บทที่ 79 การกอดไม่ได้ทําร้ายใคร
แทบไม่ต้องคิดเยี่ยฉวนก็รู้ดีว่าอี้สั่วอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้โดยมีจินจือคุนหรืออาวุโสลําดับสามเป็นผู้เติมเชื้อให้เปลวเพลิงโชคไม่ดีที่แม้จะมองหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่พบร่องรอยของพวกเขา
หลังจากส่งข่าวเตือนให้กับศิษย์ทั้งสามสํานัก ทั้งอี้สั่วและ จินจือคุนระมัดระวังตนยิ่งจึงถอยร่นออกไปเพื่อรอรับชม ฉากต่อสู้อยู่ไกลๆ
อี้สั่วอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป หลังจากความอับอายขายห น้าบนสังเวียนนั้นเขาแทบยอมสละชีวิตเพื่อจะได้เพลิดเพลินกับความสิ้นหวังและจนตรอกของเยี่ยฉวนก่อนตาย อี้ชั่วรู้สึกว่ายิ่งเขาอยู่ใกล้ฉากการต่อสู้มากเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น แต่จินจือคุนจอมเจ้าเล่ห์พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ความ ลับใดหลุดรั่วออกไป อี้ส่วจึงจําต้องยอมถอยห่างออกมาตาม คําสั่ง
“ตายซะไอ้เด็กเหลือขอ! หากมีฝีมือพอก็มาสู้ตัวต่อตัวกับข้าเลย!”
ภู่ชานเหลิงคํารามก้อง ฉับพลันร่างของเขาและกระบี่ก็รวมเป็นหนึ่งเดียวและพุ่งตรงมายังเยี่ยฉวน แสงสะท้อน จากกระบี่ราวกับสายรุ้งหมายจะบั่นคอเยี่ยฉวนให้กระเด็น แต่จู่ๆ ร่างของหลิวหงก็ปรากฏหน้าคมดาบทําให้เขาไม่มี ทางเลือกนอกจากต้องลดดาบลงและถอยกลับมามือเปล่า กครั้ง
“แล้วเจ้ามีฝีมือพอจะสู้กับข้าอย่างนั้นหรือ? น่าขันสิ้นดีต่อให้จะอยากสู้ชี้เป็นตายกับข้าเพียงใดเจ้าก็มีความสามารถไม่มากพอ”
เยี่ยฉวนยิ้มอย่างไม่แยแส เขาไม่สนใจคู่ชานเหลิงผู้นี้แม้แต่น้อย เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคืออี้สั่วรวมถึงจินจือคุนและอาวุโสลําดับสามผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง มือซ้ายของเขาโอบเอวคอดของหลิวหงไว้แน่น มือขวาคว้าขวดโหลออกมาจากอกก่อนจะเปิดฝาออกและจ่อใต้จมูกของนาง กลิ่นน่าส อิดสะเอียนลอยคละคลุ้งในอากาศ หลิวหงจามออกมา ดวงตาปรือปรอยพลันลืมขึ้น
“ข้าจะฆ่าเจ้า! ยังไม่ปล่อยนางอีกไอ้บ้ากามไร้ยางอาย!”
เมื่อกู่ชานเหลิงถูกเยี่ยฉวนเพิกเฉยดังนั้นก็โกรธจัดจนหน้ามืดตามัว เลือดพลุ่งพล่านขึ้นสมองจนแทบเสียสติเมื่อเห็นเยี่ยฉวนไม่ปล่อยหลิวหงซ้ํายังกระชับกอดแนบแน่นกว่าเดิม เขาคว้าดาบพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง หมายมั่นว่าต่อให้ครั้งนี้หลิวหงจะต้องโดนลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บก็ต้องฆ่าเยี่ยฉวนในดาบเดียวให้จงได้
พอกันที่! ภู่ชานเหลิงไม่อาจอดทนได้อีกแล้ว!
