บทที่ 60 ยาเม็ดเชี่ยนหยาง
ครั้นเยี่ยฉวนกลับมาถึงยอดเขาเมฆาอินทนิลก็ประกาศเก็บตัวฝึกโดยทันที!
ข่าวดังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วสำนัก บรรดาศิษย์ต่างพากันส่ายหัว…รอให้เวลากระชั้นชิดแล้วจึงกอดขาขอพรพระเป็นเช่นนี้เอง!
*กอดขาขอพรพระ = โอบพระบาทพระพุทธเจ้าในเวลาที่ขัดสน / รอให้เหตุการณ์จวนตัวเสียก่อนจึงรีบเร่งกระทำการ
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะถึงการประลองครั้งยิ่งใหญ่จึงค่อยเก็บตัวฝึก ก่อนหน้านี้เล่า…เขามัวทำสิ่งใดอยู่? เก็บตัวฝึกตนเพียงวันสองวันแต่คิดจะเอาชนะในการประลอง นี่ไม่ใช่การคิดเพ้อฝันหรืออย่างไร?
บรรดาศิษย์ต่างโคลงศีรษะพร้อมทอดถอนใจ หัวเราะไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก บางรายเริ่มทุกข์ใจด้วยกลัวชื่อเสียงของสำนักจะต้องป่นปี้และเสียหน้าในการประลองครั้งนี้ แต่ก็มีบางรายที่มีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น คนเหล่านั้นรอคอยอย่างจดจ่อว่าเยี่ยฉวนจะแพ้หมดรูปจนร่วงจากตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่อย่างไร?!
เรือนบนยอดเขาเมฆาอินทนิลเงียบสงัด คลื่นพลังบางเบาแต่แข็งแกร่งแผ่ปกคลุมโดยรอบ ทำให้ศิษย์บางคนที่อยากรู้อยากเห็นและตั้งใจมาสืบเสาะได้แต่มองก่อนชะงักฝีเท้า
เยี่ยฉวนใช้พลังสร้างเขตหวงห้ามให้แก่เรือนบนยอดเขาเมฆาอินทนิล ทว่าเขากลับวุ่นวายอยู่ในห้องปรุงยา ไม่ได้เก็บตัวเงียบฝึกตนแต่อย่างใด!
วันนี้เขาต้องการปรุงยาบำรุงขนานใหญ่ให้สำเร็จ…ยาเม็ดเชี่ยนหยาง!
ก้อนผลึกแก้วจากร่างอสุรกายพันขาที่ได้มาโดยบังเอิญจากหุบเขาหลังสำนัก เป็นหนึ่งในวัตถุดิบของการปรุงยาเชี่ยนหยาง ทั้งยังมีพืชสมุนไพรหลากชนิดที่ปีศาจเพลิงเก็บมาเพิ่ม ทุกอย่างถูกตระเตรียมไว้ครบครัน ยาเม็ดเชี่ยนหยางเป็นยาบำรุงดวงจิตชั้นดี สามารถช่วยให้ฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว หากเคี่ยวปรุงเป็นเม็ดเรียบร้อยแล้วจะแผ่ปราณหยางออกมาจนอาจเกิดเป็นชนวนให้ฟ้าดินแปรปรวน! ด้วยความสามารถของตนที่น้อยนิดทำให้เขาไม่กล้าทำการใหญ่เอิกเกริก จึงอาศัยข้ออ้างเก็บตัวฝึกตนในการสร้างอาณาเขตหวงห้ามเพื่อปกป้อง
พืชสมุนไพรต้นแล้วต้นเล่าถูกโยนลงไปในหม้อต้มยา ฟืนด้านล่างโหมไฟรุนแรง ครั้นเคี่ยวต้มไปหนึ่งชั่วยามพลันมียาน้ำจอกเล็กๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้า กลิ่นหอมตลบอบอวลโชยปะทะจมูกทันที!
