Super God Gene – ตอนที่ 1962

หานเซิ่นจำเป็นต้องเดินทางไปที่ปราสาทนภา ดังนั้นเขาจึงไปบอกเซี่ยชิงและคนอื่นๆ หานเซิ่นพูดคุยเรื่องแผนในอนาคตและบอกให้พวกเขาช่วยดูแลดาวอุปราคาในช่วงที่เขาไม่อยู่

 

หานเซิ่นไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัยของเซี่ยชิงและคนอื่นๆ เพราะตราบใดที่ตัวตนของหานเซิ่นยังไม่ถูกเปิดเผย อี๋ซาก็จะคอยปกป้องดาวของเขาเอาไว้

 

แต่สิ่งที่หานเซิ่นกลัวก็คือเรื่องที่เขาอาจจะถูกจำได้เมื่อไปถึงปราสาทนภา ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็อาจจะต้องเจอกับปัญหาใหญ่

 

ในวันต่อมา อี๋ซาได้ส่งยานอวกาศมารับหานเซิ่นไปที่ปราสาทนภาอย่างลับๆ

 

ปราสาทนภามีข้อจำกัดหลายอย่างสำหรับการเดินทางเข้าไป มันมีเฉพาะศิษย์อย่างเป็นทางการของที่นั่นเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างในได้ แต่ที่หานเซิ่นได้เข้าไปนั้นก็เป็นเพราะว่าเขาเป็นลูกศิษย์ของอี๋ซา

 

ในระหว่างการเดินทาง หานเซิ่นพบว่าตัวเองรู้สึกเบื่อมากๆ เขาจึงนำบับเบิลออกมากระโดดขึ้นลงในมือ

 

มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มองโลกในแง่ดี และดูจะไม่เคยกังวลต่อเรื่องใดๆเลยสักนิด

 

นอกจากบับเบิลแล้ว แม้แต่ล่องหนน้อย เขาก็ต้องทิ้งเอาไว้ที่ดาวอุปราคา ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เขาไม่สามารถนำใครติดตัวมาได้ ถ้าเขาถูกพบว่านำสิ่งมีชีวิตบางอย่างลอบเข้าไป เขาก็อาจจะถูกฆ่าตาย

 

ด้วยการที่มียอดฝีมือระดับเทพเจ้าอยู่ที่นั่น หานเซิ่นก็ไม่กล้าเดินออกนอกเส้นทางแม้แต่นิดเดียว

 

ปราสาทนภาอยู่ห่างไกลจากแนร์โรว์มูน มันใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มๆกว่าที่หานเซิ่นจะไปถึงที่หมาย

 

ปราสาทนภาเป็นซีโน่เจเนอิคสเปชขนาดใหญ่ ยานอวกาศที่หานเซิ่นนั่งมาไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจอดที่นั่น ดังนั้นมันต้องไปจอดที่ดาวใกล้เคียงแทน หลังจากที่พวกเขายืนยันตัวตนของหานเซิ่นแล้ว พวกเขาถึงส่งยานอวกาศอีกลำมารับหานเซิ่นเข้าไป

 

เมื่อหานเซิ่นเข้าไปในปราสาทนภา เขาก็ได้เห็นเกาะจำนวนมากลอยอยู่บนท้องฟ้า มันมีเกาะอยู่ทุกหนทุกแห่งไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหน เกาะแต่ละเกาะจะล่องลอยไปมาทั้งเหนือหัวและใต้เท้าของเขา

 

ทางปราสาทนภาคงจะต้องได้รับแจ้งถึงการมาของเขาอยู่แล้ว เพราะเมื่อหานเซิ่นไปถึง ก็มีชายคนหนึ่งขี่นกสีขาวตัวใหญ่มาหาเขา

 

“เจ้าคือหานเซิ่นใช่ไหม?” ชายคนนั้นถามพร้อมกับโค้งคำนับ เขาดูสง่างามและมีอายุราว 20 ต้นๆ แต่ภาพลักษณ์ถูกทำให้เสียหายด้วยรอยแผลบนหน้าผากของเขา

 

แต่หลังจากที่ได้สังเกตใกล้ๆ หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่ามันคือดวงตาดวงที่ 3

 

“ชื่อของข้าคือหานเซิ่น เจ้าล่ะมีชื่อว่าอะไร?” หานเซิ่นตอบพร้อมกับโค้งคำนับ

 

“ชื่อของข้าคือกระเรียนพันขน ข้าเป็นลูกศิษย์ของหนึ่งในผู้อาวุโสของที่นี่ ข้าถูกท่านอาจารย์สั่งมาให้นำทางเจ้าไปสู่ถนนนภา”

 

“ถนนนภา? ข้าคิดว่าพวกเราจะไปยังปราสาทนภาซะอีก” หานเซิ่นถามอย่างสับสน

 

กระเรียนพันขนดูไม่เร่งรีบอะไร เขาพูด “ที่นี่มีกฎข้อหนึ่งที่ระบุเอาไว้ว่าบุคคลที่ไม่ใช่ศิษย์จะต้องเดินทางผ่านถนนนภาตามลำพัง ถ้าเจ้าเดินทางผ่านมันไปไม่ได้ นั่นหมายความว่าเจ้าไม่ใช่ทายาทของเทพเจ้า ในกรณีนั้นเจ้าถูกจะปิดกั้นไม่ให้เข้าไป ได้โปรดเข้าใจด้วย”

 

“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นได้โปรดนำทางไป” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ

 

หานเซิ่นไม่ได้ต้องการเข้าไปในปราสาทนภา และถ้ามันมีกฎแบบนั้นอยู่ เขาก็สามารถจงใจทำไม่สำเร็จเพื่อจะได้เดินทางกลับ

 

“เชิญทางนี้” กระเรียนพันขนทำท่าทางและนกสีขาวก็ลดตัวลงมา

 

หานเซิ่นปีนขึ้นไปบนหลังของมัน หลังจากนั้นกระเรียนพันขนก็สั่งให้มันบินออกไป มันบินไปยังเกาะลอยได้ที่อยู่ใกล้ที่สุด ขณะที่นกพาพวกเขาไปที่นั่น หานเซิ่นก็ถามข้อมูลเกี่ยวกับถนนนภากับกระเรียนพันขน

 

ปราสาทนภามีเกาะลอยฟ้าอยู่จำนวนมาก ซึ่งแม้แต่ศิษย์ของที่นี้ก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพวกมันมีจำนวนมากขนาดไหน แต่เกาะที่มีชื่อเสียงที่สุดไม่ใช่เกาะที่ผู้นำของที่นี่อยู่อาศัย แต่มันเป็นเกาะที่ผู้มาใหม่ต้องไปเยือน มันถูกเรียกว่าเกาะประตูนภา

 

เกาะประตูนภาไม่ได้ใหญ่อะไรมาก มันมีความยาวแค่ 1 กิโลเมตรและความกว้าง 10 เมตรเท่านั้น ซึ่งบนเกาะนั้นมีเพียงแค่ประตูและบันไดหิน

 

ใครก็ตามที่มาเยือนที่นี่ต้องมาที่เกาะแห่งนี้ พวกเขาต้องเดินไปบนบันไดหิน นอกซะจากว่าพวกเขาต้องการจะถูกปฏิบัติในฐานะศัตรูคนหนึ่ง

 

นอกจากนั้นแล้วเกาะประตูนภาก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ประตูและบันไดก็ธรรมดาๆ

 

แต่เมื่อเดินผ่านบันไดขึ้นไปแล้ว พวกเขาก็จะไปถึงถนนนภา

 

เกาะประตูนภาอยู่ตรงข้ามกับเกาะหลักของที่นี่ ซึ่งระหว่างทั้ง 2 เกาะจะมีเถาวัลย์เส้นยักษ์อยู่

 

ถ้าพวกเขาต้องการเข้าไปบนถนนนภา พวกเขาก็ต้องเดินผ่านเถาวัลย์เพื่อไปให้ถึงเกาะหลัก และถ้าพวกเขาร่วงลงไปก่อนที่จะถึง มันก็หมายความว่าคนๆนั้นไม่คู่ควร

 

“พี่กระเรียนพันขน มันมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเถาวัลย์พวกนี้อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามเมื่อเห็นเกาะประตูนภา

 

กระเรียนพันขนยิ้มและพูด “อย่าได้กังวลไป การเดินไปบนถนนนภานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง ถ้ามันเป็นโชคชะตาของคนๆนั้น แม้แต่คนธรรมดาที่ยังไม่มีชุดเกราะจีโนก็ข้ามไปถึงเกาะหลักได้ เจ้าเป็นลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด ดังนั้นเจ้าก็คงจะมีโชคชะตาบางอย่าง เจ้าจะต้องไปถึงเกาะหลักได้อย่างแน่นอน”

 

หานเซิ่นอยากจะถามอะไรเพิ่ม แต่ในตอนนี้นกตัวนั้นบินมาถึงเกาะประตูนภาแล้ว มันล่อนลงไปตรงหน้าประตูที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหิน

 

“น้องหานเชิญทางนี้” กระเรียนพันขนนำไปที่ประตู

 

หานเซิ่นลงจากนกและเดินไปตรงหน้าประตู เมื่อมองขึ้นไปเขาก็เห็นบันไดที่สูงขึ้นไป และที่ปลายสุดของบันใดก็มีเถาวัลย์สีเขียวอยู่ พวกมันดูเหมือนกับมังกรโผล่ที่ออกมาจากหมู่เมฆ

 

พืชจำพวกน้ำเต้าสีเขียวมากมายห้อยอยู่บนเถาวัลย์ บางลูกนั้นใหญ่โตราวกับสิ่งก่อสร้าง ขณะที่บางลูกเล็กพอๆกับปลายนิ้ว

 

หลังจากที่หานเซิ่นพูดขอบคุณกระเรียนพันขนแล้ว เขาก็เดินผ่านประตูและเริ่มก้าวขึ้นไปบนบันไดเพื่อมุ่งหน้าไปสู่เถาวัลย์สีเขียวด้านบน

 

บันไดหินนั้นไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อหานเซิ่นไปถึงจุดสิ้นสุด เถาวัลย์สีเขียวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขา ซึ่งมันกว้างพอที่จะให้รถม้าผ่านไปได้

 

‘มันจะเป็นไปได้ยังไงที่จะร่วงจากเถาวัลย์นี้? มันต้องมีพลังอย่างอื่นที่มองไม่เห็นอยู่อย่างแน่นอน’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตรวจดูรอบๆ เถาวัลย์มีความมั่นคงอย่างมาก และด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้มันดูยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าราชาเคลียร์ซีที่เป็นถึงระดับราชันซะอีก

 

หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ “เถาวัลย์นี่คืออะไรกัน มันน่ากลัวยิ่งกว่ามังกรจริงๆ และยิ่งใหญ่ยิ่งกว่ายอดฝีมือระดับราชันอีกอย่างนั้นหรอ?”

 

‘ช่างเถอะ ยังไงซะเราก็ไม่คิดจะข้ามไปจนถึงอีกฝั่งอยู่แล้ว ถ้ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้น เราก็แค่กระโดดลงไป’ หานเซิ่นเริ่มเดินไปบนเถาวัลย์โดยมีแผนที่จะแกล้งล้มเหลว

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset