มนตราแข็งแกร่งขึ้น
มนตราแข็งแกร่งขึ้น
หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่ได้ประหลาดใจที่มนตราสามารถฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยกได้ แต่เขาประหลาดใจที่ปืนคู่ของเธอสามารถเปลี่ยนไปเป็นปืนไรเฟิลได้ เขารู้ว่าตัวมนตราเองสามารถเปลี่ยนร่างได้ แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอสามารถเปลี่ยนอาวุธของเธอได้ด้วย
‘นี่หมายความว่ามนตราสามารถใช้อาวุธประเภทไหนก็ได้อย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิด
เขาเพียงแค่ออกคำสั่งให้มนตราฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยกเท่านั้น แต่มนตราตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้ปืนไรเฟิลด้วยตัวเอง เพราะมันมีพลังและการเจาะทะลวงที่สูงกว่า
ตอนนี้เธอมีอาวุธอยู่ 3 รูปแบบ แบบแรกคือปืนคู่ที่ใช้สำหรับการยิงอย่างรวดเร็วในระยะใกล้ๆ พลังของมันไม่ได้มากมายอะไร แต่เธอสามารถยิงได้หลายนัดในเวลาอันสั้น
ปืนไรเฟิลมีระยะการโจมตีที่ไกลที่สุด และพลังของมันก็เป็นอะไรที่รุนแรง แถมมันยังสามารถเจาะทะลวงวัตถุต่างๆได้ แต่กระสุนใช้เวลานานในการชาร์จยิงอีกแต่ละครั้ง
ปืนอาร์พีจีไม่ได้มีระยะการโจมตีที่ไกลเหมือนกับปืนไรเฟิล แต่มันสามารถสร้างความเสียหายได้เป็นวงกว้าง ซึ่งมันจะเวลาในการชาร์จนานที่สุด
อาวุธทั้ง 3 มีจุดประสงค์และข้อดีที่แตกต่างกันออกไป มันยากจะตัดสินได้ว่าอันไหนดีกว่ากัน เพราะในบางสถานการณ์อาวุธอย่างหนึ่งก็อาจจะดีกว่าอันอื่นๆ นั่นคือจุดเด่นที่สุดของมนตรา เธอสามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้
ไม่นานหลังจากที่หานเซิ่นฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยก ยวิ๋นซู่ซางและกระเรียนพันขนก็จัดการกับพวกตะขาบพักตราจนหมด
หานเซิ่นเริ่มลงมือขุดกำแพงหิน ไม่นานเขาก็เจอมอนสเตอร์หยกที่ดูเหมือนกับลิง หูของมันถูกระเบิดจนเป็นรูโบ๋ ซึ่งมันก็คืออสูรกรงเล็กภูติหยก
เมื่อยวิ๋นซู่อีเห็นว่ามนตราโจมตีถูกหน้าผากของมอนสเตอร์ เธอก็ตกตะลึง เธอไม่ได้คาดคิดว่ามนตราจะมีความแม่นยำถึงขนาดยิงไปโดนหัวของศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในกำแพง
เมื่อพวกเขาเก็บยีนซีโน่เจเนอิคเสร็จ พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ ยีนซีโน่เจเนอิคของอสูรกรงเล็บภูติหยกคือกะโหลกสีดำ ส่วนยีนซีโน่เจเนอิคของตะขาบพักตราคือเปลือกของมัน
“พวกเราเพิ่งจะเข้ามาในถ้ำเสวียนเยวี๋ยนได้ไม่นาน แต่พวกเราก็ได้รับรางวัลขนาดนี้แล้ว พวกเราถือว่าค่อนข้างโชคดี พวกเราจะเดินทางกลับเมื่อก็ได้ถ้าต้องการ” ยวิ๋นซู่ซางยิ้ม
การหาซีโน่เจเนอิคในระหว่างการเดินทางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาเดินทางต่อไปอีกกว่า 2 ชั่วโมง แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไร
“หานเซิ่น อาวุธจีโนของเจ้ามหัศจรรย์จริงๆ มันดูเหมือนกับคนๆหนึ่งเลย นางมีชื่อว่าอะไรอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่อีถามหานเซิ่น
“มนตรา” หานเซิ่นพูด
“เป็นชื่อที่ดี” บางทีมันอาจจะเป็นเพราะหานเซิ่นช่วยเธอเอาไว้ถึง 2 ครั้ง ตอนนี้เธอถึงดีกับเขามากขึ้นกว่าเดิม
“ชู่ว์” กระเรียงพันขนทำท่าทางบอกให้พวกเขาเงียบๆ หลังจากนั้นเขาก็แนบหูของเขากับกำแพง ซึ่งทำให้คนอื่นๆตกใจ เพราะถ้าวิญญาณหยกเสวียนซ่อนตัวอยู่ในนั้น กระเรียนพันขนก็อาจจะถูกฆ่าได้ง่ายๆ
โชคดีที่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนเขาจะมั่นใจว่ามันไม่มีตัวอะไรซ่อนอยู่ในกำแพงนั้น และหลังจากที่ฟังอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมา
“ข้าได้ยินเสียงของมังกรเสวียนเยวี๋ยน”
เมื่อได้ยินชื่อนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป ยวิ๋นซู่ซางขมวดคิ้ว
“มันอยู่ไกลแค่ไหน? มันกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเราอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าคิดว่ามันกำลังตรงมาทางพวกเรา” กระเรียนพันขนพูดอย่างจริงจัง
“ถ้าพวกเราทั้ง 5 คนต้องเผชิญหน้ากับมังกรเสวียนเยวี๋ยน พวกเราไม่มีทางชนะแน่ พวกเราถอยกลับกันเถอะ” เฟิร์สเดย์พูด
“เห็นด้วย” กระเรียนพันขนและยวิ๋นซู่ซางต่างก็เห็นด้วย
หานเซิ่นไม่รู้ว่ามังกรเสวียนเยวี๋ยนนั้นน่ากลัวมากน้อยขนาดไหน แต่เขาก็ทำตามความเห็นของทุกคน
ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางกลับ เฟิร์สเดย์ก็พูดกับหานเซิ่น
“มังกรเสวียนเยวี๋ยนคือซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งที่สุดในถ้ำเสวียนเยวี๋ยน พวกมันเกิดมาเป็นระดับมาร์ควิส พวกเราในตอนนี้ไม่มีทางต่อสู้กับพวกมันได้”
หานเซิ่นพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็ก้มมองลงไปที่พื้น และมนตราก็ยิงปืนคู่ของเธอไปที่เท้าของหานเซิ่น
มีกรงเล็บโผล่ออกมาจากพื้นและกำลังจะจับเท้าของหานเซิ่น แต่กระสุนนั้นทะลุกรงเล็บที่โผล่ขึ้นมา ทำให้มันหายกลับไปในพื้นหิน
แต่หลังจากนั้นก็มีกรงเล็บโผล่ออกมาจากพื้นรอบๆตัวพวกเขาเต็มไปหมด
ยวิ๋นซู่ซางชักดาบออกมาเพื่อปกป้องยวิ๋นซู่อี ส่วนกระเรียนพันขนและเฟิร์สเดย์ก็ใช้พลังของพวกเขาเพื่อหยุดยั้งกรงเล็บที่โผล่ออกมา
กรงเล็บที่โผล่ออกมามีจำนวนนับไม่ถ้วน หานเซิ่นและคนอื่นๆเป็นระดับเอิร์ท แต่ยวิ๋นซู่อีเป็นเพียงแค่ไวเคานต์เท่านั้น ดังนั้นยวิ๋นซู่ซาง กระเรียนพันขนและเฟิร์สเดย์จึงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเธอ
“นี่มันไม่ถูก ทำไมจู่ๆถึงได้มีอสูรกรงเล็บภูติหยกปรากฏตัวออกมามากมายขนาดนี้?” ยวิ๋นซู่ซางพูด
“พวกอสูรกรงเล็บภูติหยกต้องรู้แน่ๆว่ามังกรเสวียนเยวี๋ยนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ พวกมันถึงได้พยายามหยุดพวกเราเอาไว้” กระเรียนพันขนพูด
“พวกมันมีเป้าหมายในการถ่วงเวลาพวกเราเท่านั้น” เฟิร์สเดย์พูด
ปัง!
มนตราใช้ปืนไรเฟิลของเธอเพื่อโจมตี กระสุนเจาะทะลุเข้าไปในหิน ทำให้มีเลือดไหลออกมาทุกหนทุกแห่ง
“พวกเจ้าคอยปกป้องซู่อีเอาไว้ ข้าจะให้มนตราฆ่าพวกมันเอง” หานเซิ่นพูด
มนตราได้ใช้ปืนคู่ยิงใส่กรงเล็บมากมายเมื่อครู่นี้และทิ้งเครื่องติดตามเอาไว้ ซึ่งทำให้เธอสามารถสัมผัสถึงตำแหน่งของพวกมันได้ และเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ผิวกำแพง มนตราก็จะยิงไปใส่พวกมันก่อน
พลังในการเจาะทะลวงของปืนไรเฟิลเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว แต่มันยังคงต้องใช้เวลาในการชาร์จกระสุนแต่ละ ซึ่งทำให้ยากที่จะกำจัดพวกมันได้หมด
แต่ถึงอย่างนั้นการได้เห็นมนตราลงมือก็ถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอด
พวกเขาคอยปกป้องซู่อีขณะที่วิ่งออกไป โดยมนตราจะยิงกระสุนออกไปในทุกๆหนึ่งวินาที ซึ่งในแต่ละครั้งที่เธอเหนี่ยวไก อสูรกรงเล็บภูติหยกก็ต้องตาย
“ซีโน่เจเนอิคเอิร์ลอสูรกรงเล็บหยกถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูร ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”
เมื่อมนตราฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยกตัวที่ 8 ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงประกาศที่หวังเอาไว้ แต่เขาไม่มีเวลาจะตรวจดูวิญญาณอสูรในตอนนี้
ยวิ๋นซู่ซางและกระเรียนพันขนหันไปมองด้านหลังและเห็นมนตรายิงปืนใส่พวกอสูรกรงเล็บภูติหยก
เธอยิงกระสุนแต่ละนัดออกไปก่อนที่กรงเล็บของพวกมันจะเผยออกมาจากกำแพงหินซะอีก พวกเขาไม่รู้เลยว่าเธอสามารถทำแบบนั้นได้ยังไง
แต่มันไม่มีเวลาให้พวกเขามัวคิดถึงเรื่องนั้น ถึงแม้มนตราจะคอยฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยกไปตามทาง แต่พวกมันก็มีอยู่มากเกินไป ทำให้กลุ่มของพวกเขาไม่สามารถหนีออกไปได้อย่างรวดเร็วนัก
“มังกรเสวียนเยวี๋ยน!” กระเรียนพันขนตะโกนออกมาขณะที่ใบหน้าของเขาดูซีดไป
ขณะที่เสียงตะโกนของกระเรียนพันขนดังก้องขึ้นมา มันก็มีเสียงประหลาดดังมาจากในถ้ำ หลังจากนั้นไม่นานเงาสีดำก็เคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูงและปกคลุมโดยรอบด้วยกลิ่นของเลือด