มีดขนนกโลหิต
เหล่าเฟเธอร์ที่อาศัยอยู่บนเกาะเมฆานั้นกำลังยุ่งกับการจัดเตรียมงานประลองมีด
“แองเกีย เจ้าคิดว่าหานเซิ่นจะมาไหม?” เฟเธอร์สาวที่ชื่ออันหลิงซินถามขึ้นมา
ก่อนที่แองเกียจะตอบ เฟเธอร์ที่ชื่อแอนดรูว์ก็พูดขึ้นมา
“ข้าคิดว่าเขาเกรงกลัวแองเกีย นั่นคือเหตุผลที่เขาไม่ยอมปรากฏตัวออกมา ข้าเดิมพันว่าเขาจะไม่มา ในตอนที่ได้ยินถึงสิ่งที่เขาทำ ข้าก็คิดว่าเขาจะแข็งแกร่งซะอีก ข้าไม่ได้คิดว่าเขาจะเป็นคนที่ขี้ขลาดตาขาวขนาดนี้ และผู้คนยังจะเรียกเขาว่าเป็นปรมาจารย์แห่งมีดและดาบอีกอย่างนั้นหรอ!”
แองเกียจ้องไปที่แอนดรูว์และพูด “หุบปาก! เมื่อไหร่กันที่เจ้าจะเลิกทำตัวโง่เง่าและระวังคำพูดของตัวเอง ปรมาจารย์แห่งมีดและดาบนั้นรวมถึงไผ่เดียวดายด้วย มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าศิษย์ชาวนภามาได้ยินสิ่งที่เจ้าเพิ่งจะพูด?”
“โทษที” แอนดรูว์ขอโทษ
แองเกียส่ายหัว แอนดรูว์เป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นการจะเปลี่ยนเขาจึงเป็นเรื่องยาก
หลังจากความเงียบชั่วครู่ แองเกียก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ถึงหานเซิ่นจะไม่มาก็ไม่เป็นไร ผู้คนจะคิดว่าเขาหวาดกลัวพวกเรา ซึ่งมันยังคงเป็นผลดีต่อพวกเรา”
แต่อันหลิงซินรู้สึกกังวล “ตั้งแต่ที่พวกเรามาที่นี่ พวกเราได้ยินแต่เรื่องราวของหานเซิ่น ผู้คนที่นี่ต่างก็นับถือเขาและบอกว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง”
“แล้วยังไง? เขาไม่มีทางเอาชนะแองเกียได้” แอนดรูว์มั่นใจในความสามารถของแองเกียอย่างมาก
แองเกียพูด “อย่าได้กังวล ข้ามีประสบการณ์ของการเกิดใหม่ และข้าก็ฝึกเฮฟเว่นเฟเธอร์กับมีดพิพากษา ข้าไม่ได้อ่อนแอ และถึงแม้ข้าจะเกิดแพ้ขึ้นมา ด้วยชื่อเสียงของหานเซิ่นก็ยังนับว่าเป็นชัยชนะอยู่ดี เพียงแค่ข้าสู้กับเขา เช่นเดียวกับที่เขาต่อสู้กับไผ่เดียวดาย ถ้าเขาไม่ได้ต่อสู้กับไผ่เดียวดาย เขาก็จะไม่ได้รับชื่อเสียงอย่างที่มีอยู่ในขณะนี้ พวกเราจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ ถ้าเขามาต่อสู้กับข้า มันจะถือเป็นเป็นชัยชนะของเรา ไม่ว่าผลจะออกมายังไง”
หลังจากนั้นแองเกียก็ยิ้มออกมา “ไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อม แขกจะมาถึงในเร็วๆนี้ ไม่ว่าหานเซิ่นจะปรากฏตัวหรือไม่ พวกเราก็จำเป็นต้องทำให้งานในครั้งนี้ดูดีที่สุด”
ยวิ๋นซู่ซางและยวิ๋นซู่อีมาถึงที่เกาะเมฆา มันมีคนที่พวกเขาคุ้นเคยอยู่ที่นี่ด้วย อย่างเช่นกระเรียนพันขน
“ศิษย์พี่กระเรียน!” ยวิ๋นซู่ซางดึงยวิ๋นซู่อีไปนั่งข้างๆเขา
“พวกเจ้ารู้ไหมว่าตอนนี้หานเซิ่นอยู่ที่ไหน? เขาจะมาเข้าร่วมงานประลองมีดในครั้งนี้หรือเปล่า?” กระเรียนพันขนถามทั้ง 2 คน แต่เขามองไปที่ยวิ๋นซู่อี
ยวิ๋นซู่อีตอบ “หานเซิ่นไปที่ถ้ำเสวียนเยวี๋ยน และเขาก็ยังไม่กลับออกมา เขาคงจะไม่ได้มาเข้าร่วมงานประลองมีดนี้”
“มันถือเป็นเรื่องที่ดีที่เขาจะไม่มาเข้าร่วม” กระเรียนพันขนพยักหน้า
“ทำไม?” ยวิ๋นซู่อีไม่เข้าใจ
กระเรียนพันขนลดระดับเสียงลงและพูด “ด้วยชื่อเสียงของหานเซิ่น แองเกียจะเป็นฝ่ายเดียวที่ได้รับผลประโยชน์ถ้าพวกเขาต่อสู้กัน ไม่ว่าเขาจะเป็นฝ่ายชนะหรือแพ้ก็ตาม”
ยวิ๋นซู่อีไม่ได้โง่ เธอเข้าใจว่ากระเรียนพันขนหมายความว่ายังไง ดังนั้นเธอจึงพยักหน้า
ศิษย์ของปราสาทมากมายเดินทางมาเข้าร่วมงาน ระดับที่สูงที่สุดของคนที่มาคือระดับเอิร์ล ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อจะได้เห็นมีดขนนกโลหิต