ไม่มีผู้ใดในสํานักเบญจลักษณ์ไม่รู้ว่าหลิวหงเป็นผู้หญิงของเขา ทุกคนรู้ดีว่าเขาเพียรพยายามตามเกี่ยวนางมาโดยตลอด แม้แต่บรรดาศิษย์ผู้หลงใหลในความงามของนางก็ไม่บังอาจล่วงเกิน แต่บัดนี้ เยี่ยฉวนกําลังแตะต้องหลิวหงต่อหน้าฝูงชน ถ้าไม่สังหารเยี่ยฉวนทิ้งเสียตอนนี้คงไม่อาจระ บายความเกลียดชังภายในใจได้ หากไม่สามารถปกป้องผู้ หญิงของตนและปล่อยให้ผู้อื่นล่วงเกินต่อหน้าแล้วเขาจะยัง ดํารงตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ต่อไปได้อย่างไร?
คู่ชานเหลิงพร้อมที่จะเดิมพันสุดตัวในการโจมตีครั้งนี้
รูม่านตาของผู้ชมหดเล็กลงและระทึกจนแทบไม่หายใจ จูชื่อเจียและผู้อื่นยิ่งกังวล ระดับการฝึกตนของคู่ชานเหลิงช่าง สูงส่งและพร้อมโจมตีสุดกําลัง แล้วเยี่ยฉวนจะรับมือได้ อย่างไร?
เยี่ยฉวนยังไม่ขยับเขยื้อนมิหนําซ้ําครั้งนี้ยังไม่ขยับหลิวหง มาไว้ที่หน้าอกของตน เขาไม่ได้ใช้หลิวหงเพื่อป้องกันตัวราว กับว่าการโจมตีของชานเหลิงนั้นว่องไวเสียจนเขาตอบสนองไม่ทัน
“ฮ่าๆๆ เจ้าโง่ เสร็จข้าล่ะ! ฮ่าๆๆ…”
กู่ชานเหลิงหัวเราะลั่น อี้สั่วผู้ซ่อนกายอยู่ไกลออกไปก็ปีติ ยินดีเช่นกัน การเคลื่อนไหวของกู่ชานเหลิงช่างทรงพลัง ปลายกระบีตวัดเพียงวูบเดียวก่อเกิดดอกกระบี่ผลิบานนับสิบ การตายของเยี่ยฉวนได้ถูกกําหนดไว้แล้ว!
ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาต้องมาตายเช่นนี้จริงหรือ?
ผู้ชมจ้องตาไม่กะพริบ บ้างกรีดร้อง บ้างเงียบกริบรอวินาทีสุดท้ายมาถึง เสียงหัวเราะของกู่ชานเหลิงในยามนี้เสียดแทงแก้วหูและดังก้องไปทั่วป่า ขณะที่ทุกคนต่างคิดว่า เยี่ยฉวนต้องตายแน่แล้วนั้นเสียงหัวเราะก็หยุดชะงักลง
เยี่ยฉวนไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อยราวกับเป็นเพียงผู้เฝ้าดู ทว่าหลิวหงผู้ไม่อาจยืนอย่างมั่นคงได้กลับก้าวมาข้างหน้าและใช้เรือนร่างของนางป้องกระบี่คมของอู่ชานเหลิง แววตาของนางเปล่งประกายและใสแจ๋วราวกับบึงน้ํา เกิดอะไรขึ้นกับสภาพถูกวางยาของนางเมื่อครู่?
“หลิวหง จะ…เจ้าฟื้นแล้วหรือ?” ภู่ชานเหลิงลดกระบี่ ลงอีกครั้ง การล่าถอยกลับมามือเปล่าหลายต่อหลายครั้งทําให้เขาหดหูจนแทบกระอักเลือดก่อนจะเอ่ยคําเกรี้ยวกราด “หลีกไป! ให้ข้าฆ่าไอ้คนบ้ากามนี้ซะ! มันบังอาจกอดและ ล่วงเกินเจ้าในที่สาธารณะ ปล่อยให้ข้าฆ่ามันเสีย! ข้าจะนั่นมันเป็นสิบแปดชิ้น!”
“คนบ้ากามที่ไหนกัน? ถ้าเขาจะกอดข้าแล้วมันผิดอะไร? การกอดไม่ได้ทําร้ายใคร! คู่ชานเหลิง เจ้านั่นแหละจงถอยไปเสีย ถอยไปให้ไกลจากข้าที่สุดเท่าที่จะทําได้!”
