บทที่ 78 คนผู้นี้ไร้ยางอายสิ้นดี!
คนของสํานักเบญจลักษณ์ที่เดินไปทั่วเนินเขาด้วยท่าที่ร้อนรนผิดวิสัย ทําให้อีกสองสํานักที่ปักหลักพํานักอยู่ ไม่ไกลเกิดความตื่นตระหนก…ผาปากอินทรีตกอยู่ในสถาน การณ์โกลาหลและคุกรุ่นราวเปลวไฟ!
ผู้คนนับร้อยรวมถึงจูซื้อเจียและจ้าวต้าจือถือคบเพลิงมุ่งสู่ ป่าชายเลนที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นเขา ข่าวลือแพร่กระจาย ไปในวงกว้างว่ามีคนบ้ากามบุกเข้า ไปในกระโจมของสํานักเบญจลักษณ์แล้วลักพาตัวศิษย์พี่หญิง หลิวหง ทําให้ศิษย์ ร่วมสํานักเดือดดาลยิ่ง! ที่ผ่านมาทั้งสามสํานักแข่งขันชิงดี ชิงเด่นกันโดยตลอด ทว่าไม่เคยมีผู้ใดกล้ากระทําเรื่องเลวทรามเช่นนี้! หากจับคนบ้ากามผู้นั้นได้แน่นอนว่าทุกคนจะ ช่วยกันฉีกทิ้งร่างคนผู้นั้นออกเป็นพันชิ้น!
ยามนี้ศิษย์ของทั้งสามสํานักเกิดความปรองดองและ ช่วยกันตามหาผู้ร้าย จซื้อเจียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ จึงไม่ปริปากออกความเห็น ทว่าเจ้าอ้วนกลับสบถ้อยคําที่รุนแรงตลอดทาง
เขายังไม่ทันทําความรู้จักสตรีผู้กล้าหาญและทรงเสน่ห์ อย่างจริงจัง แต่นางกลับถูกคนบ้ากามฉุดไปกระทําให้เกิดมลทินเสียก่อน…จะไม่ให้รู้สึกโกรธแค้นได้อย่างไร!?
เจ้าอ้วนยิ่งคิดก็ยิ่งเกลียดตนเองที่ไม่มีความกล้ามากพอ ก่อนหน้านี้เขาครุ่นคิดตลอดทั้งคืนว่าจะทําความปรารถนาของตนให้เป็นจริงได้อย่างไรจนเหนื่อยล้า สุดท้ายเขาก็พลาด โอกาสนั้น!
“เอ๊ะ! ศิษย์พี่ใหญ่หายไปไหนเสียแล้ว? เจ้าอ้วนเห็นเขาหรือไม่?” จูชื่อเจียชะงักฝีเท้าเมื่อนึกถึงเยี่ยฉวน
นางเผยสีหน้ากระวนกระวายใจเมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างผิดปกติ ขณะที่ผาปากอินทรีเดือดพล่านไปทั่วทุกหย่อมหญ้าเช่นนี้ เยี่ยฉวนกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!
“ไม่รู้สิ ข้ายังไม่เห็นเขาเลย เขาอาจนัดพบกับสตรีงามบางคนอยู่ก็ได้ หรือว่า…”
เจ้าอ้วนโคลงศีรษะด้วยอิจฉาความโชคดีของศิษย์พี่ใหญ่ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาพลันซีดเผือดขณะที่ยังกล่าวไม่จบประโยค
ศิษย์พี่ใหญ่และหลิวหงนัดพบกันค่ําคืนนี้ แต่หลิวหงถูกคนบ้ากามลักพาตัวไป…แล้วเยี่ยฉวนเล่า?!
หัวใจจซื้อเจียเต้นรัวเมื่อสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลในน้ําเสียงของอีกฝ่าย “เจ้าอ้วนหรือว่าอะไร? พูดมาเร็วเข้า!”
“ศะ-ศิษย์พี่ใหญ่ ขะ-เขาบอกว่าคืนนี้ เขาและ-และหลิว หงนัดพบกัน” จ้าวต้าจ่อเปล่งเสียงอย่างติดขัดแต่ก็ยอมบอกความจริงทั้งหมด จิตใจของเขาปั่นป่วนยิ่งเมื่อจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นเยี่ยฉวนแม้แต่เงา
“ไป! ไปเร็วเข้า!”
เสียงจูซื้อเจียเริ่มสั่นด้วยความตกประหม่าขณะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ครั้นเดินเข้าไปในป่าชายเลนถึงครึ่งทางและเห็นภาพเยี่ยฉวนสวมกอดหลิวหงอย่างแนบชิดจากระยะไกล ทั้งมือและขาของนางพลันเย็นเฉียบราวน้ําแข็ง!
ฝูงชนต่างตกตะลึงเมื่อพบว่าผู้ที่พวกเขาแช่งชักหักกระดูก มาตลอดทางไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเยี่ยฉวน!
บรรดาศิษย์ของสํานักหมอกเมฆาต่างเผยสีหน้าตกตะลึงด้วยไม่คาดคิดว่าจะต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้!
“ฆ่า! ฆ่ามัน! ฆ่าไอ้บ้ากามนั่นซะ!”
“สํานักเก่าแก่บ้าบออะไร! ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักทําเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ นี่หรือคือสิ่งที่พวกเจ้าภาคภูมิใจ?!”
“ฆ่ามันซะแล้วลากศพมันไปที่สํานักหมอกเมฆาดูซิว่าพวกมันจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร?!”
ฝูงชนที่แห่เข้ามารับชมเหตุการณ์มีจํานวนมากขึ้นเรื่อยๆ คําด่าทอและคําวิพากษ์วิจารณ์ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น! จซื้อเจียและบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆากําลังตกที่นั่งลําบาก พวกเขาต้องเผชิญสายตาดูถูกเหยียดหยามนับร้อยคู่ จากศิษย์สํานักอื่นๆ กลุ่มคนที่อยู่ในอารมณ์เดือดดาลกรูกันเข้ามาปิดทางทําให้พวกเขาไม่สา
มารถเข้าไปช่วยเหลือเยี่ยฉวน โดยเฉพาะศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ที่มองจูซื้อเจียและคนอื่นๆ ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด!
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! ศิษย์พี่ใหญ่นะหรือจะทําเรื่องเช่นนี้!?”
จ้าวต้าจ่อส่ายศีรษะโดยแรงด้วยเชื่อมั่นในตัวศิษย์พี่ใหญ่ว่าเขาไม่มีทางทําเรื่องเช่นนั้น “ไม่…ไม่ถูกต้อง! ศิษย์พี่ ใหญ่ต้องถูกใส่ความเป็นแน่! หลิวหงเป็นผู้ นัดพบเขาด้วยตนเองหลังจบการประลองในช่วงกลางวัน ช่างไร้เหตุผลสิ้นดีที่เขาจะทําเรื่องเช่นนี้! ศิษย์พี่ เจียเจีย…ศิษย์พี่ใหญ่ถูกใส่ร้าย เจียเจีย…อ้าว”
“หุบปากน่า! ข้าแยกแยะเองได้ว่าสิ่งใดจริงหรือไม่! อย่าตื่นตระหนกนักเลย..เงียบไว้!”
จูซื้อเจียขบกรามแน่นด้วยความโกรธจนอกแทบระเบิด เมื่อเห็นเยี่ยฉวนกอดหลิวหงแนบชิด ก่อนหมุนกายกลับ เพราะไม่ต้องการเห็นภาพชวนแสลงใจนั้น แต่เมื่อสูดลมหายใจลึกสองสามครั้งอารมณ์คุกรุ่นก็สงบลง นางหยุดชะงักตั้งสติชั่วครู่ จากนั้นจึงฉีกยันต์สื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน!
ไม่ว่าเยี่ยฉวนจะกระทําเรื่องเลวทรามเช่นนี้จริงหรือถูกใส่ ความก็ตาม เรื่องนี้ก็ถือว่าร้ายแรงยิ่งจนนางไม่อาจเพิกเฉย!
ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ จูชื่อเจียผู้ใช้ สติปัญญาอันหลักแหลมจัดการกับปัญหาต่างๆ อย่างกร ฉับกระเฉงอยู่เป็นนิจกลับมีท่าที่สงบนิ่งกว่าทุกครั้ง!
ผู้คนทยอยหลั่งไหลมายังที่เกิดเหตุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บรรดาศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ปิดล้อมเยียฉวนไว้อย่างแน่นหนา แม้แต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กก็ไม่สามารถเล็ดรอดไปได้!
คู่ชานเหลิงยับยั้งความโกรธในจิตใจตนอย่างเต็มที่ไม่ให้ลงมือจัดการเยี่ยฉวนในทันที เพราะต้องการให้อีกฝ่าย ลิ้มรสการถูกประณามจากสาธารณชนก่อนตาย! ทว่าเขาต้องผิดหวังเมื่อเห็นเยี่ยฉวนไร้ท่าทีวิตกกังวลและสิ้น หวังความตื่นตระหนกไม่ปรากฏขึ้นในแววตาคู่นั้นเลยแม้ แต่น้อย!
เยี่ยฉวนมีสีหน้าเรียบเฉยมาตั้งแต่แรก แทนที่จะผลักหลิวหงออกให้ห่างจากตัวเขากลับกระชับอ้อมกอดแน่นยิ่งขึ้น!
คนผู้นี้นอกจากจะบ้ากามแล้วยังไร้ยางอายสิ้นดี!
ความโกรธแค้นในใจคู่ชานเหลิงทวีความรุนแรงจนอดทน ต่อไปไม่ไหว เขาชักดาบออกพร้อมชี้ปลายคมกริบไป ทางเยี่ยฉวนก่อนกล่าวออกด้วยน้ําเสียงดุดัน “ไอ้บ้ากามห น้าด้าน! เจ้ามีอะไรจะพูดก่อนตายหรือไม่! อย่างไรเสียคืนนี้ ไม่เจ้าก็ข้าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”
ดวงตาของเขาแปรเป็นสีแดง ใบหน้าบิดเบี้ยวและดูโหดร้ายราวภูติอสุรกายที่กระหายเนื้อมนุษย์ จิตสังหารรุน แรงแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ แม้แต่ผู้ที่อยู่ห่างออกไปกว่าสิบเมตรยังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเย็นเยียบไปถึงกระดูกจึงก้าว ถอยอย่างฉับพลัน ทว่าเยี่ยฉวนซึ่งเป็นคู่กรณีโดยตรงกลับมี ท่าทางเฉยเมย..ไม่หลบหนีและไม่โจมตีกลับ
“เจ้าช่างกระหายการนองเลือดนัก! ยังไม่ทันตัดสินว่าถูกหรือผิดกลับจะสังหารเสียแล้ว!”
เยี่ยฉวนโคลงศีรษะโดยไม่ใส่ใจศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ที่ แผ่จิตสังหารดุดันราวพยัคฆ์และหมาป่าขณะกรูเข้ามาล้อมรอบ เขาจ้องหน้าคู่ชานเหลิงกลับก่อนกล่าวออก “นึกไม่ถึงเลยว่าศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักเบญจลักษณ์จะมีไหวพริบน้อยนิด! มิน่าเล่า…เจ้าจึงถูกหลอกใช้ได้โดยง่าย แม้ระดับขั้นการฝึกตนของเจ้าจะสูงส่งทว่ากลับไร้ซึ่งความเฉลียว ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านเจ้าสํานักเบญจลักษณ์ที่อายุยังน้อยจึงมีเส้นผมขาวโพลนไปทั้งศีรษะ เพราะเขาทุกข์ใจเรื่องศิษย์พี่ใหญ่ไร้ความสามารถเช่นเจ้านี่เอง!”
“ไอ้ไอ้ตัวบัดซบ! เจ้าพล่ามเรื่องบ้าอะไร?!” คู่ชาน เหลิงโกรธแค้นยิ่ง! ยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ไอ้ เด็กเยี่ยฉวนนั่นยังพล่ามเรื่องไร้สาระไม่ขาดปาก!
ซึ่ง! ทันใดนั้นเขาใช้ดาบคมกริบในมือจ้วงแทงอย่างสุดแรง โดยเล็งไปที่หัวใจของอีกฝ่าย!
เดิมที่เขาต้องการแสดงวิทยายุทธให้เป็นที่ประจักษ์แก่ฝูงชนหลังจากรอให้เยี่ยฉวนกล่าวคําแก้ตัว ทว่าความโกรธถึงขีดสุดของเขาทําให้หลงลืมความตั้งใจแรก บัดนี้เขาต้องการฟันเยี่ยฉวนให้ลําตัวขาดเป็นสองท่อน!
ลําแสงเย็นเยือกถึงกระดูกดําจากดาบเล่มนั้นสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า ทั้งยังเกิดเสียงดังก้องเสียดโสตประสาท!
เสียงอื้ออึงจากทั่วสารทิศเงียบลงทันใด ฝูงชนต่างจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยใจจดจ่อ ทั้งเยี่ยฉวนและคู่ชานเหลิง ศิษย์พี่ใหญ่ของสองสํานักกําลังจะต่อสู้กันโดยใช้ความตายเป็นตัวตัดสิน!
การต่อสู้ที่ควรเกิดขึ้นบนสังเวียนแห่งความเป็นตาย กลับเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่ากําหนดการประลองในวัน รุ่งขึ้น!
คู่ชานเหลิงผู้ดํารงตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักเบญจลักษณ์มีพลังยุทธ์เป็นเลิศ ระดับขั้นการฝึกของของ เขาแข็งแกร่งยิ่ง! การเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้า ดาบที่ฟาดฟันอยู่กลางอากาศฉวัดเฉวียนและเปล่งประกาย ราวสายรุ้ง จูซื้อเจียและคนอื่นๆ ที่เห็นเช่นนั้นรู้สึกหวาดผวา ยิ่ง! ขณะที่ปลายดาบกําลังจะแทงถูกเยี่ยฉวน…กู่ชานเหลิง กลับหยุดชะงักการกระทําของตนพร้อมขบกรามแน่น!
เยี่ยฉวนไม่ได้เคลื่อนไหวหรือตั้งรับแต่อย่างใด ใบหน้าเรียบเฉยของเขาปรากฏรอยยิ้มกว้างขณะประคองร่างของหลิวหงที่ยังสลบไสลให้ขยับมาพิงหน้าอกของตน หากคู่ชาน เหลิงไม่ยั้งมือ…ดาบของเขาจะแทงทะลุร่างของหลิวหงเสีย ก่อนที่จะแทงเข้าหัวใจของเยี่ยฉวน!
คนอย่างกู่ชานเหลิงจะกล้าแทงหลิวหงต่อหน้าฝูงชนหลายร้อยคนงั้นหรือ?! ต่อให้อยากฆ่าเยี่ยฉวนเพียงใดเขาก็ไม่ กล้าทําเช่นนั้นแน่!
บรรดาศิษย์เข้ามาสมทบอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ตรงหน้าดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ หากพวกเขาเป็นเยี่ยฉวนในยามนี้แข้งขาคงอ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้นไปนานแล้ว! ทว่าเยี่ยฉวนกลับสงบนิ่งราวไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น การมีหลิวหงอยู่ในอ้อมอกเท่ากับมีตัวประกันชั้นดี แม้มียอดฝีมือจากสํานักเบญจลักษณ์มายืนตรงหน้าเป็นสิบรายเขาก็ไม่หวั่นเกรงเลย แม้แต่น้อย เยี่ยฉวนกวาดสายตามองโดยรอบพลางโคจรยัน ต์กลืนกินสวรรค์เพื่อส่งกระแสจิตอันแรงกล้าของตนออกค้น หาตําแหน่งของอี้สั่วตัวการที่แท้จริงของเรื่องนี้