บทที่ 92 ข้อตกลงร่วมกัน
การประลองสองครั้งสุดท้ายที่เป็นขั้นตอนสําคัญในการตัดสินแพ้ชนะยังไม่เริ่มต้นขึ้น ทว่ากลับเกิดการต่อสู้ระหว่างเจ้าสํานักโท่วป่าเชียงแห่งสํานักเครื่องนิลและอาวุโสลําดับสองหนานกงเหรินแห่งสํานักหมอกเมฆา!
ชายทั้งสองบรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋า ด้วยระดับที่สามและสี่ที่ห่างกันเพียงก้าวเดียวทําให้การต่อสู้ดําเนินไปอย่างสมศักดิ์ศรี ต่างคนต่างรุกรานขอบเขตของฝ่ายตรงข้ามทว่ายังไม่มีผู้ใดเพลี่ยงพล้ํา!
หนานกงเหรินบ้าคลั่งถึงขีดสุดราวโท่วป่าเชียงเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สังหารบิดาของตน เขาใช้พละกําลังทั้งหมดที่มีในการโจมตีอีกฝ่ายอย่างรุนแรงโดยต้องการให้ชีวิตดับดินไปข้างหนึ่ง แม้ระดับขั้นการฝึกตนของเจ้าสํานักเครื่องนิลสูงกว่าทว่าการเคลื่อนไหวที่ไม่หยุดยั้งครั้งแล้วครั้งเล่า ทําให้อีกฝ่ายต้องล่าถอยไปหลายก้าว!
ตลอดทั้งชีวิตของโท่วป่าเชียง การต่อสู้ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ทําให้เขาไม่พึงใจในศักยภาพของตนเป็นอย่างยิ่ง!
เขาไม่สามารถควบคุมการต่อสู้ให้เป็นไปดั่งใจเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่นึกว่าตนจะต้องลงแรงปะทะกับตัวละครลับอื่นๆ เดิมที่เขาตั้งใจยั่วยุและกดดันให้เยี่ยฉวนยอมรับกติกาการประลองใหม่เท่านั้น! ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่กําลังโจมตีตนคือหนานกงเหริน..อาวุโสลําดับสองผู้ดื้อรั้นแห่งสํานักหมอกเมฆา! หากต่อสู้ไปแม้ไม่รู้ผลแพ้ชนะก็รังแต่จะเกิดความสูญเสีย
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
ตึง! สิ้นเสียงปะทะกันของอาวุธร่างของชายทั้งสองจึง กระเด็นออกไปคนละฟาก!
โท่วป่าเซียงชะงักไปชั่วครู่เพื่อสูดลมหายใจ หม้อเต่าทมิฬในมือสั่นสะเทือนจนเกิดเสียงดังทั้งยังมีร่องรอยขีดข่วนจากการโจมตีจากอีกฝ่ายเต็มไปหมด ทว่าจอบของอาวุโสลําดับสองกลับไม่มีแม้แต่รอยบิน! จอบรูปทรงธรรมดาสามัญเล่มนี้เป็นสมบัติที่ทําจากวัสดุเนื้อดีที่ทรงพลังมหาศาล!
โท่วป่าเซียงสาปแช่งชายชราด้วยความเดือดดาลเมื่อเห็นหม้อเต่าทมิฬคู่กายเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน! จิตสังหารทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“พอแล้ว! หยุดนะท่านพ่อ….อย่าต่อสู้กับเขา!”
โท่วปาเซียงเพียวพรวดออกไปยืนคั่นกลางระหว่างบิดาของนางและหนานกงเหริน นางมองผู้เป็นบิดาด้วยสายตาอ้อนวอนก่อนหันไปทางเยี่ยฉวนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก่อนกล่าวออก “คุณชายเย่…ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า! แต่ข้าเองก็มีข้อต่อรองเช่นกัน สามปีนับจากนี้หากเจ้าสามารถเอาชนะ ข้าได้ข้ายินดีทําตามความประสงค์ของเจ้าทุกประการและยินดีแต่งงานกับผู้ที่เจ้าเสนอโดยไม่ขัดข้อง!”