หลิวหงจ้องชานเหลิงก่อนจะกวาดตามองบรรดายอดฝีมือแห่งสํานักเครื่องนิลช้าๆ และก่นด่าเสียงดัง “พวกขยะ! พวกเจ้ามันขยะโง่เง่าที่ไม่รู้จักแยกแยะสิ่งใดเลยแค่กับดัก ง่ายๆ ยังมองไม่ออก คุณชายเยี่ยถูกใส่ความ ไอ้คนบ้ากา มตัวจริงมันหนีไปแล้ว หากไม่ใช่คุณชายเยี่ยข้าก็ไม่รู้ว่าข้า จะทําอะไรลงไปบ้างในสภาพไร้สติเช่นนั้น!”
หลิวหงจ้องมองกู่ชานเหลิงด้วยแววตาดุดัน แม้ผลจากการถูกวางยาจะทําให้ทั้งร่างปวดร้าว อ่อนล้า และงุนงง แต่ สมองของนางรับรู้ได้ทุกสิ่ง
“กับดัก? ศิษย์พี่ใหญ่สํานักหมอกเมฆาโดนใส่ความจริงหรือ?”
“แม่นางหลิวกล่าวเองเช่นนี้เห็นที่จะเป็นเรื่องจริง ไม่แปลกที่ชายแซ่เยี่ยผู้นั้นจะสงบนิ่งมาตั้งแต่ต้น!”
ผู้คนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันใด
จูซื้อเจีย เจ้าอ้วน และคนอื่นๆ แอบดีใจและโล่งใจ สีหน้าของภู่ชานเหลิงไม่สู้ดีนัก ทว่าสีหน้าของอี้ส่วและจินจือคุนผู้ซ่อนตัวอยู่นั้นย่ําแย่เสียยิ่งกว่าเมื่อความพยายามของพวกเขาล้มเหลวอีกครั้ง อุตส่าห์มาได้ไกลถึงเพียงนี้แต่เยี่ยฉวนกลับรอดตายอย่างไม่คาดฝัน ช่างเป็นเรื่องที่น่าขื่นขม!
เมื่อได้ยินหลิวหงสั่งให้ถอยไปต่อหน้าฝูงชนเช่นนี้ทําให้ ชานเหลิงคุมอารมณ์ตนเองไม่อยู่และหดหูใจกว่าเดิม หลิวหงถามว่าถ้าเยี่ยฉวนจะกอดนางนั้นผิดอะไร แต่หลิวหงเคยยอมให้เขากอดสักครั้งหรือไม่? เขาไม่กล้าโจมตีหลิวหงแม้โกรธจัด จึงระบายความเดือดดาลทั้งหมดกับเยี่ยฉวน “หลิวหงเจ้ามีหลักฐานอะไรว่านี่เป็นกับดัก? เจ้าโดนไอ้สารเลวเยี่ยฉวนคุกคามไม่ใช่หรือ? หลีกไป! ข้าจะสังหารมัน!”
แววตาของคู่ชานเหลิงทอประกายชั่วร้าย ทั้งร่างเลือนรางหายไปด้วยเคล็ดวิชาวายุวิถีก่อนจะปรากฏกายข้างหลังเยี่ยฉวนทันที เขาจ้วงแทงอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยมทว่าหลิวหงขวางเขาไว้ได้ทันการณ์
“กู่ชานเหลิง เจ้ากล้าดีอย่างไร?”
หลิวหงเอื้อมือฟาดใบหน้าของอู่ชานเหลิงอย่างเกรี้ยวกราด
ผู้คนตกตะลึงด้วยไม่คิดว่าหลิวหงผู้นุ่มนวล เป็นมิตร และ ไม่เคยโกรธเคืองผู้ใดจะฟาดหน้าคู่ชานเหลิงในที่สาธารณะ เช่นนี้ กู่ชานเหลิงเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นกัน เขาอึ้งไปชั่วครู่ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวก่อนจะกลับซีดขาว
“กู่ชานเหลิง ดูให้ดีเสียก่อน เจ้าต้องการหลักฐานไม่ใช่หรือ?”
เยี่ยฉวนเดินไปดึงไม้จันทน์เผาออกมาจากพุ่มไม้และเอ่ย ด้วยน้ําเสียงเรียบนิ่ง “นี่คือหลักฐาน มีผู้ลอบเผาธูปไม้ จันทน์นี้ข้างแม่นางหลิวหงโดยที่นางไม่รู้ตัว”
“ฐปนั้นยังไหม้ไม่หมดแล้วเหตุใดพวกเราจึงไม่ถูกวางยา?” คู่ชานเหลิงจับผิดคําพูดของเยี่ยฉวนทันที เขาขุ่นเคือง ใจนักแต่ไม่กล้าจู่โจมเพราะหลิวหงกําลังจับตามองโดยไม่ละสายตา เหล่าผู้สังเกตการณ์หันไปมองเยี่ยฉวนด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน
“เป็นคําถามที่ดี!”
