามารถหลอมโลหะได้งั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร?!
“ฮ่าๆๆ ประเสริฐ! ประเสริฐยิ่ง! ข้าเสนอหนทางรอดชีวิตให้กับเจ้า แต่เจ้ากลับเลือกที่จะรนหาที่ตาย ได้! เช่นนั้นข้าจะสนองความปรารถนาสุดท้ายให้!”
ปีศาจเฒ่าถงปี่ระเบิดหัวเราะด้วยโกรธายิ่ง! ก่อนเขวี้ยงหม้อสัมฤทธิ์ที่แบกไว้บนบ่าออกไปโดยแรงหมายจะทุบเยี่ยฉวนให้ร่างแหลกละเอียด หม้อสามขาน้ำหนักกว่าหนึ่งหมื่นจินลอยพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว!
“ทุบเขาให้ตาย! ทุบเขาให้ตาย!” หงลี่ผู้เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างโห่ร้องด้วยความสะใจ มีเพียงโท่วป่าเซียงเนียวที่ยังนิ่งเงียบ ทว่าริมฝีปากยังขยับราวต้องการจะเอ่ยคำใดบางอย่าง ทว่าหม้อสัมฤทธิ์หนักอึ้งใบนั้นพุ่งเข้าใกล้เยี่ยฉวนเสียแล้ว จะห้ามก็คงไม่ทันการ…
ปีศาจเฒ่าถงปี่ลงมือโดยไม่ให้เยี่ยฉวนอ้อนวอนขอชีวิตแต่อย่างใด อารมณ์ของเขาแปรปรวนไม่แน่นอน…นึกอยากสังหารก็สังหารเอาเสียอย่างนั้น ยามอาละวาดเขาโหดร้ายยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก!
ทันใดนั้นเองคลื่นความร้อนแผดเผาเผ่กระจายครอบคลุมไปทั่วบริเวณอย่างรวดเร็ว!
ขณะที่ทุกคนกำลังจดจ่อรอคอยชะตากรรมสุดท้ายของเยี่ยฉวนด้วยคิดว่าเขาไม่มีทางรอดเป็นแน่ เงาดำมืดรูปร่างมือปริศนาก็พุ่งเข้าหยุดหม้อสัมฤทธิ์ยักษ์น้ำหนักหนึ่งหมื่นจินจนลอยค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ! ฉับพลันเปลวเพลิงสีแดงสว่างจ้าแผดเผาหม้อสัมฤทธิ์จนหลอมละลายจากโลหะแข็งกล้าเป็นของเหลวในพริบตาต่อหน้าทุกคน!
เปลวไฟสุริยันแผดเผา!
ปีศาจเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุและปกป้องเยี่ยฉวนจากการถูกปีศาจเฒ่าถงปี่โจมตีได้อย่างทันท่วงที!
เยี่ยฉวนวางแผนทุกอย่างไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยใช้กระแสจิตที่เชื่อมโยง ทว่าคนของสำนักเครื่องนิลทั้งหมดต่างประหลาดใจยิ่งเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชายชราสวมหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่ รองเท้าของเขาเปื้อนดินโคลนทำให้ลักษณะดูคล้ายกับชาวนาชราธรรมดาๆ ผู้หนึ่ง ทว่าขั้นการฝึกตนของเขากลับเก่งกาจท้าทายสวรรค์เสียจนทุกคนตกตะลึงยิ่ง! ส่วนปีศาจเฒ่าถงปี่เผยสีหน้าเครียดเคร่งขึ้นทันที
“คุณชาย ข้าน้อยมาช้าไปแล้ว…” ปีศาจเพลิงโน้มกายลงคำนับเยี่ยฉวนอย่างนอบน้อมเพื่อขออภัย เมื่อจ้าวต้าจื่อไปพบเขาและบอกความที่ศิษย์พี่ใหญ่กำชับว่า หากยามราตรีมาเยือนแล้วเขายังไม่กลับมาให้ออกตามหาทันที เขาจึงจับกระแสจิตค้นหาเยี่ยฉวน ทำให้มาถึงได้ทันเวลา!
“ไม่สาย…เจ้ามาทันเวลาพอดี ไปจากที่นี่กันเถิด! ส่วนน้องหญิง…อย่ากังวลไป เราสองคงมีวาสนาได้ร่วมห้องหอกันสักวัน!”
เยี่ยฉวนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะสบตาโท่วป่าเซียงเนียวทิ้งท้าย จากนั้นจึงหมุนกายหายวับไปพร้อมกับปีศาจเพลิง!
“ไอ้บัดซบ! ข้าจะรอจนถึงวันประลองครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างสามสำนัก ถึงเวลานั้นข้าจะสังหารเจ้าบนสังเวียนด้วยตัวเองอย่างแน่นอน!” หงลี่ขบกรามแน่นด้วยคาดไม่ถึงว่าเยี่ยฉวนจะรอดพ้นจากหายนะไปได้ แม้โกรธแค้นอีกฝ่ายเพียงใด แต่เมื่อเห็นปีศาจเพลิงคอยปกป้องไม่ห่างกาย เขาไม่กล้าพอที่จะติดตาม
“ยินดีต้อนรับเสมอ!”
เยี่ยฉวนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พลางโคลงศีรษะโดยไม่ชายตามองหงลี่แม้แต่น้อย
ศิษย์ของสำนักเครื่องนิลรวมถึงปีศาจเฒ่าถงปี่ต่างเผยสีหน้าที่แสดงถึงความลำบากใจ เขาจ้องมองชายชราผู้สวมหมวกไม้ไผ่สานใบใหญ่อย่างพิจารณาพลางพึมพำ “เป็นเขา! เป็นเขาจริงๆ ด้วย! เป็นไปได้อย่างไรกัน!”
ปีศาจเฒ่าถงปี่จดจำลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของปีศาจเพลิงได้เลือนราง ทว่าเขายังไม่เชื่อสายตาตนเอง และเกิดความสงสัยว่าจำคนผิดไปหรือไม่?! บางทีเจ้าสำนักหยุนเฟยหวู่แห่งสำนักหมอกเมฆาออกท่องยุทธภพระยะเวลานาน จึงส่งยอดฝีมือมาคอยคุ้มครองเยี่ยฉวนซึ่งเป็นศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักแทนตนก็เป็นได้!