บทที่ 81 การถ่ายทอดเคล็ดวิชา
หนานเทียนโตวทําให้ทุกคนตกตะลึง
สํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์หารือกันอย่างเร่งด่วนและเลื่อนการป ระลองรอบถัดไปเป็นยามบ่ายเพื่อหาวิธีรับมือกับหนานเทียนโตว
ความแข็งแกร่งของกระบี่สะท้านสวรรค์เป็นที่เลื่องลือในจักรวรรดิต้าฉันมาช้านาน ตํานานว่าจักรพรรดิแห่งต้าฉันเป็นศิษย์ชั้นนอกแห่งสํานักสะท้านสวรรค์ผู้ฆ่าฟันทุกคนที่เข้าขวางไม่เว้นแม้ แต่พระผู้เป็นเจ้าหรือพระโพธิสัตว์และพิชิตจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ได้ในที่สุด เมื่อจักรพรรดิองค์แรก แห่งราชวงค์ต้าฉันเสด็จสวรรคตไปเมื่อหลายล้านปีก่อน สํานักสะท้านสวรรค์จึงเหลือเพียงประวัติ ศาสตร์และเคล็ดวิชานั้นก็ได้สาบสูญไปตลอดกาล ไม่มีใครคาดคิดว่าหนานเทียนโตวจะ ฝึกฝนเคล็ดวิชานี้และได้รับสืบทอดกระบีสะท้านสวรรค์โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้!
เยี่ยฉวนเห็นด้วยกับข้อเสนอของสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์ก่อนจะนํา พรรคพวกจากไปอย่างใจเย็น ทว่าเมื่อกลับถึงที่ตั้งค่ายกลับสั่งการให้เจ้าอ้วนออกไปพาตัวหนาน เทียนโตวมาพบโดยทันที
เขาพินิจดูหนานเทียนโตวอย่างระแวดระวังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงต่ํา “ศิษย์น้องเทียนโตว เจ้าฝึกเคล็ดวิชากระบี่สะท้านสวรรค์ถึงขั้นใดแล้ว?”
เยี่ยฉวนเพียงแค่ถามถึงความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชากระบี่สะท้านสวรรค์ของเขาโดยมองข้าม ขั้นการฝึกตนไป อดีตมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์อย่างเขาเข้าใจแจ่มแจ้งว่าขั้นการฝึกตนไม่ได้บ่ง บอกอะไรมากนักและขั้นการฝึกเคล็ดวิชานั้นสําคัญกว่า
หนานเทียนโตวสะดุ้งเมื่อก้าวเข้ามาในกระโจม หัวใจเต้นรัวราวกับพบเยี่ยฉวนเป็นครั้งแรก
เป็นที่รู้กันทั่วว่ากระบี่สะท้านสวรรค์มีทั้งหมดเก้ากระบวนท่า แต่น้อยคนนักจะล่วงรู้ว่าเคล็ดวิชานี้ยังแบ่งออกเป็นกฎหลักหลายขั้น
แม้จะรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ผู้นี้ไม่ธรรมดาและรู้เรื่องกระบี่สะท้านสวรรค์ของเขา แต่ หนานเทียนโตวก็อดประหลาดใจไม่ได้ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตอบ “ขั้นแรกขอรับ ข้ายังไม่อาจเข้าถึงแก่นแท้ของกระบี่สะท้านสวรรค์ได้สมบูรณ์”
“โอ้ งั้นหรือ?” เยี่ยฉวนยกยิ้มยียวนให้อีกฝ่าย
หนานเทียนโตวผู้เย่อหยิ่ง เย็นชา และเฉยเมยเสียจนแม้แต่ภูเขาทั้งลูกถล่มลงมาก็ไม่กะพริบตากลับรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเพียงเห็นรอยยิ้มของเยี่ยฉวน ขบคิดเท่าใดก็ไม่เข้าใจว่าศิษย์พี่ใหญ่เรียกเขามาที่นี่ด้วยเหตุใด
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านกังวลว่าสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์จะส่งยอดฝีมือที่แข็งแกร่งข้าไม่อาจต่อกรได้มางั้นหรือ?” หนานเทียนโตวถามขึ้น
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเจ้าจะสู้กับอีกฝ่ายได้หรือไม่ แต่ข้ามั่นใจว่าสํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์จะส่งศิษย์ชั้นเลิศมาแน่นอน”
เยี่ยฉวนหยุดพูดก่อนเอ่ยเสียงต่ํา “ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สํานักเครื่องนิลและสํานักเบญจลักษณ์นับวันยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้น พวกเขาจงใจวางแผนจัดการประลองอันยิ่งใหญ่นี้ ขึ้นเพื่อสยบสํานักหมอกเมฆาของเรา ประการแรกคือพวกเขาระบุให้ศิษย์พี่ใหญ่ต้องเข้าร่วมการประลอง ประการที่สองคือพวกเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะชนะการประลองนี้ให้จงได้ หนานเทียนโตว การฝึกตนของเจ้ายอดเยี่ยมอีกทั้งกระบี่สะท้านสวรรค์ยังเป็นอาวุธร้ายที่กวาดล้างผู้ฝึกตนขั้นซิวฉือในระดับเดียวกันได้ก็จริงแต่นั่นยังไม่เพียงพอ ข้าไม่ต้องการเพียงความเป็นไปได้ แต่ต้องการความแน่นอนที่แท้จริง!”