นางตระหนักดีว่าเมื่อบิดาของนางวางแผนการสิ่งใดแล้ว เขาไม่มีทางรามือโดยง่าย การเปลี่ยนแปลงกฎการประลองครั้งนี้ก็เช่นกัน! ครั้นเรื่องบานปลายจนเกิดการต่อสู้ระหว่างเขากับอาวุโสลําดับสองแห่งสํานักเครื่องนิล นางจึงทนดูต่อไปไม่ได้ ความกตัญญูตอกย้ำให้นางไม่อาจอยู่เฉยที่เห็นบิดาของตนได้รับความอัปยศ หญิงสาวตัดสินใจอย่างเด็ดเดียวตอบรับข้อต่อรองของเยี่ยฉวน!
“ช่างน่าเสียดาย…บุปผชาติงามตาจะจมอยู่ใต้มูลวัวจริงหรือนี่?!”
ฝูงชนโคลงศีรษะด้วยความสิ้นหวังขณะมองสตรีงามเจ้าของเรือนร่างนวลเนียนละเอียดราวกลีบดอกไม้ที่กลั่นออก เป็นหยกล้ำค่าเช่นโท่วป่าเซียงเนียว ก่อนหันไปพินิจจ้าวต้าจื่อผู้มีร่างอ้วนท้วมน่าสมเพช ความเห็นใจปรากฏขึ้นในจิตใจทุกคน ส่วนศิษย์พี่ใหญ่หงสี่แห่งสํานักเครื่องนิลที่ใกล้จะถูกถอดจากตําแหน่งได้แต่ขบกรามแน่น เขายืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนโดยใช้ไม้ค้ํายันร่างเอาไว้ บาดแผลฉกรรจ์บนร่างกายจากการประลองเมื่อวานนี้ยังคงเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ทั้งหัวใจของเขายังแตกสลายด้วยความอาวรณ์และโศกเศร้าเพราะไม่อาจทําสิ่งใดได้ นอกจากเฝ้ามองหญิงสาวที่ต นหลงรักมาแรมปีให้คํามั่นสัญญากับเยี่ยฉวนต่อสาธารณชนเช่นนั้น
“ศะ….ศิษย์พี่ใหญ่!” จ้าวต้าจื่อกล่าวอย่างติดขัดด้วยไม่รู้ว่าตนควรพูดสิ่งใดดี ถึงกระนั้นความสุขกลับเอ่อล้นเต็มหัวใจ! เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น หากโท่วปาเซียงเนียวตบแต่งกับเขาจริงนั่นเสมือนพายไส้เนื้อที่ตกลงมาจากฟากฟ้าเลยไม่ใช่หรือ?! เป็นไปได้อย่างไรกัน!?
เจ้าอ้วนจินตนาการเกี่ยวกับภาพเหล่านั้นไม่ออกแม้แต่น้อย! เขาตระหนักดีว่าโท่วป่าเซียงเนียวมีรูปโฉมงดงามราวเทพธิดาเทียบเคียงกับศิษย์พี่หญิงเจียเจียเพียงนั้น ผู้ที่ คู่ควรจะตบแต่งด้วยควรเป็นศิษย์พี่ใหญ่ต่างหาก!
“สามปีนานเกินไป ข้าเกรงว่าจะไม่ทันการหนึ่งปีแล้วกัน! ว่าอย่างไร?!” เยี่ยฉวนกล่าวคําออกพร้อมรอยยิ้มยีย
“ตกลง! หนึ่งปีก็หนึ่งปี! หลังจากนี้เจ้าจงอยู่ที่สํานักหมอกเมฆารอการท้าทายจากข้าอย่าหนีหน้าไปเสียดื้อๆ แล้วกัน! เริ่มการประลองเดี๋ยวนี้!”
ดวงตาคู่งามของโท่วป่าเซียงเนียวจ้องมองเยี่ยฉวนด้วยความแข็งกร้าวขณะออกคําสั่งให้เริ่มการประลองครั้งใหญ่ สิ้นคําผู้ตัดสินทั้งสามจึงดําเนินการต่างๆ อย่างรวดเร็ว!
ผลการจับสลากการประลองครั้งที่หก..สํานักหมอกเมฆา ประลองกับสํานักเครื่องนิล!
ทันใดนั้นโท่วปาเซียงระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น! ศิษย์ชั้นเลิศผู้มีร่างกายใหญ่โตเทอะทะกระโดดขึ้นไปบนสังเวียนแห่งความเป็นตายโดยมีหอกด้ามยาวอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นก่อนแผดเสียงคํารามกึกก้องเพื่อข่มขวัญ…รัศมีรูปวงกลม แผ่กระจายออกจากศีรษะจุดกึ่งกลางของรัศมีปรากฏเงา เลือนลางของอสรพิษยักษ์!
ขั้นซิวฉือ…ระดับที่สาม!
เขาคือยอดฝีมืออีกคนจากสํานักเครื่องนิล ระดับการฝึกตนของเขาเทียบเท่าศิษย์พี่ใหญ่หงลี่!
บรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลโห่ร้องดังสนั่นไปทั่วบริเวณ! ทว่าเหล่าศิษย์ของสํานักหมอกเมฆาต่างเผยสีหน้าเคร่งเครียด หนานเทียนโตวไม่สามารถลงสนามประลองได้อีกต่อไป เนื่องจากกฎเกณฑ์ใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้น เช่นนี้เยี่ยฉวนจะส่งผู้ใดเข้าร่วมการต่อสู้?!
ศิษย์ที่ตามมาสมทบเพื่อรับชมการประลองมีจํานวนมาก ทว่าผู้ที่เยี่ยฉวนคัดเลือกให้เป็นผู้ติดตามร่วมการประลองมีเพียงหกคนเท่านั้น จ้าวต้าจื่อไร้ความสามารถ หนานเทียนโตวไม่ได้รับอนุญาตให้ลงสนาม และศิษย์ชั้นนอกอีกสองคนก็ไร้ประโยชน์ ตัวเยี่ยฉวนก็บรรลุเพียงขั้นอู่เจ๋อระดับที่เจ็ดเท่านั้น…จึงเหลือจูซือเจียเพียงผู้เดียวที่เป็นความหวังครั้งสําคัญ! แม้หญิงสาวตระหนักดีว่าตนไม่มีทักษะเทียบเท่าคู่ต่อสู้ทว่าจิตใจที่เด็ดเดี่ยวทําให้นางเชิดหน้าขึ้นและตั้งท่าเตรียมพร้อมเข้าสู่สังเวียบนแห่งความเป็นตาย!
“ศิษย์พี่ใหญ่! ข้าเอง!”
อี้สั่วตะโกนขึ้นมาจากด้านหลังทันที เขากล่าวด้วยใบหน้าที่สัตย์ซื่อ “สองวันก่อนลําคอของข้าเกิดอาการบาดเจ็บจึงสละสิทธิ์การประลอง ทําให้สํานักหมอกเมฆาของเราอับอายยิ่ง! ในเมื่อศิษย์พี่เทียนโตวลงสนามประลองไม่ได้ศิษย์พี่ ใหญ่โปรดเลือกข้าให้ลงสนามในครั้งนี้ด้วยเถิด! ศิษย์พี่ใหญ่โปรดวางใจข้ายินดีสังหารคนจากสํานักเครื่องนิลเพื่อท่าน!”
“ไม่ได้นะ ศิษย์พี่ใหญ่!” จูซือเจียส่ายหน้าเป็นเชิงปรามทันทีเมื่อนึกถึงคําพูดของเยี่ยฉวน!
มือสังหารทั้งเจ็ดใช้เคล็ดวิชาดําดินซึ่งเป็นวิชาลับของสํานักหมอกเมฆา ดังนั้นผู้ที่วางแผนลอบสังหารเขาคงเป็นพวกอี้สั่วและอาวุโสลําดับสามอย่างไม่ต้องสงสัย! การประลองครั้งนี้นับว่าสําคัญยิ่ง! หากอี้สั่วมีแผนการชั่วร้ายเช่นนั้น สํานักหมอกเมฆาคง
“อย่ากังวลไปเจียเจีย ไม่เป็นไร ทุกคนล้วนเคยกระทําผิดพลาด พวกเราควรให้โอกาสเขาอีกครั้ง ศิษย์น้องอี้สั่ว แม้ผู้คนมองเจ้าเป็นอย่างไร ทว่าศิษย์พี่ใหญ่เชื่อมั่นในตัวเจ้า!”
เยี่ยฉวนขัดจังหวะจูซือเจียขณะมองไปที่อี้สั่วพร้อมส่งสายตาที่แสดงความจริงใจเฉกเช่นเดียวกัน!
“เป็นพระคุณยิ่งขอรับศิษย์พี่ใหญ่!”
อี้สั่วโค้งคํานับพลางชักกระบี่ออกจากฝักอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปบนสังเวียนแห่งความเป็นตาย ต่อหน้าเยี่ยฉวนและศิษย์คนอื่นๆ เขาแสดงใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจ แต่พอหันหลังให้คนเหล่านั้น…รอยยิ้มเย้ยหยันพลันปรากฏขึ้นทันที!
เขาเสแสร้งสํานักผิดเพื่อให้เยี่ยฉวนยอมรับในตัวเขา โดยครุ่นคิดร้อยแปดวิธีแม้แต่การหลั่งน้ำตาและคุกเข่าอ้อนวอน ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตอบตกลงโดยง่ายโดยที่เขาไม่ต้องแสดงละครให้มากความ
“เทพเซียนช่วยข้าด้วยเถิด! ไอ้สารเลว! เข้ามาให้ข้าตัดแขนเจ้าเสียโดยดี!”
อี้สั่วเงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมเปล่งเสียงดังลากยาว ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด
“ไอ้หนู เวลามีจํากัด เจ้ากระโดดขึ้นไปก่อนเถิดแล้วค่อยตะโกน!” เยี่ยฉวนแสยะยิ้ม
เมื่อคืนนี้หลังเขาส่งกระแสจิตลอบฟังบทสนทนา ระหว่างอี้สั่วและจินจื่อคุนจึงรู้ว่าคนชั่วทั้งสองกําลังวางแผน การสกปรกอีกครั้งเขานึกไว้อยู่แล้วว่าอี้สั่วจะต้องเดินเข้ามา ขอโอกาสจากตน!
หลักการสังหารที่ชาญฉลาดไม่ใช่การฆ่าศัตรูโดยการใช้อาวุธแทงให้ตายคามือ แต่ควรปล่อยให้มันกระหยิ่มใจเสียก่อนว่าตนเหนือกว่าเป็นแน่ พอความภาคภูมิใจถึงขีดสุดจีงจัดการเชือดคอมันเสีย!
เยี่ยฉวนคลายบังเหียนหนึ่งครั้งเพื่อที่จะจับมันได้แน่นขึ้น เมื่ออี้สั่วได้ใจกระโดดอีกครั้ง…บังเหียนนั้นก็จะรัดคอเขาจนตาย!
“หึๆ ต่อให้หลักแหลมเพียงใด หากไร้หนทาง…ย่อมเลือกทางเดินผิดพลาด!”
จินจื่อคุนผู้หลบซ่อนกายอยู่หลังหินก้อนหนึ่งที่ห่างออกไป รําพึงกับตนเองด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความสุขเมื่อแผนการดําเนินไปโดยราบรื่น
ก่อนหน้านี้เขากังวลว่าเยี่ยฉวนจะปฏิเสธการให้อี้สั่วลงสนามประลอง ทว่าตอนนี้สถานการณ์กลับเป็นไปดังคาด! เขามั่นใจยิ่งว่าสํานักหมอกเมฆาไม่อาจเอาชนะการประลองครั้งใหญ่ในครั้งนี้ ทั้งเยี่ยฉวนยังถูกตัดแขนออกหนึ่งข้างต่อหน้าฝูงชน ต่อให้เขามีชีวิตรอดกลับไปยังสํานัก การลอบโจมตีเพื่อชิงตําแหน่งศิษย์พี่ใหญ่ก็จะกระทําได้โดยง่ายกว่า ครั้งก่อนหน้าเป็นเท่าทวี! ตราบใดที่อาวุโสลําดับสามได้ขึ้นเป็นใหญ่ เขาสามารถทําทุกสิ่งได้ดังที่ใจปรารถนา!