เยี่ยฉวนสูดกลิ่นหอมของยาน้ำจอกนั้นจนเต็มปอด จากนั้นจึงค่อยๆ หย่อนก้อนผลึกแก้วจากร่างอสุรกายพันขาลงไปอย่างระมัดระวัง จากนั้นเริ่มโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ให้สร้างค่ายกลขึ้นบริเวณใต้ฝ่าเท้า
การจะปรุงยาเม็ดชั้นดีไม่เพียงต้องมีทักษะการปรุงยาที่ล้ำลึก ยังต้องอาศัยดูดซับพลังจากปราณวิญญาณพิสุทธ์อีกด้วยเพื่อให้สรรพคุณของเม็ดยาไร้ที่ติ ด้านการปรุงยานี้ เป็นสิ่งที่สำนักหมอกเมหาซึ่งก่อตั้งมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษชำนาญเป็นพิเศษ
ตัวเรือนเมฆาอินทนิลมีห้องตำราและห้องปรุงยาแยกเป็นสัดส่วน ลักษณะคล้ายนกกระจอก…ที่แม้จะตัวเล็กแต่ก็มีอวัยวะครบถ้วน ภายในห้องปรุงยาสะอาดเอี่ยม โอ่อ่าและประณีต อุปกรณ์ปรุงยาล้วนแต่เป็นสมบัติชั้นเลิศทั้งนั้น ทว่าสำหรับเขาแล้วสิ่งของเหล่านี้ช่างไร้ประโยชน์ พลังการใช้งานของมันยังไม่มากพอ เทียบกับอุปกรณ์ที่เขาเคยใช้ปรุงยาในอดีตชาติไม่ได้เลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยระยะเวลาเพียงคืนเดียวทำให้เขาไม่อาจหาอุปกรณ์ที่ดีกว่านี้ได้ ทั้งเวลายังไม่เพียงพอที่จะสร้างเครื่องมือปรุงยาขึ้นมาใหม่
กลิ่นหอมเย็นประหลาดค่อยๆ ลอยสูงขึ้นแพร่กระจายไปรอบห้องปรุงยา ตลบอบอวลไปทั่วบริเวณยอดเขาเมฆาอินทนิล จากนั้นจึงแผ่ออกไปสี่ทิศทาง
ผู้คนต่างลอบนินทากันเซ็งแซ่เรื่องเยี่ยฉวนกอดขาขอพรพระก่อนจะตาย ขณะที่ทุกมุมของสำนักกำลังวิจารณ์กันอย่างสนุกปากก็มีคนจมูกไวได้กลิ่นก่อน เขาขยับจมูกเล็กน้อยจนสัมผัสถึงกลิ่นหอมประหลาดที่ยิ่งนานยิ่งเข้มข้น กลิ่นหอมนั้นแตกต่างจากกลิ่นยาหอมทั่วไป เมื่อสูดดมแล้วจึงเกิดความรู้สึกมีความอบอุ่นแผ่ซ่านทั่วร่าง อวัยวะภายในและดวงจิตก็เริ่มสดชื่นกระปรี้กระเปร่า
นี่คือกลิ่นหอมของยาชนิดใดกัน?!
เยี่ยฉวนเก็บตัวเงียบเพื่อฝึกตนไม่ใช่หรือ? บนยอดเขาเมฆาอินทนิลเกิดสิ่งใดขึ้น?
ทุกคนต่างเกิดความสงสัย บางคนคิดอยากจะเหยียบกระบี่บินขึ้นไปสำรวจ แต่กลับถูกพลังประหลาดผลักออก ยอดเขาเมฆาอินทนิลที่ไม่เคยมีการป้องกันใดๆ ยามนี้กลับมีคลื่นพลังลึกลับน่าอัศจรรย์ปกคลุมไว้โดยรอบ…พลังของเขตต้องห้าม! บรรดาศิษย์ต่างรู้สึกตกตะลึง แม้แต่ทหารอารักขาและผู้พิทักษ์ซึ่งอยู่ที่นี่มาหลายปี ยังไม่เคยเห็นยอดเขาเมฆาอินทนิลมีพลังต้องห้ามป้องกันเช่นนี้มาก่อน!