แววตาลุกโชนของหนานเทียนโตามองเยี่ยฉวนพลางกล่าว “แล้วท่านจะทําอย่างไรหรือศิษย์พี่ ใหญ่?”
การสนทนากับผู้มีปัญญาช่างแสนง่ายดาย! เยี่ยฉวนลุกขึ้นยืนพร้อมกิ่งไม้แห้งในมือก่อนจะเอ่ยเรียบนิ่ง “ศิษย์น้อง ดูสิ่งนี้ให้ดี!”
เยี่ยฉวนผู้ยังไม่เคยก้าวเท้าเข้าสู่สังเวียนแห่งความเป็นตายกวัดแกว่งกิ่งไม้แห้งนั้นขึ้น เกิดเสียงดังฟังราวกับมันได้แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่คมที่เยือกเย็นถึงกระดูก เขาจ้วงแทงไปข้างหน้าแผ่วเบา ฉับพลันเกิดกระแสพลังงานรุนแรงขึ้นในกระโจม อากาศพลันบิดเบี้ยวและเงาเลือนรางของมังกรปรากฏขึ้น
กระบี่สะท้านสวรรค์ร่างแรก หัตถ์มังกรสังหาร?
หนานเทียนโตวร้องลั่นด้วยความตกตะลึงอย่างหาที่เปรียบมิได้!
ศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนผู้ธรรมดาสามัญและยังไม่บรรลุขั้นซิวฉือรู้เคล็ดวิชากระบี่สะท้านสวรรค์ที่ สาบสูญในดินแดนรกร้างได้อย่างไร?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าศิษย์พี่ใหญ่ที่เป็นผู้สืบทอดกระบี่สะท้านสวรรค์เช่นกัน? หรือเขาโชคดีได้ รับมรดกที่ผู้เชี่ยวชาญกระบี่สะท้านสวรรค์ทิ้งไว้กันแน่?
ดวงตาของหนานเทียนโตวเบิกกว้าง สีหน้าหวาดกลัวคราวแรกพลันเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ
เยี่ยฉวนแกว่งไกวกิ่งไม้ในมืออย่างเชื่องช้าต่อไป การเคลื่อนไหวที่คุ้นเคยทําให้หนานเทียนโตว มั่นใจว่านี่คือเคล็ดวิชากระบี่สะท้านสวรรค์ประจําตัวของเขา แต่เมื่อพินิจดูให้ดีกลับสังเกตเห็นความแตกต่าง แม้จะคล้ายแต่กลับไม่ใช่กระบวนท่าของเขา
ท่วงท่าหัตถ์มังกรสังหารของเยี่ยฉวนนั้นเรียบง่ายทว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง การจ้วงแทงเพียง ครั้งเดียวรุนแรงราวกับจะแทงทะลุกระโจมและเจาะทะลุท้องนภา ณ วินาทีที่พลังแข็งแกร่งที่ สุดนั้น ส่วนปลายยอดแหลมคมสันสะเทือนจนเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายนับไม่ถ้วนราวกับกําลังจะออกกระบวนท่าต่อไปของกระบี่สะท้านสวรรค์ แต่แล้วก็ดูราวกับจะกลับมาใช้กระบวนท่าเดิม ยากจะบอกว่าตอนนี้เขาคิดทําสิ่งใด
หนานเทียนโตวผู้หยิ่งผยองในตนเองเฝ้าดูด้วยใจจดจ่อ
เวลาล่วงไปนานเท่าใดไม่อาจทราบ หนานเทียนโตวได้สติขึ้นจากการเฝ้ามองท่วงท่าของ เยี่ยฉวนและสงบสติอารมณ์ ในไม่ช้าก็เข้าสู่โลกแห่งการฝึกตน แม้จะยืนอยู่กับที่แต่การเคลื่อนไหวของเยี่ยฉวนยังประทับอยู่ในสมอง ภาพเขาและเยี่ยฉวนร่ายรําเพลงกระบีด้วยกันฉายชัดในหัว กระบในจิตใจทําให้พลังวิญญาณมหาศาลในกายโคจรอย่างรวดเร็วและถักทอเข้าด้วยกัน บ้างหลอมรวมเป็นลูกกลม บ้างหลอมรวมเป็นกระบี่บินรูปทรงแปลกตา
ระหว่างการฝึกตน ผู้คนมักจะหลงลืมระยะเวลาและหลายพันปีจะให้ความรู้สึกเพีย งชั่วพริบตาเท่านั้น หนานเทียนโตวผู้กําลังหมกมุ่นอยู่กับการฝึกตนได้ยินเสียงตะโกนดังข้างหูจึงได้ สติขึ้น ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแต่ส่วนสูงและใบหน้าของเขายังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป เขาได้ ข้ามผ่านสภาวะตีบตันและบรรลุขั้นซิวฉือระดับสีโดยไม่รู้ตัว เมื่อตรวจสอบร่างกายก็พลันตื่นตระหนก
ในจุดตันเถียนของเขามีกระบี่บินเล็กจิ๋วติดอยู่ มันคือปราณกระบี่ทะยานฟ้าที่หลอมรวมขึ้น จากพลังวิญญาณบริสุทธิ์!
“ปราณกระบีทะยานฟ้า! ประ… ปราณกระบีทะยานฟ้าจริงๆ ด้วย!”
หนานเทียนโตวเปี่ยมล้นด้วยความยินดี การก่อรวมปราณกระบี่ทะยานฟ้าเป็นสัญญาณว่าเขา เข้าใกล้การฝึกเคล็ดวิชากระบี่สะท้านสวรรค์ขั้นที่สอง นับแต่นี้ไปการฝึกตนของเขาจะก้าวเข้าสู่ เส้นทางใหม่ที่กว้างไกลกว่าเดิม!
“ยินดีด้วย ศิษย์น้องเทียนโตว”
เสียงแผ่วเบาของเยี่ยฉวนดังขึ้น “บัดนี้เมื่อเจ้าหลอมรวมปราณกระบี่ทะยานฟ้าสําเร็จแล้ว เจ้าคือผู้สืบทอดมหาปราชญ์สะท้านสวรรค์ที่แท้จริง แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านี้ กระบี่สะท้านสวรรค์ที่แท้จริงไม่ได้มีกฏเพียงสามขั้นหากแต่มีถึงเก้าขั้น ฉะนั้นจงพยายามต่อไป”
ทั้งร่างของเยี่ยฉวนชุ่มเหงื่อและดูอิดโรย
ดูเหมือนว่าการกวัดแกว่งกระบี่อย่างเชื่องช้านั้นแท้จริงแล้วต้องใช้พลังวิญญาณมหาศาลเพื่อ สําแดงฤทธิ์เดชทั้งหมดของกระบี่สะท้านสวรรค์
หลายปีที่แล้ว ณ ยอดเขาเร้นสวรรค์ เยี่ยฉวนและนักปราชญ์สะท้านสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่สู้รบกัน ถึงสามวันสามคืน เขาไม่เพียงเอาชนะนักปราชญ์สะท้านสวรรค์ผู้คิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดในโลก ยามนั้นแต่ยังล่วงรู้เคล็ดวิชาประจําตัวอีกฝ่ายอย่างเคล็ดวิชากระบี่สะท้านสวรรค์อีกด้วยบัดนี้ นอกจากมหาปราชญ์สะท้านสวรรค์แล้วเขาคือผู้ที่เข้าใจพลังกระบี่สะท้านสวรรค์ที่สุดในใต้หล้า แห่งนี้
“ขอบคุณศิษย์พี่ใหญ่ยิ่ง!”
หนานเทียนโตวลุกขึ้นโค้งคํานับเยี่ยฉวนด้วยความเคารพ
เขายังคงสับสนในใจว่าเหตุใดเยี่ยฉวนจึงรู้เรื่องกระบี่สะท้านสวรรค์ได้ลึกซึ้งเพียงนั้น แต่มันก็ ไม่สําคัญเท่ากับการที่เยี่ยฉวนช่วยให้เขาผ่านพ้นสภาวะตีบตันและเริ่มต้นก้าวแรกอันยิ่งใหญ่ ในฐานะมหาปราชญ์สะท้านสวรรค์แห่งยุคนี้ได้ ปราณกระบีทะยานฟ้านี้เป็นสัญลักษณ์ของการ ก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกตนที่แท้จริงเช่นเดียวกับยันต์กลืนกินสวรรค์ในร่างเยี่ยฉวน