เยี่ยฉวนพยักหน้าพลางกวาดตามองทุกคน “ฐปนี้มีชื่ออัน ไพเราะว่าธุประงับวิญญาณ เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วแม้แต่ดวงจิตของเจ้าก็จะส่งกลิ่นหอม การเผาธูปนี้ไม่เพียงเป็นการวางยาเจ้าแต่ยังช่วยกล่อมเกลาจิตวิญญาณของผู้คนอีกด้วย แต่หากใส่ยาเหลวนามว่ายานลวงวิญญาณก็จะได้ผลลัพธ์ที่ ต่างออกไป แม่นางหลิว เจ้าได้ดื่มสิ่งใดก่อนจะมาที่นี่หรือ ไม่?”
“ใช่ ข้าดื่มชาไปถ้วยหนึ่ง!” หลิวหงพลันนึกบางสิ่งขึ้นได้ ราวกับเพิ่งฟื้นคืนจากความฝัน ก่อนหน้านี้นางรู้ตัวว่าตนได้ ตกหลุมพรางแต่ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทว่าสิ่งที่เยี่ยฉวน พูดทําให้นางตระหนักได้ทันที หญิงสาวหันไปออกคําสั่งเยือกเย็นกับทหารอารักขา “ทหาร พาตัวสาวใช้จวี่เซียงมาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
มีเพียงจวี่เซียงสาวใช้ส่วนตัวที่รู้ว่านางและ เยี่ยฉวนนัดพบกันที่ป่าชายเลนยามเย็น ยิ่งไปกว่านั้นนางยัง ดื่มชาที่จวเซียงเป็นผู้รินให้ก่อนเดินทางอีกด้วย
หลิวหงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดพร้อมกับจิตสังหารที่แผ่กระจายอย่างบ้าคลั่ง
“รายงานขอรับ… จวี่เซียง นะ…นางตายแล้ว!”
มีผู้เข้ามารายงานอย่างรวดเร็วพร้อมลากศพมาไว้ท่ามกลางฝูงชน เยี่ยฉวนปรายตาดูก่อนจะพบว่านางผู้นี้คือสาวใช้ ผมหางม้าที่อยู่เคียงข้างหลิวหงก่อนหน้านี้ ผู้คนต่างตกอยู่ ในความอลหม่านเมื่อยืนยันแล้วว่านี่เป็นกับดักชั่วร้าย พยานถูกฆ่าปิดปากเมื่อแผนใส่ความเยี่ยฉวนล้มเหลว
“หึๆ ดี ทําได้ดี!”
เยี่ยฉวนยิ้มด้วยจิตสังหารเย็นเยียบ
ในเมื่อสาวใช้ผมหางม้าตายตกไปแล้วก็หมดทางล่ออี้ชั่ว และจินจือคุนออกมาอีกทั้งยังไม่มีเบาะแสให้ไปต่อ เยี่ยฉวนจึงไม่สามารถฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้เพื่อถอน รากถอนโคนพวกเขาได้ แต่ข้อดีคือยิ่งศัตรูแข็งแกร่งและร้ายกาจเท่าใดก็ยิ่งสนุกขึ้นเท่านั้น
หมากกระดานนี้ชักเร้าใจซะแล้วสิ!
เยี่ยฉวนยิ้มหยัน หลังการฟื้นคืนชีพในที่สุดเขาก็ได้พบกับ คู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อ! ทั้งอี้สั่ว จินจือคุน และอาวุโสลําดับ สามทั้งหมดล้วนแต่เจ้าเล่ห์เพทุบาย เลวทราม และโหดเหี้ยมยิ่ง ทว่านั่นคือสิ่งที่เขาชอบ! หากเขาต้องการก้าวขึ้นไปสู่ จุดสูงสุดอีกครั้งในชาตินี้ เขาไม่เพียงแต่ต้องการหนาน เทียนโตวและจูซื้อเจียในฐานะผู้ช่วยแต่ยังต้องการคู่ต่อสู้ ที่ทรงพลังอีกด้วย!