ณ หอแปรธาตุ จินจื่อคุนที่กำลังออกหมัดรำมวยจนโลหิตและลมปราณภายในพลุ่งพล่านหยุดการกระทำทุกอย่างลง ร่างกายหยางอันศักดิ์สิทธิ์พลันสั่นระรัวอย่างไม่อาจควบคุมเป็นครั้งแรก เพราะสัมผัสกลิ่นหอมประหลาดที่ลอยแผ่มาจากยอดเขาเมฆาอินทนิล
ภายในห้องลับที่มืดมิดและเงียบสนิท อาวุโสลำดับสามผู้มีใบหน้าดำคล้ำลืมตาขึ้นก่อนเผยสีหน้าเคร่งเครียด
ณ ยอดเขาลูกหนึ่งที่มีความสูงเทียมเมฆ อาวุโสสูงสุดซู่โกวหงผู้เข้าสูห้วงสมาธิในห้องซอมซ่อพลันลืมตาตื่นจากภวังค์พร้อมก้มหน้าครุ่นคิดบางสิ่ง
ขณะเดียวกัน…อาวุโสลำดับสองหนานกงเหรินที่กำลังดูแลรดน้ำพรวนดินต้นพืชนานาพรรณอยู่ ก็วางจอบขุดสมุนไพรในมือตนลง ก่อนมองไปทางยอดเขาเมฆาอินทนิลอันเป็นสถานที่พำนักของเยี่ยฉวนด้วยแววตาวูบไหว
ยังไม่ทันปรุงสำเร็จ ยาเม็ดเชี่ยนหยางของเยี่ยฉวนก็ก่อความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสำนักหมอกเมฆาถึงเพียงนี้!
ยาเม็ดเช่นนี้แม้แต่ในสำนักหมอกเมฆาที่เลื่องชื่อด้านการปรุงยายังพบเจอผู้เชี่ยวชาญน้อยครั้ง แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดเชื่อว่าเยี่ยฉวนจะลงแรงปรุงยาด้วยตนเอง บางคนคาดเดาว่าเขาอาจค้นพบของวิเศษที่ท่านเจ้าสำนักทิ้งไว้ให้ หรือไม่ก็อาจเก็บมาจากที่อื่น ข่าวลือว่าเยี่ยฉวนค้นพบแดนสนธยาในสุสานเทพเจ้าที่เหอไท่ซวีแพร่ไว้เมื่อครั้งก่อนพลันปรากฏขึ้นสนับสนุนความคิดของผู้คนอีกครา ผู้คนเริ่มวิจารณ์กันเซ็งแซ่…ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วสำนักยิ่งกว่าเดิม
กลิ่นหอมหวลที่ลอยอยู่บนอากาศยิ่งนานยิ่งเข้มข้น ทันใดนั้นมีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้น! บริเวณอื่นๆ ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ ทว่าบริเวณท้องฟ้าเหนือยอดเขาเมฆาอินทนิลกลับปกคลุมไปด้วยแสงสีแดงฉาน…ปราณหยางแข็งกล้าแผ่กระจายไปทั่วจนอากาศรุ่มร้อนขึ้นมาฉับพลัน!
เจ้าหอแปรธาตุจินจื่อคุนที่กำลังฝึกกำลังภายในขัดเกลาร่างกายหยางอันศักดิ์สิทธิ์ จำต้องหยุดชะงักจนร่างกายสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ดวงจิตแทบฝืนไว้ไม่อยู่และเกือบถูกปราณหยางที่แผ่มาจากยอดเขาเมฆาอินทนิลม้วนตลบออกไป
กลับมาที่เรือนเมฆาอินทนิล…ปีศาจเพลิงผู้คอยช่วยเหลือเยี่ยฉวนโคจรเคล็ดวิชาพิทักษ์เขตหวงห้ามยิ่งย่ำแย่ เขาฝึกตนบรรลุร่างสุริยันแผดเผาทำให้กายยิ่งไวต่อปราณหยางมากกว่าจินจื่อคุนหลายเท่า! หากพลังใจไม่หนักแน่นพอคงพุ่งลงไปในหม้อเคี่ยวยาตั้งนานแล้ว ส่วนบริเวณหุบเขาหลังสำนักที่รกชัฏทั้งยังมืดครึ้ม ปรากฏร่างภูติอสุรกายขึ้นมาเรื่อยๆ เสียงคำรามอย่างดุดันดังขึ้นจากสัตว์นับร้อยตน สัตว์อสูรร้ายจำนวนมากถูกปรากฏการณ์ฟ้าดินวิปริตดึงดูดให้เข้าใกล้ แต่ถึงอย่างไรพวกมันก็ไม่อาจเข้าใกล้ยอดเขาเมฆาอินทนิลได้ เพราะถูกพลังเขตหวงห้ามสกัดไว้
ท้องนภาแปรปรวนอย่างบ้าคลั่งเหนือยอดเขาเมฆาอินทนิลเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยาม จากนั้นจึงค่อยๆ สลายไป…
เยี่ยฉวนยืนอยู่ในห้องปรุงยา…เส้นเอ็นทั่วร่างเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด บนฝ่ามือมียาเม็ดสีแดงสดจำนวนสามเม็ด แม้ร่างนี้จะมีข้อจำกัดด้านการฝึกตนทำให้สิ้นเปลืองพลังโอสถไปมากพอสมควร ทว่าเขาก็ยังอาศัยความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างโชกโชนเคี่ยวปรุงยาเม็ดเชี่ยนหยางขึ้นมาได้ น่าเสียดายที่มีเพียงสามเม็ด…หากเขาฝึกตนจนบรรลุขั้นซิวฉืออาจเคี่ยวยาออกมาได้มากกว่านี้
“คุณชาย…สำเร็จแล้วหรือ?” ปีศาจเพลิงกลืนน้ำลายลงคอขณะเดินเข้ามาดู นัยน์ตาส่องประกายร้อนแรง น้ำเสียงแหบพร่า ทั้งทั่วร่างยังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเนื่องจากต้านทานการดึงดูดของยาเม็ดเชี่ยนหยางไว้อย่างมั่นคง เขามองดูเยี่ยฉวนที่ยังมีท่าทีเหน็ดเหนื่อยยิ่ง
“อี้เหยียนจื่อ เจ้าไม่มั่นใจในตัวข้าหรืออย่างไร?!”
เยี่ยฉวนมองไปที่ปีศาจเพลิงผู้เหน็ดเหนื่อยและสูญเสียพลังไปมากเช่นกันด้วยความพึงพอใจ จากนั้นจึงดีดนิ้วชี้ ยาเชี่ยนหยางหนึ่งเม็ดพลันร่วงมาตรงหน้าชายชราเคราแดง “นี่…ยาเชี่ยนหยางเม็ดนี้เป็นของเจ้าแล้ว เจ้าฝึกตนบรรลุร่างสุริยันแผดเผาคงสูญเสียพลังไปไม่น้อย ยาขนานนี้จะช่วยบรรเทาอาการของเจ้าได้อย่างดี”
“ขอบคุณยิ่งขอรับ ขอบคุณคุณชายแล้ว!”
ปีศาจเพลิงมองผู้เป็นนายด้วยสีหน้าปิติยินดีขณะโค้งคำนับเป็นการคารวะ ก่อนกลืนยาเม็ดเชี่ยนหยางลงไปในคำเดียว เพียงครู่ร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่! พลังปราณภายในทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ เขากลืนกินยาเม็ดเชี่ยนหยางเพียงหนึ่งเม็ดแต่กลับมีพลังราวทำการฝึกตนมาเป็นร้อยปี! ปีศาจเพลิงถึงขั้นเกิดความหวังที่จะกลับไปยังช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์อีกครั้ง ทั้งยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตนจะสามารถบรรลุการฝึกขั้นต่อไปได้อีก!
ใบหน้าของชายชราเคราปรากฏเลือดฝาดและร่องรอยแห่งชีวิตชีวา ผิวบนหน้าได้รับการบำบัดรักษา…รอยปริแตกทั้งหมดเลือนหายไป กายสว่างสดใสเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี จิตใจของเขาตื่นเต้นเหลือประมาณ
เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้กี่ปีมาแล้ว? นับตั้งแต่ที่เขาต้องเผชิญการพลิกตลบของร่างสุริยันแผดเผา พลังปราณของเขาก็ไร้ความก้าวหน้า… ความหวังที่ว่าพลังปราณจะกลับมาก้าวหน้าได้อีกดับสิ้นหมดแล้ว เขาร่อนเร่พเนจรในป่ารกและตลาดมืดนานหลายปี ทว่าก็ไร้หนทางแก้ไขให้กลับไปเป็นเช่นเดิม คาดไม่ถึงว่าการติดตามรับใช้เยี่ยฉวนเพียงไม่นานกลับมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นเรื่อยๆ
เวลาไม่กี่วันชีวิตเขายังก้าวหน้าถึงเพียงนี้? หากติดตามเยี่ยชวนต่อไป…จะมีเรื่องน่ายินดีใดเกิดขึ้นอีก?!
ปีศาจเพลิงผู้ตกต่ำไร้ซึ่งหนทางมานานนับปีพลันเกิดความหวัง เขามีความมั่นใจยิ่งที่จะฝึกฝนต่อและไปให้ถึงเป้าหมาย!
ปีศาจเพลิงรู้สึกตื่นเต้นยินดี ในใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง…
เขาไม่เคยได้ยินเรื่องยาเม็ดเชี่ยนหยางมาก่อน แต่เมื่อเห็นปรากฏการณ์ประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะอยู่ในกระบวนการปรุงยา ทั้งยาชนิดนี้ยังมีกลิ่นหอมอบอวลแตกต่างจากยาทั่วไป จึงรับรู้โดยสัญชาตญาณว่านี่ไม่ใช่ยาเม็ดธรรมดาอย่างแน่นอน พลังของเยี่ยฉวนยังไม่ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์ ทั้งดวงจิตก็ยังได้รับบาดเจ็บหนัก ยาเม็ดก็มีจำนวนจำกัดเพียงสามเม็ดใช้คนเดียวยังไม่พอ ไม่คาดคิดเลยว่าเยี่ยฉวนจะมีน้ำใจแบ่งให้เขามาหนึ่งเม็ดอย่างใจกว้าง
“มันเป็นเม็ดยาสวรรค์ระดับต่ำ เท่านั้นเอง ไม่ได้มีความวิเศษมากมาย อี้เหยี่ยนจื่อ…จงตั้งใจฝึกตนเถิด ต่อไปเจ้าจะรู้ว่ายังมียาเม็ดที่ล้ำเลิศกว่านี้อีกมาก” เยี่ยชวนเผยสีหน้าสงบนิ่งขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบช้า ทว่าปีศาจเพลิงกลับตกตะลึงยิ่ง!
เม็ดยาสวรรค์!
ดินแดนอรัญญิกแบ่งยาและของวิเศษออกเป็นสี่ระดับ ได้แก่ระดับสวรรค์ ปฐพี มนุษย์ สามัญ และทุกระดับยังแบ่งเป็นระดับต่ำ ระดับกลาง ชั้นดีและชั้นเลิศ เม็ดยาระดับสวรรค์หนึ่งเม็ดสามารถนำไปวางขายในตลาดภายนอกสำนักได้ในราคาสูง อาศัยความเชี่ยวชาญเลื่องชื่อด้านการปรุงยาของสำนักหมอกเมฆา หากจะปรุงเม็ดยาระดับสวรรค์ออกมาอีกกี่เม็ดล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย!
ปีศาจเพลิงได้แต่ตะลึงงัน ที่ผ่านมาเขาคิดว่าตนคุ้นเคยกับเยี่ยฉวนดี ทว่ายิ่งเวลาผ่านพ้น กลับยิ่งรู้สึกว่าตัวตนของอีกฝ่ายช่างลึกลับและน่าอัศจรรย์อย่างยากที่จะคาดเดา!