มีดขนนกโลหิตเป็นสิ่งที่เฟเธอร์ระดับเทพเจ้าใช้ขนของตัวเองในการหลอมเป็นอาวุธ มันคือสมบัติอันล้ำค่าของเผ่าพันธุ์เฟเธอร์ ซึ่งแม้แต่คนส่วนใหญ่ของพวกเขาเองก็ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นมัน และสำหรับคนนอกแล้วโอกาสที่จะได้เห็นมันก็น้อยลงไปอีก
การที่แองเกียนำมีดมาที่นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ ผู้อาวุโสหลายคนอยากจะเห็นมัน ดังนั้นพวกเขาจึงส่งลูกศิษย์มาเป็นตัวแทน
แองเกียเริ่มด้วยการพูดเปิดงานประลอง เฟเธอร์เป็นเผ่าพันธุ์ที่สง่างาม และแองเกียก็เป็นนักพูดที่เก่ง บรรยากาศจึงเป็นไปอย่างรื่นรมย์
แองเกียไม่เสียเวลาพูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรมากนัก เขานำเสนอมีดเฟเธอร์ตั้งแต่เริ่ม
ทุกคนจับจ้องไปที่กล่องสี่เหลี่ยมบนเวที
แองเกียพูดขึ้นมา “มีดขนนกโลหิตนั้นอยู่มาตั้งแต่หลายพันศตวรรษก่อน พวกเรายังหาฝักที่คู่ควรกับมันไม่ได้ ดังนั้นพวกเราจึงเก็บมันเอาไว้ในกล่องใบนี้ ข้าต้องอภัยในเรื่องนี้”
หลังจากนั้นแองเกียก็เปิดกล่องอย่างนุ่นนวล ยวิ๋นซู่อีและคนอื่นๆจับจ้องไปที่กล่องใบนั้น ภายในมันมีอาวุธรูปร่างเหมือนขนนกสีขาวยาว 3 ฟุตอยู่
มันมีรอยเลือดอยู่บนใบมีดขนนก มันตัดกันกับสีขาวของตัวมีด
แองเกียเริ่มอธิบาย “นี่คือมีดที่ผู้ก่อตั้งของพวกเราสร้างขึ้นมาโดยใช้ขนนกระดับเทพเจ้าของเขา ผู้ก่อตั้งของพวกเราใช้มีดซึ่งยังไม่สมบูรณ์สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่ง ซีโน่เจเนอิคระดับเพทเจ้าตัวนั้นหนีไปได้ แต่มีดขนนกก็ได้ดื่มเลือดของมัน นั่นคือที่มาของรอยเลือดนี้ ซึ่งทำให้ผู้ก่อตั้งของพวกเราตั้งชื่อมันว่ามีดขนนกโลหิต”
ความตื่นเต้นของผู้ชมเริ่มพุ่งสูงขึ้น พวกเขาอยากจะสัมผัสกับมีดขนนกโลหิตเล่มนั้นเพื่อที่จะตัดสินด้วยตัวเองว่ามีดเล่มนั้นเป็นของแท้หรือของปลอม
แองเกียรู้ว่าผู้ชมต้องการจะเห็นมัน ดังนั้นเขาจึงหยิบมันออกมาจากกล่องและส่งให้กับศิษย์ของปราสาทนภาที่อยู่ใกล้ที่สุด เพื่อที่พวกเขาจะได้ส่งต่อๆกันไป
กระเรียนพันขน ยวิ๋นซู่ซางและยวิ๋นซู่อีต่างก็ได้สังเกตมีดขนนกโลหิต ซึ่งพวกเขาก็มีความเห็นตรงกันว่ามันเป็นมีดที่ดี
แต่มันมีข่าวลือบอกว่ามีดเล่มนี้เป็นอาวุธระดับเทพเจ้า ถึงแม้มันดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้น
ผู้ชมแต่ละคนต่างก็เอยชื่นชมมัน และเมื่อมันถูกส่งกลับคืนให้กับแองเกีย ผู้ชมคนหนึ่งก็ถามขึ้นมา “ถ้านี่เป็นอาวุธระดับเทพเจ้า ทำไมมันถึงไม่แสดงพลังอะไรออกมา?”
แองเกียยิ้มและพูด “ท่านผู้นี้มีสายตาที่เฉียบแหลมยิ่งนัก ทุกคนในที่นี้คงจะคิดว่าอาวุธที่ทำมาจากขนนกของเฟเธอร์ระดับเทพเจ้าก็ควรจะเป็นระดับเทพเจ้าเช่นกัน ก่อนหน้านี้ข้าเพิ่งจะเล่าประวัติของมันให้ทุกคนได้ทราบกัน ในตอนที่มีดเล่มนี้ถูกฟันใส่ซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า พลังของเลือดซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าตัวนั้นที่กระเด็นมาถูกกับมีดเล่มนี้ไม่อาจจะเข้ากันได้ มันจึงทำให้มีดเล่มนี้กลายเป็นอาวุธระดับราชันแทน”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” ผู้ชมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าเสียดาย
อาวุธระดับราชันเป็นอะไรที่ทรงพลัง แต่พวกมันไม่สามารถเทียบกับอาวุธระดับเทพเจ้าได้
“ที่พวกเราจัดงานนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะหาเจ้านายที่คู่ควรกับมีดเล่มนี้ ใครก็ตามที่เอาชนะข้าได้ในการประลองมีด คนๆนั้นก็จะได้เป็นเจ้านายของมัน” หลังจากที่แองเกียพูดอย่างนั้น ผู้ชมก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา