Super God Gene – ตอนที่ 1975

มนตราแข็งแกร่งขึ้น

มนตราแข็งแกร่งขึ้น

 

หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่ได้ประหลาดใจที่มนตราสามารถฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยกได้ แต่เขาประหลาดใจที่ปืนคู่ของเธอสามารถเปลี่ยนไปเป็นปืนไรเฟิลได้ เขารู้ว่าตัวมนตราเองสามารถเปลี่ยนร่างได้ แต่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเธอสามารถเปลี่ยนอาวุธของเธอได้ด้วย

 

‘นี่หมายความว่ามนตราสามารถใช้อาวุธประเภทไหนก็ได้อย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิด

 

เขาเพียงแค่ออกคำสั่งให้มนตราฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยกเท่านั้น แต่มนตราตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้ปืนไรเฟิลด้วยตัวเอง เพราะมันมีพลังและการเจาะทะลวงที่สูงกว่า

 

ตอนนี้เธอมีอาวุธอยู่ 3 รูปแบบ แบบแรกคือปืนคู่ที่ใช้สำหรับการยิงอย่างรวดเร็วในระยะใกล้ๆ พลังของมันไม่ได้มากมายอะไร แต่เธอสามารถยิงได้หลายนัดในเวลาอันสั้น

 

ปืนไรเฟิลมีระยะการโจมตีที่ไกลที่สุด และพลังของมันก็เป็นอะไรที่รุนแรง แถมมันยังสามารถเจาะทะลวงวัตถุต่างๆได้ แต่กระสุนใช้เวลานานในการชาร์จยิงอีกแต่ละครั้ง

 

ปืนอาร์พีจีไม่ได้มีระยะการโจมตีที่ไกลเหมือนกับปืนไรเฟิล แต่มันสามารถสร้างความเสียหายได้เป็นวงกว้าง ซึ่งมันจะเวลาในการชาร์จนานที่สุด

 

อาวุธทั้ง 3 มีจุดประสงค์และข้อดีที่แตกต่างกันออกไป มันยากจะตัดสินได้ว่าอันไหนดีกว่ากัน เพราะในบางสถานการณ์อาวุธอย่างหนึ่งก็อาจจะดีกว่าอันอื่นๆ นั่นคือจุดเด่นที่สุดของมนตรา เธอสามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้

 

ไม่นานหลังจากที่หานเซิ่นฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยก ยวิ๋นซู่ซางและกระเรียนพันขนก็จัดการกับพวกตะขาบพักตราจนหมด

 

หานเซิ่นเริ่มลงมือขุดกำแพงหิน ไม่นานเขาก็เจอมอนสเตอร์หยกที่ดูเหมือนกับลิง หูของมันถูกระเบิดจนเป็นรูโบ๋ ซึ่งมันก็คืออสูรกรงเล็กภูติหยก

 

เมื่อยวิ๋นซู่อีเห็นว่ามนตราโจมตีถูกหน้าผากของมอนสเตอร์ เธอก็ตกตะลึง เธอไม่ได้คาดคิดว่ามนตราจะมีความแม่นยำถึงขนาดยิงไปโดนหัวของศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในกำแพง

 

เมื่อพวกเขาเก็บยีนซีโน่เจเนอิคเสร็จ พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ ยีนซีโน่เจเนอิคของอสูรกรงเล็บภูติหยกคือกะโหลกสีดำ ส่วนยีนซีโน่เจเนอิคของตะขาบพักตราคือเปลือกของมัน

 

“พวกเราเพิ่งจะเข้ามาในถ้ำเสวียนเยวี๋ยนได้ไม่นาน แต่พวกเราก็ได้รับรางวัลขนาดนี้แล้ว พวกเราถือว่าค่อนข้างโชคดี พวกเราจะเดินทางกลับเมื่อก็ได้ถ้าต้องการ” ยวิ๋นซู่ซางยิ้ม

 

การหาซีโน่เจเนอิคในระหว่างการเดินทางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาเดินทางต่อไปอีกกว่า 2 ชั่วโมง แต่พวกเขาก็ไม่พบอะไร

 

“หานเซิ่น อาวุธจีโนของเจ้ามหัศจรรย์จริงๆ มันดูเหมือนกับคนๆหนึ่งเลย นางมีชื่อว่าอะไรอย่างนั้นหรอ?” ยวิ๋นซู่อีถามหานเซิ่น

 

“มนตรา” หานเซิ่นพูด

 

“เป็นชื่อที่ดี” บางทีมันอาจจะเป็นเพราะหานเซิ่นช่วยเธอเอาไว้ถึง 2 ครั้ง ตอนนี้เธอถึงดีกับเขามากขึ้นกว่าเดิม

 

“ชู่ว์” กระเรียงพันขนทำท่าทางบอกให้พวกเขาเงียบๆ หลังจากนั้นเขาก็แนบหูของเขากับกำแพง ซึ่งทำให้คนอื่นๆตกใจ เพราะถ้าวิญญาณหยกเสวียนซ่อนตัวอยู่ในนั้น กระเรียนพันขนก็อาจจะถูกฆ่าได้ง่ายๆ

 

โชคดีที่ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนเขาจะมั่นใจว่ามันไม่มีตัวอะไรซ่อนอยู่ในกำแพงนั้น และหลังจากที่ฟังอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมา
“ข้าได้ยินเสียงของมังกรเสวียนเยวี๋ยน”

 

เมื่อได้ยินชื่อนั้น สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไป ยวิ๋นซู่ซางขมวดคิ้ว
“มันอยู่ไกลแค่ไหน? มันกำลังมุ่งหน้ามาหาพวกเราอย่างนั้นหรอ?”

 

“ข้าคิดว่ามันกำลังตรงมาทางพวกเรา” กระเรียนพันขนพูดอย่างจริงจัง

 

“ถ้าพวกเราทั้ง 5 คนต้องเผชิญหน้ากับมังกรเสวียนเยวี๋ยน พวกเราไม่มีทางชนะแน่ พวกเราถอยกลับกันเถอะ” เฟิร์สเดย์พูด

 

“เห็นด้วย” กระเรียนพันขนและยวิ๋นซู่ซางต่างก็เห็นด้วย

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่ามังกรเสวียนเยวี๋ยนนั้นน่ากลัวมากน้อยขนาดไหน แต่เขาก็ทำตามความเห็นของทุกคน

 

ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางกลับ เฟิร์สเดย์ก็พูดกับหานเซิ่น
“มังกรเสวียนเยวี๋ยนคือซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งที่สุดในถ้ำเสวียนเยวี๋ยน พวกมันเกิดมาเป็นระดับมาร์ควิส พวกเราในตอนนี้ไม่มีทางต่อสู้กับพวกมันได้”

 

หานเซิ่นพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็ก้มมองลงไปที่พื้น และมนตราก็ยิงปืนคู่ของเธอไปที่เท้าของหานเซิ่น

 

มีกรงเล็บโผล่ออกมาจากพื้นและกำลังจะจับเท้าของหานเซิ่น แต่กระสุนนั้นทะลุกรงเล็บที่โผล่ขึ้นมา ทำให้มันหายกลับไปในพื้นหิน

 

แต่หลังจากนั้นก็มีกรงเล็บโผล่ออกมาจากพื้นรอบๆตัวพวกเขาเต็มไปหมด

 

ยวิ๋นซู่ซางชักดาบออกมาเพื่อปกป้องยวิ๋นซู่อี ส่วนกระเรียนพันขนและเฟิร์สเดย์ก็ใช้พลังของพวกเขาเพื่อหยุดยั้งกรงเล็บที่โผล่ออกมา

 

กรงเล็บที่โผล่ออกมามีจำนวนนับไม่ถ้วน หานเซิ่นและคนอื่นๆเป็นระดับเอิร์ท แต่ยวิ๋นซู่อีเป็นเพียงแค่ไวเคานต์เท่านั้น ดังนั้นยวิ๋นซู่ซาง กระเรียนพันขนและเฟิร์สเดย์จึงต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเธอ

 

“นี่มันไม่ถูก ทำไมจู่ๆถึงได้มีอสูรกรงเล็บภูติหยกปรากฏตัวออกมามากมายขนาดนี้?” ยวิ๋นซู่ซางพูด

 

“พวกอสูรกรงเล็บภูติหยกต้องรู้แน่ๆว่ามังกรเสวียนเยวี๋ยนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ พวกมันถึงได้พยายามหยุดพวกเราเอาไว้” กระเรียนพันขนพูด

 

“พวกมันมีเป้าหมายในการถ่วงเวลาพวกเราเท่านั้น” เฟิร์สเดย์พูด

 

ปัง!

มนตราใช้ปืนไรเฟิลของเธอเพื่อโจมตี กระสุนเจาะทะลุเข้าไปในหิน ทำให้มีเลือดไหลออกมาทุกหนทุกแห่ง

 

“พวกเจ้าคอยปกป้องซู่อีเอาไว้ ข้าจะให้มนตราฆ่าพวกมันเอง” หานเซิ่นพูด

 

มนตราได้ใช้ปืนคู่ยิงใส่กรงเล็บมากมายเมื่อครู่นี้และทิ้งเครื่องติดตามเอาไว้ ซึ่งทำให้เธอสามารถสัมผัสถึงตำแหน่งของพวกมันได้ และเมื่อพวกมันเข้ามาใกล้ผิวกำแพง มนตราก็จะยิงไปใส่พวกมันก่อน

 

พลังในการเจาะทะลวงของปืนไรเฟิลเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัว แต่มันยังคงต้องใช้เวลาในการชาร์จกระสุนแต่ละ ซึ่งทำให้ยากที่จะกำจัดพวกมันได้หมด

 

แต่ถึงอย่างนั้นการได้เห็นมนตราลงมือก็ถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอด

 

พวกเขาคอยปกป้องซู่อีขณะที่วิ่งออกไป โดยมนตราจะยิงกระสุนออกไปในทุกๆหนึ่งวินาที ซึ่งในแต่ละครั้งที่เธอเหนี่ยวไก อสูรกรงเล็บภูติหยกก็ต้องตาย

 

“ซีโน่เจเนอิคเอิร์ลอสูรกรงเล็บหยกถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูร ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ”

 

เมื่อมนตราฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยกตัวที่ 8 ในที่สุดหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงประกาศที่หวังเอาไว้ แต่เขาไม่มีเวลาจะตรวจดูวิญญาณอสูรในตอนนี้

 

ยวิ๋นซู่ซางและกระเรียนพันขนหันไปมองด้านหลังและเห็นมนตรายิงปืนใส่พวกอสูรกรงเล็บภูติหยก

 

เธอยิงกระสุนแต่ละนัดออกไปก่อนที่กรงเล็บของพวกมันจะเผยออกมาจากกำแพงหินซะอีก พวกเขาไม่รู้เลยว่าเธอสามารถทำแบบนั้นได้ยังไง

 

แต่มันไม่มีเวลาให้พวกเขามัวคิดถึงเรื่องนั้น ถึงแม้มนตราจะคอยฆ่าอสูรกรงเล็บภูติหยกไปตามทาง แต่พวกมันก็มีอยู่มากเกินไป ทำให้กลุ่มของพวกเขาไม่สามารถหนีออกไปได้อย่างรวดเร็วนัก

 

“มังกรเสวียนเยวี๋ยน!” กระเรียนพันขนตะโกนออกมาขณะที่ใบหน้าของเขาดูซีดไป

 

ขณะที่เสียงตะโกนของกระเรียนพันขนดังก้องขึ้นมา มันก็มีเสียงประหลาดดังมาจากในถ้ำ หลังจากนั้นไม่นานเงาสีดำก็เคลื่อนที่เข้ามาหาพวกเขาด้วยความเร็วสูงและปกคลุมโดยรอบด้วยกลิ่นของเลือด

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset