Super God Gene – ตอนที่ 2010

การมาของเฟเธอร์

หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน หานเซิ่นก็เดินทางออกจากเกาะแรร์บีสต์และนำแผ่นหินไปคืนให้กับสือเปยเฟิง

 

“ศิษย์น้องหาน ถ้าเจ้าต้องการล่ะก็ เจ้าจะอยู่นานกว่านี้ก็ได้” สือเปยเฟิงมาบอกลาหานเซิ่นที่กำลังจะเดินทางออกจากเกาะ

 

“ไม่เป็นไร ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าได้ประโยชน์มามากแล้ว และถ้ายังอยู่ต่อไปนานกว่านี้ ข้าจะรู้สึกผิดเอา” หานเซิ่นชี้ไปที่นกกระเรียนไร้ขาขณะที่พูด

 

นกกระเรียนไร้ขากำลังแบกยีนซีโน่เจเนอิคจำนวนมากอยู่ และเมื่อสือเปยเฟิงหันไปมอง เขาก็ตกตะลึง เนื่องจากยีนซีโน่เจเนอิคที่อยู่บนหลังของมันนั้นเป็นยีนระดับมาร์ควิสทั้งหมดเลย

 

จากชื่อเสียงของหานเซิ่นแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะล่าซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสได้ แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือเขาสามารถฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสได้เป็นจำนวนมากในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน

 

มันทำให้สือเปยเฟิงอยากจะเป็นเพื่อนกับหานเซิ่นมากกว่าเดิม เขายิ้มออกมาและพูด

“ถ้าเจ้ามีความจำเป็นอะไรล่ะก็ มาหาข้าได้ทุกเมื่อ ตระกูลสือยินดีช่วยเหลือเจ้าเสมอ”

 

“ขอบคุณศิษย์พี่สือมาก” หานเซิ่นโค้งคำนับและไม่พูดอะไรไปมากกว่านั้น

 

นกกระเรียนไร้ขาแบกชิ้นส่วนซีโน่เจเนอิคอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มันบินได้ค่อนข้างยากลำบาก สือเปยเฟิงเห็นว่ามันไม่มีที่ว่างเหลือให้หานเซิ่นขึ้นไปนั่ง ดังนั้นเขาจึงให้หานเซิ่นยืมสิงโตสี่ปีก หลังจากนั้นสิงโตสี่ปีกและนกกระเรียนไร้ขาก็นำหานเซิ่นและยีนซีโน่เจเนอิคกลับไปที่เกาะของเขา

 

หานเซิ่นได้รับอะไรมากมายในการเดินทางครั้งนี้ นอกจากยีนซีโน่เจเนอิคที่ขนกลับมาแล้ว เขายังได้รับวิญญาณอสูรวัวหินผาปีศาจและก้อนหินน้อยกับรูปปั้นที่อยู่ในบ่อน้ำกลับมาด้วย

 

แต่หานเซิ่นไม่รู้ว่าก้อนหินพวกนี้เป็นยีนซีโน่เจเนอิคแบบไหนกันแน่ เขาคาดเดาว่ามันเป็นระดับมาร์ควิส

 

ส่วนรูปปั้นหิน หานเซิ่นพยายามที่จะทำความสะอาดมัน แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันยังเป็นแค่รูปปั้นสีเทาธรรมดาๆ และมันก็ไม่มีตัวอักษรอะไรสลักไว้เช่นกัน มันดูเหมือนกับรูปปั้นที่ถูกทำขึ้นมาจากสมัยโบราณกาล

 

หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตรวจสอบรูปปั้นหิน แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันมีความพิเศษยังไง

 

“ศิษย์น้องหาน เจ้ากลับมาแล้ว ข้าคิดถึงเจ้าจริงๆ”

หานเซิ่นเพิ่งจะกลับมาถึงที่เกาะ แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ทำอะไร อวี้จิงก็ขี่มังกรสีเขียวเข้ามาที่เกาะ เมื่อเขาเข้ามาในบ้านแล้ว อวี้จิงก็จับมือของหานเซิ่นอย่างหลงใหล

 

“เจ้าต้องการอะไร? อย่าแตะตัวของข้า ข้าไม่ใช่เกย์” หานเซิ่นดึงมือของเขากลับและเช็ดมืดด้วยผ้า

 

หานเซิ่นคิดว่าอวี้จิงกำลังมองเขาอย่างแปลกๆ

 

“เจ้าพูดอะไรของเจ้า? ต่อให้ข้าเป็นเกย์ ข้าก็เลือกชาวนภาอยู่ดี? ข้าจะมาที่นี่เพื่อเจ้าไปทำไมกัน? และอีกอย่างข้าก็ไม่ได้เป็นเกย์” อวี้จิงคิดว่านั่นฟังดูไม่ถูก

 

หลังจากนั้นอวี้จิงก็มองไปรอบๆห้องของหานเซิ่นและพูด

“ศิษย์น้องหาน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ยีนซีโน่เจเนอิคกลับมาจากเกาะแรร์บีสต์เป็นจำนวนมาก เจ้ามีแผนที่จะขายพวกมันไหม? ถ้าเจ้าขายพวกมันให้กับข้า ข้าจะให้ราคาที่ดีกับเจ้า”

 

หลังจากนั้นอวี้จิงก็เห็นยีนซีโน่เจเนอิคจำนวนมากกองอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง

“นี่มันหางเสือสายลมระดับมาร์ควิส และนี่มันก็คืองวงของช้างโครงกระดูก นี่เป็นยีนซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสทั้งหมดเลยอย่างนั้นหรอ?”

 

“เกือบทั้งหมด” หานเซิ่นพูด

 

“แข็งแกร่งจริงๆ การฆ่าซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสในขณะที่ยังเป็นแค่เอิร์ลได้แบบนี้… มันมีน้อยคนมากๆที่จะทำอะไรแบบนี้ได้ เท่าที่ข้ารู้มีเพียงแค่เจ้ากับไผ่เดียวดายเท่านั้นที่ทำได้”

หลังจากนั้นอวี้จิงก็หันกลับมาหาหานเซิ่นและพูดต่อ “เจ้าได้ยินเรื่องที่ทางเฟเธอร์สวามิภักดิ์ต่อปราสาทนภาไหม? ตอนนี้พวกเขาเป็นเผ่าพันธุ์ใต้การปกครองของพวกเราแล้ว และพวกเขาก็ได้ส่งขุนนางหลายคนมาทำการฝึกฝนที่นี่”

 

“นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทางเฟเธอร์สูญเสียตำแหน่งในฐานะเผ่าพันธุ์ชั้นสูงไป และตอนนี้พวกเขาก็อ่อนแอลงไปมาก ถ้าพวกเขาไม่หาพันธมิตร พวกเขาก็จะล่มสลายเอาได้ง่ายๆ” หานเซิ่นตอบ

 

อวี้จิงพยักหน้าและพูด “มันไม่ใช่อย่างนั้น ในตอนที่ราชาของพวกเขามาที่นี่ พวกเขาใจกว้างมากๆ ถึงพวกเราไม่จำเป็นจะต้องแสดงความเคารพต่อพวกเขาอีกแล้ว แต่มันก็ไม่มีใครจะปฏิเสธเงินมากมายที่พวกเขาเสนอได้ ดังนั้นพวกเขาจะอาศัยอยู่ที่นี่ได้อย่างสุขสบาย”

 

หลังจากนั้นอวี้จิงก็ยิ้มและพูดกับหานเซิ่น “เจ้าคุ้นเคยกับเฟเธอร์ที่ชื่อแองเกียไหม?”

 

“ไม่หนิ” หานเซิ่นส่ายหัว ความรู้เกี่ยวกับเฟเธอร์ของเขามีจำกัด

 

“เขาเป็นลูกชายของครึ่งเทพ เขามีพรสวรรค์มากๆและเขาก็ถูกส่งตัวมาที่นี่ด้วย เขาเป็นหัวหน้าของเฟเธอร์ทั้งหมดที่เดินทางมา และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเอิร์ลเหมือนกับเจ้า ช่วงนี้เขากำลังท้าสู้กับศิษย์ระดับเอิร์ลของปราสาทนภา และเขาก็ยังไม่แพ้เลยสักครั้ง วิชาจีโนของเขาดูเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ”

 

“นั่นหมายความว่ายังไง?” หานเซิ่นถาม

 

“ก่อนที่เขาจะต่อสู้ เขาจะเสนอขวดน้ำพุจากโฮลี่เฮฟเว่น ถ้าใครก็ตามที่เป็นระดับเอิร์ลและเอาชนะเขาได้ในด้วยการใช้มีด เขาก็จะมอบมันให้กับคนๆนั้น”

อวี้จิงพูดต่อ “ถึงศิษย์ของปราสาทนภาจะศึกษาการใช้มีดก็จริง แต่พวกเราไม่มีใครที่เชี่ยวชาญมัน พวกเราส่วนใหญ่ใช้ดาบ เจ้าเป็นเพียงแค่คนเดียวในหมู่พวกเราที่ถนัดการใช้มีด มันเห็นได้ชัดว่าเขากำลังยั่วยุเจ้าอยู่ นี่เขากล้าดียังไงกัน?”

 

หลังจากนั้นอวี้จิงก็ยิ้มและพูดต่อ “แต่น้ำพุพวกนั้นเป็นของดีมากๆ ตราบใดที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ มันก็จะชำระล้างบาดแผลของเจ้าให้หายเป็นปลิดทิ้ง มันเป็นสมบัติล้ำค่าของโฮลี่เฮฟเว่น เขาเป็นคนรนหาที่เอง ดังนั้นเจ้าควรจะไปส่งสอนบทเรียนให้กับเขาและเอาน้ำพุนั้นมาเป็นของแถม ซึ่งถ้าเจ้าไม่ต้องการมันล่ะก็ ข้าจะซื้อมันต่อจากเจ้าเอง”

 

“บางทีถ้าข้ามีเวลา แต่ข้าจำเป็นต้องไปฝึกในสถานหยกขาวก่อน”

หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องนั้น มันยังมีเรื่องอื่นที่เขาจำเป็นต้องทำ

 

วันต่อมา หานเซิ่นไปฝึกในสถานหยกขาว ที่นั่นเขาได้พบกับยวิ๋นซู่อีบนชั้นที่ 4 มันทำให้เขานึกถึงวิชาใต้นภาขึ้นมาได้ เขาจึงเข้าไปพูดกับเธอ

“ข้าได้ทำการศึกษาวิชาใต้นภาดูบ้างแล้ว ถ้าเจ้ามีเวลาล่ะก็ พวกเราจะศึกษามันต่อไปพร้อมๆกัน”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset