Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 71 ศิษย์น้องทำให้ข้าลำบากยิ่ง

บทที่ 71 ศิษย์น้องทำให้ข้าลำบากยิ่ง

จูซือเจียมักจะลงมือทำทุกสิ่งอย่างว่องไวเสมอ นางเปิดกระโจมเข้ามาโดยไม่สนว่าเยี่ยฉวนกำลังฝึกตนหรือหลับอยู่ เมื่อก้าวขาเข้ามาได้ข้างหนึ่งก็กรีดร้องทันใด

เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิอยู่ในกระโจม ทั้งร่างเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ ดูเหมือนกำลังฝึกฝนวิชามารอยู่

“ไอ้โรคจิต ไอ้บ้า เจ้าทำอะไรน่ะ?”

จูซือเจียทั้งโกรธทั้งอาย หน้าแดงก่ำถึงใบหู

นางต้องการจะเข้ามาตำหนิเขาอย่างรุนแรง แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าเขาจะเปลือยกายเช่นนี้? ช่างน่าเกลียดไร้ยางอายเกินไปแล้ว!

‘นี่เป็นห้องของข้า ข้าอยากทำสิ่งใดก็ทำ ตรงกันข้ามกับเจ้า เจียเจีย เหตุใดจึงบุกรุกเข้ามาในห้องข้ากลางดึกเช่นนี้? เกิดคันก้นอยากจะให้ข้าช่วยอีกอย่างนั้นหรือ?”

เยี่ยฉวนลืมตาขึ้นพลางยกยิ้มชั่วร้าย

ใบหน้าสะสวยของจูซือเจียแดงจัดด้วยความโกรธระคนอับอาย หน้าอกอวบอัดสะท้อนขึ้นลงอย่างน่าเอ็นดู

หญิงสาวผู้กระตือรือร้น ดื้อรั้น และปากร้ายในกาลก่อนกลับตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก นางไม่อยากยอมถอยไปเช่นนี้แต่ก็เขินอายเกินกว่าจะเดินหน้าต่อไป จูซือเจียปรายตามองเยี่ยฉวนเร็วๆ อีกทีก่อนจะเห็นว่าเขาไม่ได้เปลือยเปล่าเสียทีเดียว ร่างของเขาและบริเวณที่เปียกชื้นบนพื้นดินปล่อยกลุ่มควันจางๆ ออกมา

หลังกลับมาที่กระโจม เยี่ยฉวนร่ายเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์อย่างเงียบเชียบเพื่อขับพิษที่อี้สั่วผสมในสุราออกทางรูขุมขน เคราะห์ร้ายที่จูซือเจียโผล่มาเวลานี้พอดิบพอดี

“ว่าอย่างไรนะ? เจ้า…”

จูซือเจียโกรธถึงขีดสุด นางขบฟันแน่นพลางจ้องเยี่ยฉวนด้วยแววตาดุดันก่อนจะย่างเท้าเข้าไปหมายจะสั่งสอนบทเรียนให้กับเขา

นางยังครุ่นคิดถึงตอนที่เยี่ยฉวนฟาดบั้นท้ายของนางมาจนถึงบัดนี้ด้วยความโกรธและอับอาย หากเยี่ยฉวนไม่พูดถึงอีกก็คงไม่เป็นไร ทว่าการที่เขาพูดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาทำให้นางอดขุ่นเคืองไม่ได้

“เฮ้ อย่าเข้ามา ข้าเตือนแล้วนะศิษย์น้องหญิงเจียเจีย เจ้าไม่เห็นหรือ?”

เยี่ยฉวนแสร้งทำเป็นกลัวและไร้เดียงสาขัดกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า “โบราณว่าชายและหญิงไม่ควรสัมผัสมือยามมอบของให้กัน ศิษย์น้องหญิงอย่าเป็นเช่นนี้เลย ข้าไม่ง่ายเช่นนั้น! ศิษย์น้องหญิงอย่าเข้ามา ช้าก่อน! กลางดึกเช่นนี้เจ้าคิดจะทำอะไร?”

“ข้าคิดจะทำอะไรงั้นหรือ? ข้าจะฆ่าเจ้าน่ะสิ!”

จูซือเจียทนไม่ไหวและเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเยี่ยฉวนเป็นฝ่ายเอาเปรียบนางแต่กลับพูดเหมือนนางกำลังยัดเยียดตัวเองให้เขา!

จูซือเจียเร่งความเร็วขึ้น แผ่จิตสังหารแรงกล้า ลืมความตั้งใจที่จะตำหนิเขาไปจนหมดสิ้นเหลือเพียงความต้องการสั่งสอนบทเรียนให้แก่เขา!

“ศิษย์น้องหญิง เจ้าเพิ่งเหยียบแมลงสาบตายน่ะ”

เยี่ยฉวนพูดออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นและมองดูจูซือเจียพุ่งเข้ามาอย่างคุกคาม

จูซือเจียก้มมองพื้นและกรีดร้องทันใด

บนพื้นที่นางหยุดยืนอยู่มีแมลงสาบ! นางเหยียบแมลงสาบตัวหนึ่งตายในขณะที่ตัวอื่นกว่าสิบตัวพากันวิ่งพล่านอย่างตื่นตระหนก เมื่อมองดูบริเวณอื่นจะเห็นว่าแมลงสาบพากันคลานออกมาจากใต้ชั้นดิน พรม และมุมมืดพร้อมเสียงกรอบแกรบ จนสงสัยว่าหากกระทืบเท้าเพียงหนึ่งครั้งจะเหยียบแมลงสาบตายได้กี่ตัวและเลือดแมลงสาบจะแปดเปื้อนมากมายเพียงใด

นี่มันกระโจมประสาอะไรกัน? แม้แต่ในกองขยะยังไม่มีแมลงสาบมากมายเช่นนี้!

จูซือเจียผู้เกลียดกลัวแมลงสาบ งู และหนูมาแต่เด็กกรีดร้องทันที นางออกแรงกระโดดตามสัญชาตญาณ ไม่รู้ว่าด้วยจิตใต้สำนึกหรือความประหม่าทำให้นางกระโดดเข้าสู่อ้อมอกของเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนถึงกับพูดไม่ออก แมลงสาบตัวจ้อยน่ากลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?

แมลงสาบเหล่านี้เป็นผลจากการโคจรเคล็ดวิชาเพื่อขับพิษออกจากร่างกาย ในขณะที่เขาโคจรเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์เพื่อขับพิษนั้นเขาได้ขัดเกลาแมลงสาบที่อยู่โดยรอบไปด้วย เยี่ยฉวนไม่คาดคิดว่าแมลงสาบตัวเล็กในสายตาของจูซือเจียจะน่ากลัวกว่าเขาที่ยืนเป็นๆ อยู่ตรงนี้ทั้งคน

“เร็วเข้า ไล่พวกมันไปเร็วเข้า!” จูซือเจียร้องสั่งซ้ำไปซ้ำมา

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ แสงสีทองสว่างวาบออกจากร่างเมื่อเขาอัญเชิญราชันจักจั่นทองคำ รังสีของมันทำให้เหล่าแมลงสาบกรูหนีออกไปจากกระโจมอย่างรวดเร็ว ทว่าร่างของจูซือเจียยังคงสั่นสะท้าน เยี่ยฉวนเห็นดังนั้นก็ส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้มร้ายกาจ “ศิษย์น้องหญิงเจียเจีย ชายและหญิงไม่ควรสัมผัสมือยามมอบของให้กัน ศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ไม่เคยแตะต้องหญิงใดแม้แต่ปลายนิ้ว แต่คืนนี้เจ้ากลับวุ่นวายไปทั่วซ้ำยังกอดข้าแนบแน่นเช่นนี้ คงต้องรับผิดชอบเสียแล้ว!”

“เหอะ! ไอ้ผีทะเล!”

จูซือเจียได้สติอีกครั้ง ทั้งโมโหและอับอายเสียจนไม่อยากอยู่ในกระโจมนี้ต่อแม้เพียงนาทีเดียว นางวิ่งหนีไปอย่างตื่นตระหนกราวกับลูกกระต่ายตื่นตูม ด้วยความไม่ทันระวังประกอบกับความประหม่าทำให้นางชนเจ้าอ้วนผู้แอบฟังอยู่นอกกระโจมจนลงไปกองอยู่ที่พื้น

จูซือเจียผู้เคยดื้อรั้นและปากร้ายบัดนี้ละอายเกินกว่าจะสู้หน้าใครเมื่อนึกถึงเรือนร่างเปลือยเปล่าของเยี่ยฉวนและยามที่นางกระโดดเข้าสู่อ้อมอกของเขา

จ้าวต้าจื่อก่นด่าความโชคร้ายของตน ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นเดินจากไปนั้นเยี่ยฉวนก็ร้องเรียกจากภายในกระโจม “เจ้าอ้วน เข้ามาหน่อย”

“ขอรับ”

เจ้าอ้วนก้าวเข้าไปในกระโจมอย่างประหม่า เยี่ยฉวนสวมเสื้อผ้าแล้ว สีหน้าของเขาเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นและภายในกระโจมก็เป็นระเบียบเรียบร้อยไร้วี่แววของแมลงสาบแม้แต่ตัวเดียว

“เจ้าอ้วน นี่มันดึกมากแล้ว ข้าพึงใจให้ศิษย์น้องหญิงมาหาข้าในเวลาเช่นนี้แต่ไม่พิศวาสเจ้าเท่าใดนัก ฉะนั้นมีอะไรก็รีบคายออกมาเสีย!” เยี่ยฉวนพินิจดูเจ้าอ้วนที่ทุกข์ทรมานจากอาการท้องร่วงด้วยรอยยิ้มยียวน

“โอ้ ขอรับๆ”

เจ้าอ้วนเหงื่อไหลเป็นทาง เขารู้สึกสบายดียามแอบฟังอยู่นอกกระโจม แต่เมื่อเห็นหน้าเยี่ยฉวนก็เริ่มปวดท้องอีกครั้งจึงรีบเล่าเรื่องราวโดยย่อ “ศิษย์พี่ใหญ่ คืนนี้พวกเราอาการไม่สู้ดีนัก ทุกคนปวดท้องต่อเนื่องรุนแรงแถมข้ายังวิ่งไปสุขามาสิบรอบแล้ว ข้าและศิษย์น้องหญิงเจียเจียสงสัยว่าเป็นเพราะอี้สั่ววางยาในสุราหมายจะให้เราพ่ายแพ้ในการประลองอันยิ่งใหญ่ขอรับ”

“แค่สิบรอบเท่านั้นหรือ?” เยี่ยฉวนถาม

เจ้าอ้วนพยักหน้าก่อนจะชะงักมองเยี่ยฉวนด้วยความเสียใจและสับสน ศิษย์พี่ใหญ่พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? ข้ายังน่าสมเพชไม่พออีกหรือ?

เยี่ยฉวนไม่ได้เอ่ยคำใด เขาหยิบกระดาษและปากกาออกมาเขียนและยื่นให้เจ้าอ้วน

เจ้าอ้วนพินิจดูถ้อยคำบนกระดาษ “ข้า… ศิษย์น้องผู้นี้สร้างความลำบากให้กับท่านอีกครั้งแล้ว”

“ไปเสีย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เจ้าจะดีขึ้นในไม่ช้า” เยี่ยฉวนสั่งก่อนจะคว้ากระดาษจากมือของเจ้าอ้วนมาเผาในตะเกียงน้ำมันจนเป็นเถ้าถ่าน

แววตาของเจ้าอ้วนลุกโชนด้วยความตื้นตันในจิตใจ

เดิมทีเขาต้องการจะเตือนเยี่ยฉวนอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเยี่ยฉวนเข้าใจทุกอย่างมานานแล้ว การประลองอันยิ่งใหญ่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ แม้สถานการณ์จะไม่น่าไว้วางใจแต่ด้วยความสามารถของศิษย์พี่ใหญ่ย่อมหาวิธีรับมือได้เป็นแน่

เจ้าอ้วนโค้งคำนับและกุมท้องจากไป คล้อยหลังเจ้าอ้วนไปไม่นานก็มีแขกอีกคนเข้ามาในกระโจม อี้สั่วผู้กระฉับกระเฉงด้วยความเยาว์วัยยืนอยู่ตรงหน้าเยี่ยฉวนกลางดึกโดยไม่คาดคิด

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าขอเข้าไป!”

อี้สั่วแลดูไม่พอใจ ใบหน้าซีดเผือด “ตอนนี้ทุกคนพูดกันว่าข้าเป็นผู้วางยาในสุราเพื่อให้พวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมการประลองในวันพรุ่งนี้ได้ ข้าเองก็เป็นคนของสำนักหมอกเมฆา เป็นศิษย์ชั้นเลิศในสำนัก มีเหตุผลใดที่ข้าต้องทำ? เหตุใดพวกเขาจึงกล่าวหาข้าเช่นนั้น? เป็นเรื่องธรรมดาที่กระเพาะอาหารจะไม่ปรับตัว ข้าเองก็เช่นกัน คืนนี้ข้าก็วิ่งไปสุขามาหลายต่อหลายครั้ง เหตุใดทุกคนจึงกล่าวโทษเพียงเพราะไม่สนิทสนมกับข้า?”

ใบหน้าของอี้สั่วฉายแววขุ่นเคืองหากแต่ลอบมองสีหน้าของเยี่ยฉวนอยู่ในที เขาอยากเห็นว่าเยี่ยฉวนจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไรและเยี่ยฉวนได้รับพิษเช่นเดียวกับเจ้าอ้วน จูซือเจีย และผู้อื่นหรือไม่

“เจ้าอ้วนและผู้อื่นแค่พูดพล่อยๆ ไปอย่างนั้นไม่ได้จริงจังอะไร เจ้าไม่ต้องสนใจหรอก เป็นเรื่องธรรมดาที่กระเพาะอาหารจะไม่ปรับตัว ข้าเองก็เช่นกัน ถึงเราโดนวางยาจริงก็คงเป็นฝีมือของสำนักเครื่องนิลหรือสำนักเบญจลักษณ์เสียมากกว่า” เยี่ยฉวนประเมินดูสภาพอ่อนแรง เมื่อเทียบกันแล้วดูจะซีดเซียวกว่าเจ้าอ้วนผู้วิ่งมาสิบรอบเสียอีก เขาตบไหล่อี้สั่วพลางเอ่ย “ศิษย์น้องอี้สั่ว เจ้าคือความหวังของสำนักหมอกเมฆาในการประลองอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ กลับไปพักผ่อนให้ดีและเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้เถิด”

“ขอรับ!”

อี้สั่วพยักหน้าและจากไป ต่อหน้าเยี่ยฉวนเขาทำท่าทีเคารพนับถือแต่เมื่อออกจากกระโจมแล้วก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา รอยยิ้มเย้ยหยันผุดขึ้นบนใบหน้า

เยี่ยฉวนเองก็ยิ้มอยู่ภายในกระโจมเช่นกัน เขามองดูฝ่ามือตัวเองพลางแย้มยิ้มกว้างราวกับบุปผาบานในฤดูใบไม้ผลิ

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์

Storm in the Wilderness, 蛮荒风暴
Score 7.2
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2015 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์บทนำ ณ ห้องโถงใหญ่บนยอดเขาเมฆาอินทนิล…เหล่าผู้อาวุโสทั้งห้าและบรรดาลูกศิษย์ในสำนักนับพันชีวิตต่างจ้องมองไปทางเดียวกันอย่างไม่เชื่อสายตา! ทุกคนต่างคิดว่าเขาตายไปแล้วในสุสานเทพเจ้าเมื่อสามเดือนก่อน! แม้แต่ผู้พิทักษ์ขั้นซิ่วฉือระดับห้ายังถูกลอบโจมตีจนสิ้นชีพ แล้วเหตุใดผู้ที่บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับที่หนึ่งเช่นเขาจึงมีชีวิตรอดจากหายนะในภารกิจครั้งนั้น?! ใช่…เขาตายไปแล้ว… ‘เยี่ยฉวน’ คนเก่าจอมขลาดเขลาและเหยียมอายคนนั้นตายไปแล้ว! บัดนี้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาคือเยี่ยฉวนคนใหม่ที่ฝึกตนจนบรรลุขั้นอู่เจ๋อระดับสี่โดยใช้เวลาเพียงชั่วข้ามคืน! เขาได้พบเคล็ดวิชาลึกลับ ‘ขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์’ จากสุสานเทพเจ้าโดยบังเอิญ วิชานี้มีพลานุภาพมหัศจรรย์เหนือกว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์เสียอีก! หากเขาฝึกฝนเคล็ดวิชานี้จนสำเร็จต้องมีระดับขั้นการฝึกตนที่สูงกว่าภพชาติก่อนเป็นแน่! หรือบางทีอาจบรรลุถึงขั้นผู้อมตะแห่งเต๋าที่เป็นเพียงตำนาน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset