บทที่ 91 หมีป่าเซียง
โท่วปาเซียงครุ่นคิดด้วยสีหน้าหม่นหมองก่อนจะทําลายความเงียบด้วยเสียงแหบพร่า “ก็ได้ไอ้หนู ว่ามา เจ้าต้องการสิ่งใด?”
“ท่านพ่อ…”
โท่วป่าเซียงเนียวร้อนรน หยาดน้ําใสไหลรินจากดวงตา
นางเชื่อฟังบิดามาโดยตลอดแต่ครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป หากพูดให้สวยหรูอาจเป็นการตกปากรับคําขอแต่งงานจากเยี่ยฉวน แต่แท้จริงแล้วนางเป็นเพียงสิ่งเดิมพันเท่านั้น หากนางแต่งงานกับเยี่ยฉวนในวันข้างหน้าจะไม่เป็นการปล่อยให้นางอับอายขายหน้าและเป็นได้เพียงเครื่องระบายตัณหาของเขาหรือ?
“ไอ้เด็กเหลือขอ คายออกมาแล้วจะได้จบกันไปเสียที!” โท่วป่าเซียงจ้องเยี่ยฉวนด้วยแววตาดุดันพร้อมจิตสังหารรุนแรง เขาทําหูทวนลมต่อเสียงร้องไห้ของโท่วป่าเซียงเนียว
ดันทุรัง!
คนป่าเถื่อนก็ยังเป็นคนป่าเถื่อนวันยังค่ำ!
เยี่ยฉวนสันศีรษะและมองดูโท่วปาเซียงเนียวผู้กลัดกลุ้ม และสิ้นหวังราวกับลูกแกะตัวน้อย “ท่านเจ้าสํานัก ข้าประหม่าเกินกว่าจะพูด”
ประหม่าเกินกว่าจะพูด?
หากเจ้าประหม่าจริง อย่างน้อยช่วยแสร้งทําเขินอายก็ยัง
โท่วป่าเซียงเกรี้ยวกราดจนอกแทบระเบิด เขาเอ่ยพลางขบกรามแน่น “ไอ้สารเลว! จะพูดหรือไม่พูด? เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
“ก็ได้ ข้ายอมรับด้วยความเคารพคงดีกว่าปฏิเสธอย่าง นอบน้อม ข้านับถือผู้อาวุโสเสมอ เช่นนั้นข้าพูดได้จริงๆ ใช่ไหมท่านเจ้าสํานัก?”
เยี่ยฉวนทําที่อิดออดราวกับหมาป่าในคราบลูกแกะ โท่วป่าเซียงอยู่ในวัยรุ่งโรจน์ของชีวิตและแทบไม่มีผมหงอกเลย แม้แต่เส้นเดียว แล้วเขากลายเป็นชายชราตั้งแต่เมื่อใดกัน?
แม่นางหลิวหงแห่งสํานักเบญจลักษณ์เดินเข้ามาดูเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้นนี้ คําพูดของเยี่ยฉวนทําให้นางหัวเราะคิกคัก ดวงตาสดใสเป็นประกายทอดมองเขาด้วยความเสน่หา บรรดาศิษย์ที่เฝ้าดูอยู่จงใจเปิดทางให้นางอย่างเอาอกเอาใจ
“ไอ้หนู จะเปิดปากได้หรือยัง?” ใบหน้าของโท่วปาเซียง บิดเบี้ยวด้วยความโกรธและสับสน รู้สึกราวกับกําลังอ้อนวอนให้เยี่ยฉวนบอกความต้องการของตนออกมา
จูซื้อเจียไม่ปริปากสักคํา จ้าวต้าจ๋อก็ไม่เดือดร้อนเช่นกันบรรดาศิษย์สํานักหมอกเมฆาต่างเงียบรอว่าศิษย์พี่ใหญ่จะ จัดการกับโท่วป่าเซียงผู้ไร้ยางอายอย่างไร
“เฮ้อ ข้าไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพูดสินะ”
ราวกับราดน้ําเย็นดับไฟ เยี่ยฉวนสายศีรษะและยอมปริปากในจังหวะที่ความโกรธของโท่วป่าเซียงกําลังจะปะทุทํา ให้เขาไม่อาจบันดาลโทสะได้แม้จะอยากทําเพียงใด “ได้ ถ้าเช่นนั้นข้าจะพูดตรงอย่างตรงไปตรงมาแม้จะยังประหม่าอยู่ บ้างก็ตามคําขอของข้าไม่ยากนัก เพียงให้โท่วป่าเซียงเนียวแต่งงานเข้าสู่สํานักของเรา!”
“โอ้!” ผู้คนร้องอุทานออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน แม้จะคาดการณ์ไว้บ้างแต่ก็ยังประหลาดใจยิ่ง
โท่วป่าเซียงเพียวเผยสีหน้าซีดเผือดเช่นเดียวกับโท่วป่าเซียง ไอ้สารเลว แกล้งทําเป็นประหม่า แล้วดูสิ่งที่เจ้าพ่นออกมาสิ! เป็นคําขอที่ไม่ยากนักงั้นหรือ?!
“อย่าเข้าใจผิดไปเลยทุกคน อย่าเข้าใจผิด”
เยี่ยฉวนโบกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง “แม่นางโท่วปางดงามยิ่งนักแต่ข้าไม่ได้สนใจ ข้าไม่มีความตั้งใจ จะสร้างครอบครัว อย่างน้อยก็ในตอนนี้ อีกทั้งข้ายังไม่อาจฉวยโอกาสบังคับแม่นางโท่วปาผู้โชคร้ายให้แต่งงานกับข้า ข้าไม่ใช่คนประเภทนั้นและไม่ชอบผู้ที่ทําเรื่องร้ายกาจเช่น นั้นด้วย”
โท่วป่าเซียงจ้องเยี่ยฉวนเขม็ง “ไอ้หนู พูดให้ชัดว่าเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”
แววตาของโท่วป่าเซียงเพียวเป็นประกายด้วยความหวัง
เยี่ยฉวนกวาดสายตาไปรอบๆ และหยุดลงที่นกน้อยน่ารัก อย่างโท่วป่าเซียงเนียว ก่อนกล่าวออกพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่พวกเจ้าอาจยังไม่รู้ ข้ามีศิษย์น้องนาม จ้าวต้าจอ แม้จะอัปลักษณ์ อ้วนไปนิด และโลภมากไปเสียหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็เป็นคนดีที่เดียว ช่วงนี้เขาเกิดเบื่ออาหารและไม่มีอารมณ์ฝึกตนขึ้นมา เขาบอกข้าว่าตั้งแต่ได้เห็น แม่นางโท่วป่าก็กินไม่ได้นอนไม่หลับและชีวิตนี้ใคร่จะแต่งงานกับนางเพียงผู้เดียวเท่านั้น ข้ารู้สึกเห็นใจในฐานะศิษย์ พี่ใหญ่ประจําสํานักและไม่มีทางเลือกอื่นจึงหาโอกาสมา พูดกับท่าน ข้าขอท่านเจ้าสํานักช่วยให้เขาได้บรรลุความปรารถนาเถิด”
สังเวียนแห่งความเป็นตายเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
เจ้าอ้วนตกตะลึงจนพูดไม่ออกยิ่งกว่าผู้ใดในที่นี้ “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้า…ข้า…”
เจ้าอ้วนอยากปฏิเสธ ทว่าจูซื้อเจียกลับกระทุ่งศอกให้เขา ปิดปากเงียบเสีย
เยี่ยฉวนเผยสีหน้าจริงจังประหนึ่งยอมบุกน้ําลุยไฟเพื่อศิษย์น้องของเขา ส่วนโท่วป่าเซียงโกรธจัดจนตัวสั่น
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
หากให้โท่วป่าเซียงเพียวแต่งงานกับเยี่ยฉวน เขาคงทําใจยอมรับได้แม้จะไม่เต็มใจนัก ถึงอย่างไรเยี่ยฉวนก็เป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่ประจําสํานัก แต่ต้องแต่งงานกับศิษย์น้องผู้ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าซ้ํายังรูปร่างอ้วนใหญ่เหมือนหมูเช่นนี้จะให้ เขายอมรับได้อย่างไร?
“ไอ้ชั่ว นี่เจ้า… จะบีบบังคับผู้อื่นมากไปแล้ว!” โท่วปาเซียงเอ่ยคําเกรี้ยวกราด กระแสพลังงานมหาศาลแทบสะท้านแผ่นดินปะทุออกมาจากร่าง หม้อมหึมาราวกับภูเขาข นาดย่อมปรากฏขึ้นในมือ เขากระทืบเท้าลงกับพื้นจนสั่นสะเทือน เม็ดทรายและหินปลิวว่อนในอากาศ บรรดาศิษย์ในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรไม่ทันตั้งตัวจึงกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า
หม้อเต่าทมิฬ!
โท่วปาเซียงโกรธจัด ในมือถือสมบัติประจําสํานักเครื่องนิลด้วยจิตสังหารแผ่ซ่าน! บัดนี้เขากําลังเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ให้เห็น!
อาวุโสตู้คว้าตัวหลิวหงให้หนีไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ
การประลองครั้งยิ่งใหญ่ได้กลายเป็นศึกระหว่างสองสํานักใหญ่ โท่วป่าเซียงสลัดท่าที่เสแสร้งเป็นมิตรทิ้งไปขณะโจมตี โดยไม่สนตําแหน่งเจ้าสํานักของตน
จูซื้อเจีย เจ้าอ้วน และผู้อื่นกระเด็นขึ้นไปเบื้องบนเช่นกันทั้งหมดลุกขึ้นด้วยใบหน้าซีดเผือด ไม่มีผู้อาวุโสจากสํานักหมอกเมฆามาร่วมการประลองครั้งยิ่งใหญ่นี้เลยแม้แต่ผู้ เดียวอีกทั้งเจ้าสํานักหยุนเฟยหวี่ยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหลายปีมาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์สํานักหมอกเมฆาทั้งหมดในที่นี้จะหยุดโท่วป่าเซียงไม่ให้ปลิดชีพผู้อื่นตามใจปรารถนา!
“ท่านเจ้าสํานัก เหตุใดจึงทําเช่นนี้? นี่เป็นเพียงแค่การหารือกันเท่านั้น หากท่านยืนกรานที่จะไม่เห็นด้วยก็แค่ลืมมันไปเสีย”
เยี่ยฉวนสงบนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์แม้โลหิตและปราณในกายจะพลุ่งพล่านจนแทบกระอักเลือด เขาเร่งโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ในร่างขณะข่มความปั่นป่วนเอาไว้ แม้ ภายนอกจะทําที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวแต่ภายในกลับคว้ายันต์ออกมา เมื่อใดก็ตามที่เขาฉีกยันต์นี้ปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อผู้เตรียมพร้อมอยู่บนภูเขาจะรีบรุดมาเพื่อฆ่าอีกฝ่ายทันที!
เจ้าสํานักอย่างโท่วปาเซียงได้บรรลุถึงขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าระดับสี่ แม้แต่อาวุโสสูงสุดแห่งสํานักหมอกเมฆาก็ไม่อาจต่อกร ทว่าปีศาจเขาโค้งกลับเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อจนอาจขจัดความโอหังของเขาได้!
ในสายตาของผู้อื่น เยี่ยฉวนกําลังทําตัวไม่รู้จักที่ต่ําที่สูง และรนหาที่ตาย แต่ตัวเขากลับไร้ซึ่งความกลัว!
“ฮ่าๆๆ โท่วป่าเชียง จริงอยู่ที่ท่านแข็งแกร่งนัก แต่เจ้าคิดว่าไม่มีผู้ใดสามารถหยุดการคุกคามสํานักหมอกเมฆาของเจ้าได้จริงหรือ?”
แว่วเสียงเยือกเย็นดุจน้ําแข็งตามด้วยแรงกดดันมหาศาล
ชายชราเคราสีหงอกเหาะมาพร้อมจอบบนบ่า ส่วนล่างของกางเกงเปรอะเปื้อนดินโคลนแลดูเหมือนชาวนาเฒ่าในชนบท ทว่าโท่วปาเซียงผู้คิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดในโลกกลับระแวดระวังขึ้นมาทันใด
อาวุโสอันดับสองหนานกงเหรินแห่งสํานักหมอกเมฆาปรากฏกายขึ้นในนาทีวิกฤตพอดี
หนานเทียนโตว จูชื่อเจีย เจ้าอ้วน และผู้อื่นต่างปิติยินดี แม้แต่เยี่ยฉวนผู้ไร้ซึ่งความกลัวยังแอบโล่งใจอยู่ภายในก่อนจะเก็บยันต์ในมือ ปีศาจเขาโค้งเป็นไพ่ตายที่เขาไม่อยากเปิดเผยโดยง่ายหากไม่ใช่วินาทีสุดท้ายจริงๆ
“ไอ้หมีป่า! บังอาจระรานศิษย์พี่ใหญ่สํานักข้างั้นหรือ?!”
อาวุโสอันดับสองขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ฉุนเฉียวอยู่แล้ว เขายกจอบพุ่งเข้าต่อสู้กับโท่วป่าเซียงด้วยความเกรี้ยวกราด หมายจะฆ่าอีกฝ่ายเสีย ท่านเจ้าสํานักไม่อยู่ อาวุโสสูงสุดจึง ไม่กล้าละทิ้งไมตรีจิตระหว่างสํานักเพราะคํานึงถึงภาพรวมทั้งหมด แต่อาวุโสลําดับสองกลับไม่แยแสและพร้อมสู้อย่างไม่ลังเล