Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 68 ผู้ใดเป็นชาวประมง? ผู้ใดเป็นเหยื่อ?

บทที่ 68 ผู้ใดเป็นชาวประมง? ผู้ใดเป็นเหยื่อ?

จ้าวต้าจื่อกลับถึงสำนักหมอกเมฆาด้วยร่างกายที่สั่นคลอน จากนั้นจึงเดินตรงไปยังยอดเขาเมฆาอินทนิลเพื่อขอบคุณเยี่ยฉวน แม้หาของกำนัลมามากมายเพียงใดก็ไม่เพียงพอที่จะตอบแทนบุญคุณของศิษย์พี่ใหญ่!

ยามที่เขาและครอบครัวประสบความยากลำบากเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกราวก้าวเท้าข้างหนึ่งลงไปในหลุมฝังศพ…ชีวิตก้ำกึ่งอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย! เยี่ยฉวนเปรียบเสมือนพระโพธิสัตว์ผู้ฉุดดึงเขาขึ้นมาจากหลุมนั้น!

“ศิษย์พี่ใหญ่! ข้ากลับมาแล้ว! ข้า…”

เขาคุกเข่าลงคำนับเยี่ยฉวนทันทีที่พบหน้าก่อนร้องไห้โฮออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ เขาซาบซึ้งใจเสียจนไม่อาจพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้ ก่อนหน้านี้เขาไม่ใส่ใจศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้เช่นเดียวกับศิษย์คนอื่นๆ แต่ยามนี้เขาตั้งปณิธานอย่างแน่ชัด…เขายินดีติดตามรับใช้เยี่ยฉวนจนกว่าชีวิตนี้จะหาไม่! หากเขาเป็นสตรีมิใช่บุรุษเพศคงจะให้คำมั่นสัญญาอย่างจริงจังว่าจะตบแต่งเป็นภรรยาของเขา

“เจ้าปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว!”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับก่อนพิจารณาท่าทีเช่นนั้นของเจ้าอ้วนก่อนเผยรอยยิ้มยียวนขณะกล่าวออก “เป็นอย่างไร? เจ้าอ้วน…ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ดูเหมือนคนช่างหลอกลวงหรือ?!”

“มิได้ขอรับ!”

จ้าวต้าจื่อรีบส่ายหน้า เขาชื่นชมความปรีชาของศิษย์พี่ใหญ่เสียเหลือเกินที่มองการณ์ไกลถึงเพียงนี้ เขาไม่คาดคิดเลยว่ากระดาษเพียงใบเดียวสามารถทำเงินได้มากโข “ศิษย์พี่ใหญ่! กระดาษแผ่นนั้นคือสิ่งใดหรือ? หาก…”

เขาหยุดชะงักชั่วครู่…ดวงตาพลันวูบไหวขณะยกมือขึ้นสัมผัสตั๋วเงินปึกใหญ่ที่ซ่อนไว้ในอกเสื้อ

ภาพอักขระที่เขียนขึ้นโดยไร้ความวิจิตรบรรจงสามารถขายได้ในราคาสูงถึงหนึ่งหมื่นสองพันตำลึง! แล้วถ้ามีมากกว่าหนึ่งร้อยใบ ภายในหนึ่งวันเขาจะได้เงินทั้งหมด…

เมื่อเขาเอาชีวิตรอดกลับมาได้อย่างปลอดภัย…สมองเปี่ยมด้วยไหวพริบเริ่มคิดถึงเงินตราและผลกำไรที่จะได้รับในอนาคต!

“นั่นคือยันต์…ไม่ใช่เศษกระดาษธรรมดา ข้ามีเพียงแผ่นเดียวเท่านั้น”

เยี่ยฉวนคาดเดาได้ว่าอีกฝ่ายคิดสิ่งใดอยู่จึงกล่าวตอบไปเช่นนั้น ใบหน้าเขายังซีดเผือดเนื่องจากพลังยุทธ์ภายในร่างยังไม่ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ครั้นเจ้าอ้วนกำลังจะอ้าปากเขาจึงพูดขัดขึ้นเสียก่อน “อย่าดูถูกยันต์แผ่นนั้นเชียว! เจ้าอาจคิดว่าข้าเขียนมันขึ้นมาโดยง่าย อันที่จริงการเขียนยันต์นั้นกินพลังข้าไปไม่น้อย เจ้าอ้วน…จงจำคำของศิษย์พี่ใหญ่ไว้ให้ดี อย่าคิดว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จได้โดยไม่ใช้ความพยายาม…เจ้าต้องพยายามมากกว่านี้เพื่อได้รับ!”

“ขอบพระคุณยิ่งขอรับศิษย์พี่ใหญ่ที่ชี้แนะแนวทางให้ข้า! ศิษย์น้องจะจดจำไว้!”

จ้าวต้าจื่อพยักหน้าพร้อมก้มลงคำนับรับคำชี้แนะจากเยี่ยฉวน ความสงสัยและข้อข้องใจถูกไขจนกระจ่างแจ้ง!

ถูกแล้ว! ประโยคที่ศิษย์พี่ใหญ่กล่าวมาเป็นความจริง! หากผู้ใดต้องการประสบความสำเร็จเหนือคนอื่นๆ คนผู้นั้นต้องเพียรพยายามให้มากยิ่งกว่า ยามนี้ชื่อเสียงของเยี่ยฉวนเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น แต่ผู้ใดจะรู้ว่าเขาใช้เวลาเพียงใดในการฝึกตนอย่างสันโดษ?

แม้เขาจะขี้ขลาดและโผงผางแต่เขาไม่ได้ไร้ปัญญา…ประโยคชี้แนะจากเยี่ยฉวนจะถูกจารึกไว้ในจิตใจ

“เจ้าอ้วน เจ้าบอกว่ายันต์แผ่นนั้นถูกปีศาจเขาโค้งซื้อไว้ใช่หรือไม่?” เยี่ยฉวนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวไม่ใส่ใจ ทว่าใบหน้ากลับเคร่งขรึม

จ้าวต้าจื่อพยักหน้า ครั้นนึกถึงเหตุการณ์อกสั่นขวัญแขวนเมื่อครู่ความกลัวที่ยังหลงเหลืออยู่ในจิตใจก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง “ถูกแล้วขอรับ! ชายผู้นั้นสูงเกือบสามเมตร เรียกตัวเองว่านากู๋ซือ…ท่าทางไม่เหมือนคนในสำนักราชวงศ์ต้าฉิน การเคลื่อนไหวของเขาว่องไวและดุร้ายยิ่ง บนศีรษะมีเขาคู่หนึ่งงอกออกมาอีกด้วย! แม้พยายามปิดบังร่างกายแต่ข้ายังสัมผัสได้ถึงปราณปีศาจ ศิษย์พี่ใหญ่…เขาจะต้องเป็นมารปีศาจอย่างแน่นอน! หากศิษย์พี่เทียนโตวมาช้ากว่านี้เพียงนิด ข้าคงไม่มีโอกาสกลับมาพบท่านเช่นนี้ เขาหาญกล้าไล่ตามพวกเรามาจนถึงประตูทางเข้าสำนักหมอกเมฆาเลยทีเดียว!”

ร่างของเจ้าอ้วนยังคงสั่นสะท้านด้วยความหวาดผวาเมื่อหวนนึกถึงการไล่ตามจากปีศาจนากู๋ซือ!

“นากู๋ซืองั้นรึ?!” เยี่ยฉวนพึมพำเบาก่อนตอบกลับ “เช่นนั้นหลังจากนี้หากเจ้าออกไปนอกสำนักก็จงระวังตนให้มาก เอาล่ะ! ใกล้เวลาแล้ว…อย่าให้เจียเจียและผู้อื่นรอนานนัก เร่งไปกันเถิด!”

เยี่ยฉวนยืนขึ้นก่อนหันไปสั่งการปีศาจเพลิงที่กำลังพักฟื้นร่างกายให้คอยอยู่ที่เดิมและจัดการเรื่องต่างๆ บนยอดเขาเมฆาอินทนิล จากนั้นจึงเดินนำหนานเทียนโตวและจ้าวต้าจื่อออกไป จูซือเจีย อี้สั่วและผู้พิทักษ์แซ่หยางรออยู่ที่ประตูอยู่ก่อนแล้ว ครั้นคนครบจึงเดินทางออกจากสำนักมุ่งตรงไปยังผาปากอินทรีที่อยู่ห่างออกไปกว่าร้อยลี้ บริเวณนั้นมีลานประหารเก่าแก่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าผา หลายปีที่ผ่านมาทั้งสำนักหมอกเมฆา สำนักเครื่องนิลและสำนักเบญจลักษณ์ต่างใช้มันเป็นที่ตัดสินข้อพิพาทต่างๆ

แม้เยี่ยฉวนมีศักยภาพเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ ทั้งทักษะการฝึกตนยังก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง ทว่าเขายังบรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อ หนำซ้ำยังอ่อนแอที่สุดในบรรดาศิษย์พี่ใหญ่ของทั้งสามสำนัก ไม่มีผู้ใดคาดหวังว่าสำนักหมอกเมฆาจะชนะการประลองครั้งนี้ นอกเสียจากโชคชะตาจะเข้าข้าง อันดับของพวกเขาถูกกำหนดให้อยู่ท้ายสุด หากการประลองจบลงอาจพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวช

การประลองครั้งใหญ่ระหว่างสามสำนักถูกจัดขึ้นเป็นประจำทุกๆ สามปี ตามหลักแล้วจะต้องมีผู้อาวุโสคนหนึ่งเป็นผู้นำและให้การสนับสนุนเหล่าศิษย์ที่เข้าร่วม ทว่าครั้งนี้ไม่มีผู้อาวุโสคนใดสมัครใจเป็นผู้นำ อาวุโสสูงสุดซู่โกวหงมีหน้าที่ต้องคอยปกป้องสำนักจึงไม่เหมาะสม ส่วนอาวุโสลำดับสองหนานกงเหรินไม่ใส่ใจเรื่องอื่นนอกจากพืชสมุนไพร ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงอาวุโสลำดับสามไป๋เยี่ยนหูผู้ต้องการเพียงเยี่ยฉวนตกตายไปเสีย ดังนั้นผู้นำในการเดินทางครั้งนี้จึงตกเป็นหน้าที่ของผู้พิทักษ์หยาง…สีหน้าของเขาคล้ำหม่นและเอาแต่สาปแช่งความโชคร้ายของตนตลอดเวลา

เยี่ยฉวนเพิกเฉยต่อสีหน้าบอกบุญไม่รับของผู้พิทักษ์หยาง เขาย่างก้าวด้วยท่าทางผ่อนคลายราวการเดินทางครั้งนี้เป็นการชมทิวทัศน์…สีหน้าเคร่งเครียดไม่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย เสมือนไม่วิตกกังวลใดๆ ต่อการประลองที่รออยู่ ทั้งยังล้อเลียนชุดเกราะที่จูซือเจียสวมใส่บ่อยครั้งจนนางโกรธายิ่งที่ได้ยินคำพูดเช่นนี้!

ขณะที่คณะเดินทางของเยี่ยฉวนออกจากสำนักไปได้สักระยะแล้ว ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีจมูกงองุ้มราวนกเหยี่ยวสวมชุดพรางตัวตนคอยอยู่แถวเชิงเขา ก่อนลอบตามคนเหล่านั้นไปอย่างเงียบเชียบ…

แม้มอบหมายงานให้อี้สั่วรับผิดชอบแล้วแต่จินจื่อคุนยังไม่วางใจ ยามนี้เขาไม่ใส่ใจฐานะเจ้าแห่งหอแปรธาตุอีกต่อไป! อาวุโสลำดับสามอาจหมายปองตำแหน่งศิษย์พี่ใหญ่จากเยี่ยฉวนและถือโอกาสเข้าบงการสำนักหมอกเมฆาอย่างสมบูรณ์ และจะหาบุคคลมารับตำแหน่งแทนตนในภายหลัง ทว่าเขาต้องการเพียงชีวิตของเยี่ยฉวนเท่านั้น! จินหัวบุตรชายเพียงคนเดียวถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี หากเขาฆ่าเยี่ยฉวนไม่ได้แล้วจะให้เขาดำรงชีวิตอยู่ในสำนักต่อไปได้อย่างไร?!

จินจื่อคุนมากประสบการณ์ในการซ่อนเร้นร่างกาย ทั้งทักษะยังเหนือกว่าศิษย์ทั่วไป…แม้เขาไม่เคลื่อนที่โดยกระบี่บินแต่ก็ยังไล่ตามคณะของเยี่ยฉวนราวอสรพิษเลือดเย็น หากสบโอกาสเมื่อใดเขาจะบุกสังหารอีกฝ่ายเมื่อนั้น!

เยี่ยฉวนยังทอดอารมณ์เช่นเดิมโดยไม่เอะใจแม้แต่น้อยว่าภยันตรายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ จินจื่อคุนยังคงเร้นกายตามหลังพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้เลยว่าเบื้องหลังของเขาก็มีอีกบุคคลที่ติดตามมาเช่นกัน!

ปีศาจเขาโค้งนากู๋ซือไม่ได้ยอมแพ้หรือจากไปไหนไกลทว่าลอบเดินเตร่อยู่นอกสำนัก ประโยคที่ว่าการทำงานหนักจะไม่ทำให้ผิดหวังเป็นความจริง…ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้ไล่ตามจ้าวต้าจื่ออีกครั้ง! แม้ความแปรปรวนของปราณปีศาจในร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่า แต่ร่างกายของเขายังไม่ฟื้นฟูโดยสมบูรณ์จึงยังคงกระโดดตามหลังจินจื่อคุนไปอย่างต่อเนื่อง

หลังจากนากู๋ซือโคจรยันต์ปีศาจที่ซื้อมาจากตลาดมืดร่างกายของเขาพลันแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นเหตุให้เขาต้องการครอบครองยันต์ประเภทนั้นอีกราวสัตว์ที่หิวโหย หากเจ้าอ้วนหลบซ่อนตัวอยู่ในสำนักหมอกเมฆาเขาก็ทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากรอคอยเท่านั้น บัดนี้เจ้าอ้วนออกจากสำนักแล้ว โอกาสของเขาก่อเกิดขึ้นอีกครั้ง! ทว่าเมื่อมองไปยังเยี่ยฉวน…เขากลับรับรู้ได้ถึงพลังงานประหลาดที่แผ่ออก พลังดังกล่าวคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยสัมผัสมันจากร่างกายของปรมาจารย์ยันต์แปรธาตุ!

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness, 蛮荒风暴
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทนำ ณ ห้องโถงใหญ่บนยอดเขาเมฆาอินทนิล…เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าและบรรดาลูกศิษย์ในสำนักนับพันชีวิตต่างจ้องมองไปทางเดียวกันอย่างไม่เชื่อสายตา! ทุกคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้วในสุสานเทพเจ้าเมื่อสามเดือนก่อน! แม้แต่ผู้พิทักษ์ขั้นซิ่วฉือระดับห้ายังถูกลอบโจมตีจนสิ้นชีพ แล้วเหตุใดผู้ที่บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับที่หนึ่งเช่นเขาจึงมีชีวิตรอดจากหายนะในภารกิจครั้งนั้น?! ใช่…เขาตายไปแล้ว… ‘เยี่ยฉวน’ คนเก่าจอมขลาดเขลาและเหยียมอายคนนั้นตายไปแล้ว! บัดนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเยี่ยฉวนคนใหม่ที่ฝึกตนจนบรรลุขั้นอู่เจ๋อระดับสี่โดยใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน! เขาได้พบเคล็ดวิชาลึกลับ ‘ขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์’ จากสุสานเทพเจ้าโดยบังเอิญ วิชานี้มีพลานุภาพมหัศจรรย์เหนือกว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์เสียอีก! หากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนสำเร็จต้องมีระดับขั้นการฝึกตนที่สูงกว่าภพชาติก่อนเป็นแน่! หรือบางทีอาจบรรลุถึงขั้นผู้อมตะแห่งเต๋าที่เป็นเพียงตำนาน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset