ทุกคนได้รู้เรื่องที่กระเรียนพันขนเป็นคนแบกหานเซิ่นเข้ามาในปราสาทนภา
นี่ถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด หานเซิ่นเกือบจะหมดสติไปในตอนที่ถูกพาเข้ามาข้างใน และกระเรียนพันขนก็ต้องแบกหานเซิ่นต่อไปจนกระทั่งเข้าไปพบผู้นำของปราสาทนภา
หานเซิ่นหมดสติไปจากความเหนื่อยล้า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้เห็นว่าผู้นำของปราสาทนภาหน้าตาเป็นยังไง
บางสิ่งที่แปลกประหลาดแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นมันจึงเป็นที่พูดถึงกันมากในปราสาทนภา
“นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านผู้เฒ่าได้เห็นใครบางคนถูกแบกเข้ามา ข้าได้ยินว่าเคราของเขาบิดงอด้วยความประหลาดใจ”
“เขาเดินบนถนนสู่ท้องฟ้าด้วยสภาพแบบนั้นได้ยังไง? เขาเป็นคนที่แปลกจริงๆ”
“แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง ท่านผู้เฒ่าก็ยังยอมรับเขาเข้ามา แถมท่านผู้เฒ่ายังมอบสิทธิ์ในการเข้าไปในสถานหยกขาวให้กับเขาอีกด้วย เขาโชคดีที่ได้เป็นลูกศิษย์ของราชินีแห่งมีด”
“เจ้าพูดถูก ท่านผู้เฒ่านับถือราชินีแห่งมีด แต่นางก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆนั่นแหละ ท่านผู้เฒ่าปฏิบัติกับนางเหมือนกับลูกศิษย์จริงๆ มันจึงเป็นอะไรที่น่าแปลกที่นางรับคนแบบนั้นมาเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง”
หานเซิ่นหลับไป 1 วันเต็มๆ หลังจากที่เขาได้พักฟื้นเต็มที่ ความรู้สึกหนักอึ้งก็หายไปหมดแล้ว
หลังจากที่ตื่นขึ้นมา หานเซิ่นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ในห้องไม่ได้ตกแต่งอะไรพิเศษ มันเป็นห้องที่มีหนึ่งเตียงหยก หนึ่งโต๊ะหินและเก้าอี้อีก 4 ตัว
หานเซิ่นลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายเพื่อขจัดความเมื่อยล้า ตอนนี้หานเซิ่นยังไม่สามารถคิดวิธีที่จะทำให้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนกลายเป็นสิ่งที่มีรูปธรรมได้ แต่เขาก็ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างที่สำคัญจากการยอมรับแรงกดดันนั้น
ในตอนที่หานเซิ่นได้รับแรงกดดันจากไพ่เวทย์มนต์เต่าหยก เขาได้ใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนจำลองการทำงานของมัน และนั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถปลดมันออกไปได้
ตั้งแต่นั้นมาหานเซิ่นก็มักจะเล่นกับมันอยู่บ่อยๆ เขาใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อศึกษามัน แต่พลังของมันเป็นอะไรที่ซับซ้อน มันจึงยากที่เขาจะเรียนรู้การทำงานของมันได้
แต่ในตอนที่แรงกดดันของปราสาทนภาเข้ามาในร่างกาย หานเซิ่นรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกับไพ่เวทย์มนต์เต่าหยก
ปราสาทนภาส่งความรู้สึกโดยไม่ได้ใช้อะไรที่เป็นรูปธรรม ส่วนเวทย์มนต์เต่าหยกก็มีกระแสพลังที่ยากจะเข้าใจได้ เมื่อนำทั้ง 2 อย่างมาเปรียบเทียบกัน มันก็ทำให้หานเซิ่นมีไอเดียใหม่ๆ
หานเซิ่นนำไพ่เวทย์มนต์เต่าหยกขึ้นมาและใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนจำลองพลังของมัน เขาพยายามจะเรียนรู้อะไรบางอย่างจากมันเพื่อยืนยันทฤษฎีที่เพิ่งจะคิดขึ้นมา
หานเซิ่นนั่งลงบนเตียงหยกขณะที่มองไปที่ไพ่เวทย์มนต์เต่าหยก เขาพบว่าเวทย์มนต์เต่าหยกอ่อนพลังลงไปมาก มันเคยที่จะดูเหมือนกับหยก แต่ตอนนี้มันดูเหมือนกับก้อนหิน
2 วันต่อมาจู่ๆไพ่เวทย์มนต์เต่าหยกก็แตกร้าวและกลายเป็นผุยผง หานเซิ่นรู้สึกตกใจเมื่อเห็นอย่างนั้น แต่เขาก็รู้สึกดีใจเพราะเขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย
หานเซิ่นได้หายตัวไป 2-3 วัน และข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งปราสาท ผู้คนเชื่อว่าหานเซิ่นยังคงหมดสติอยู่ ถึงแม้เขาเพิ่งจะมาถึงได้ไม่นาน แต่หานเซิ่นก็กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว
ศิษย์หลายคนในปราสาทนภาต่างก็รู้สึกสงสัย พวกเขาต้องการจะรู้ว่าหานเซิ่นเป็นคนแบบไหนกันแน่
เมื่อหานเซิ่นออกจากบ้านหิน เขาก็สังเกตเห็นว่าตัวเองยืนอยู่บนเกาะลอยฟ้าเกาะหนึ่ง แต่มันดูเหมือนกับก้อนหินขนาดใหญ่มากกว่าเกาะลอยฟ้า นอกจากตัวบ้านแล้ว พื้นที่รอบๆตัวเขาก็มีความกว้างประมานครึ่งหนึ่งของสนามบาสเท่านั้นเอง
บนเกาะเล็กๆมีต้นไม้อยู่ต้นหนึ่ง หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเป็นต้นไม้ชนิดไหนกันแน่ แต่มันดูใกล้จะตายแล้ว และมันก็ถูกปกคลุมด้วยรอยไหม้เกรียม ใบไม้ทั้งหมดเป็นสีเหลืองและดูพร้อมจะร่วงลงมาได้ทุกเมื่อ
หานเซิ่นมองไปรอบๆ เกาะที่เขาอยู่มีขนาดเล็ก แต่มันก็อยู่ใกล้กับเกาะหลักมากๆ จริงๆแล้วมันเป็นเกาะที่อยู่ใกล้กับเกาะหลักมากที่สุด
ขณะที่หานเซิ่นมองไปรอบๆ เขาก็ได้ยินเสียงของนกตัวหนึ่ง ชายที่ดูสง่างามคนหนึ่งขี่นกสีขาวตัวใหญ่บินลงที่เกาะของเขา
“ขอบคุณที่ช่วยแบกข้าขึ้นไปยังปราสาทนภา” หานเซิ่นพูดอย่างจริงใจ
ถึงเขาจะใช้สมาธิไปกับความรู้สึกที่ถูกกดดัน แต่เขาก็ยังจดจำคนที่แบกเขาขึ้นไปที่ปราสาทนภาได้ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือ เขาก็คงจะถูกบดขยี้อยู่บนบันไดนั้น
กระเรียนพันขนส่ายหัวและพูด “การพาเจ้าขึ้นไปยังปราสาทนภาเป็นหน้าที่ของข้า ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอบคุณข้า”
หลังจากนั้นกระเรียนพันขนก็นำแผ่นจารึกออกมาและพูด “นี่คือแผ่นจารึกประจำตัวของปราสาทนภา มันจะทำให้คนอื่นรู้ถึงระดับอำนาจและสิทธิ์ที่เจ้ามีภายในปราสาทนภา เจ้าอย่าได้ทำมันหายเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเจ้าจะถูกลงโทษ”
“ที่ปราสาทนภามีแผ่นศิลาที่จารึกกฎระเบียบเอาไว้ เจ้าควรจะไปดูมันเพื่อที่เจ้าจะได้ไม่เผลอไปทำผิดกฎโดยไม่รู้ตัว” กระเรียนพันขนพูด
“ขอบคุณที่บอก ตอนนี้ข้าต้องไปเข้าพบผู้นำของปราสาทนภาแล้วใช่ไหม?” หานเซิ่นรับแผ่นศิลามา
“ท่านผู้นำได้เห็นเจ้าเรียบร้อยแล้ว มันไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องไปพบกับเขาอีก และท่านก็ได้อนุญาตให้เจ้าเข้าไปในสถานหยกขาวได้”
“สถานหยกขาวคืออะไร?” หานเซิ่นถาม
“สถานหยกขาวนั้นมี 12 หลัง 5 เมือง มันเป็นสถานที่สำหรับฝึกวิชา เพียงแค่ได้รับอนุญาตให้เขาไปก็ถือเป็นเกียรติสูงสุดแล้ว เจ้าจะต้องฝึกฝนอย่างตั้งใจที่นั่นและอย่าได้เสียโอกาสอันล้ำค่านี้ไป”
กระเรียนพันขนพูด หลังจากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นไปบนนกสีขาวและเตรียมจะจากไป
“กระเรียนพันขน เจ้ากำลังจะไปไหน?” หานเซิ่นรีบถาม
“ข้ากำลังจะไปฝึกในสถานหยกขาว!” กระเรียนพันขนตอบ
“เยี่ยม! ข้าไม่รู้ทางไปที่นั่น เจ้าช่วยพาข้าไปด้วยได้ไหม?” หานเซิ่นพูดขณะที่ขึ้นไปหลังบนหลังของนก
กระเรียนพันขนดูหดหู่ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาสั่งให้นกสีขาวตัวใหญ่บินออกไป