Super God Gene – ตอนที่ 2016

ได้รับมีดขนนกโลหิต

“หานเซิ่น!” จู่ๆยวิ๋นซู่ซางก็พูดขึ้นมา

 

“หานเซิ่น? เจ้าหมายความว่ายังไง? เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับหานเซิ่นอย่างนั้นหรอ?” กระเรียนพันขนหันไปมองยวิ๋นซู่ซางด้วยความสับสน

 

“ศิษย์พี่ลืมไปแล้วอย่างนั้นหรอ? หานเซิ่นได้อันดับที่หนึ่งในการสอบ และเขาก็เลือกรับวิชาใต้นภามาเป็นรางวัล” ยวิ๋นซู่ซางดูแปลกๆขณะที่พูดออกมา

 

“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาเลือกอะไร? เขาเป็นคนที่ตัดสินใจด้วยตัวเอง และข้าก็ไม่ได้ถามอะไรเขา?”

กระเรียนพันขนมองไปที่ยวิ๋นซู่ซางและถาม “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเขาเลือกวิชาใต้นภา?”

 

ยวิ๋นซู่ซางยิ้มแห้งๆออกมาและเล่าถึงสถานการณ์ระหว่างหานเซิ่นกับยวิ๋นซู่อีให้เขาฟัง

 

เมื่อเธอเล่าเรื่องจนจบ ดวงตาของกระเรียนพันขนก็เบิกกว้าง

“นี่เจ้าจะบอกว่าหานเซิ่นเลือกวิชาใต้นภาเพื่อยวิ๋นซู่อีอย่างนั้นหรอ? และเขาก็ยังแก้ไขข้อบกพร่องของมันได้ด้วยเวลาอันสั้นอีก? ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสอนวิชาใต้นภาฉบับปรับปรุงให้กับนาง? เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?”

 

“ข้าเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อดูจากสิ่งที่นางกำลังทำอยู่ในตอนนี้ มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวิชาใต้นภาของนางไม่มีข้อบกพร่องอะไร” ยวิ๋นซู่ซางพูด

 

“ถ้านี่เป็นความจริง นั่นก็หมายความว่าหานเซิ่นทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อปราสาทนภาอย่างมาก เขาแก้ปัญหาที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล เขาเป็นอัจฉริยะอย่างไม่ต้องสงสัย และเขาก็จะกลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตข้างหน้า” กระเรียนพันขนชื่นชมเขา

 

“ตอนนี้มันยังยากที่จะบอกได้ จำเอาไว้ว่าคู่ต่อสู้ของยวิ๋นซู่อียังเป็นแค่แองเกีย ถ้านางต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้ พวกเราอาจจะได้เห็นปัญหาบางอย่างในวิชาฉบับปรับปรุงของหานเซิ่น”

ยวิ๋นซู่ซางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “เมื่องานนี้จบลงแล้ว พวกเราจะต้องพายวิ๋นซู่อีกลับไปหาท่านพ่อ”

 

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน แองเกียก็กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

 

แองเกียนั้นแข็งแกร่งกว่ายวิ๋นซู่อีมาก ถ้ายวิ๋นซู่อีแข็งแกร่งเท่ากับมนุษย์ธรรมดาทั่วๆไป แองเกียก็เป็นเหมือนกับฉลามตัวใหญ่ เขาสามารถฆ่ายวิ๋นซู่อีได้อย่างง่ายดาย

 

แต่ในตอนนี้แองเกียเป็นเหมือนกับฉลามที่มาติดเบ็ด ยวิ๋นซู่อีจะหย่อนสายเบ็ดเมื่อไหร่ก็ตามที่อีกฝ่ายพยายามดิ้นรน ด้วยเหตุนั้นแองเกียจึงไม่สามารถใช้พละกำลังหนีไปได้

 

แต่ทว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่แองเกียผ่อนแรง เขาก็จะถูกดึงกลับมา ตะขอนั้นฝังลึกเข้าไปในตัวของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากการรัดกุมของวิชาใต้นภาได้

 

“ข้าพ่ายแพ้แล้ว ศิษย์พี่ยวิ๋นแข็งแกร่งมากจริงๆ นี่คงจะต้องเป็นเทคนิคของตระกูลยวิ๋นที่มีชื่อว่าวิชาใต้นภา มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์และมันจะต้องเป็นหนึ่งในวิชามีดที่ดีสุดอย่างไม่ต้องสงสัย”

แองเกียนั้นชาญฉลาด เขารู้ว่าตัวเองกำลังจะจนมุม ดังนั้นถึงจะดิ้นรนต่อไปมันก็เปล่าประโยชน์ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถหนีพ้นจากวิชาใต้นภาได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเลือกที่จะยอมแพ้และรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองเอาไว้

 

เขาพูดออกไปว่าวิชาใต้นภามาจากตระกูลยวิ๋นและเขาก็ยอมรับว่าเขาพ่ายแพ้ต่อมัน แต่เขาไม่ได้พูดถึงความจริงที่ว่าเธอเรียนรู้มันมาจากหานเซิ่นเลยสักนิดเดียว

 

ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เคยได้เห็นวิชาใต้นภามาก่อน และพวกเขาก็เพิ่งจะได้รู้ว่ามันคืออะไรหลังจากที่แองเกียพูดขึ้นมา

 

ยวิ๋นซู่อีเก็บมีดน้ำแข็งกลับเข้าฝักและพูด “วิชาใต้นภาเป็นวิชาที่มีข้อบกพร่องร้ายแรงตั้งแต่สมัยอดีต ซึ่งทำให้มันใช้งานในการต่อสู้จริงไม่ได้ แต่วิชาใต้นภาที่ข้าใช้นั้นเป็นวิชาใต้นภาที่ถูกหานเซิ่นปรับปรุงขึ้นมา ข้าเรียนรู้มันได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก และถ้าให้ข้าประมาณ ข้าก็ฝึกมันได้ราวๆ 10 เปอร์เซ็นต์ของหานเซิ่นเท่านั้น”

 

หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น ศิษย์ของปราสาทนภาทั้งหมดก็รู้สึกตกใจ อัจฉริยะมากมายของปราสาทนภาเคยพยายามที่จะแก้ไขข้อบกพร่องของวิชาใต้นภา แต่ก็ไม่มีใครแก้ไขข้อบกพร่องสุดท้ายของมันได้ มันยากที่จะเชื่อว่าหานเซิ่นสามารถแก้ไขมันได้สำเร็จ

 

สีหน้าของแองเกียเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว ตอนนี้แม้แต่คนที่ชาญฉลาดอย่างเขาก็คิดอะไรไม่ออก

 

“ตอนนี้ข้าเอามีดขนนกโลหิตไปได้แล้วสินะ?” ยวิ๋นซู่อีพูดขณะที่มองไปที่แองเกีย

 

ยวิ๋นซู่อีโกรธที่แองเกียเย้ยหยันหานเซิ่น ดังนั้นเธอไม่คิดที่จะมีมารยาทอะไรกับเขา

 

“แน่นอนอยู่แล้ว วิชามีดของศิษย์พี่ยวิ๋นแข็งแกร่ง ดังนั้นมีดเล่มนี้ก็ควรที่จะตกเป็นของศิษย์พี่ยวิ๋น” แองเกียฝืนยิ้มออกมาและส่งกล่องให้กับยวิ๋นซู่อี

 

“ขอบคุณ” ยวิ๋นซู่อีรับกล่องมาและเดินลงจากสนามประลองไป

 

ยวิ๋นซู่ซางและกระเรียนพันขนรีบเข้าไปหาเธอ ยวิ๋นซู่ซางถามขึ้นมา

“ซู่อี ที่เจ้าพูดเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรอ? เรื่องที่ข้อบกพร่องของวิชาใต้นภาถูกแก้ไขแล้วน่ะ”

 

“แน่นอนว่ามันเป็นความจริง” ยวิ๋นซู่อีพยักหน้า

 

“ไปกันเถอะ พวกเราต้องไปพบท่านพ่อ”

ยวิ๋นซู่ซางลากยวิ๋นซู่อีออกไป พวกเขาทั้ง 3 คนเดินทางออกจากเกาะเมฆาไปพร้อมๆกัน ข่าวเรื่องที่ข้อบกพร่องของวิชาใต้นภาถูกแก้ไขแล้วเป็นอะไรที่สำคัญเกินไป และเธอไม่สามารถรอจนกระทั่งงานจบลงได้

 

นอกจากนั้นยวิ๋นซู่อีก็ได้รับมีดขนนกโลหิตมาแล้ว ดังนั้นยังไงซะงานก็จะจบลงในอีกไม่นาน

 

คนอื่นๆก็เริ่มที่จะจากไปเช่นเดียวกัน พวกเขาเองก็อยากจะรู้ว่าข้อบกพร่องของวิชาใต้นภาถูกแก้ไขแล้วจริงๆหรือเปล่า ถ้านั่นเป็นความจริง ปราสาทนภาก็จะมีวิชามีดที่สุดยอดเป็นของตัวเอง

 

แองเกียและเฟเธอร์คนอื่นๆดูสิ้นหวัง ไม่มีใครอยากจะพูดอะไรออกมา

 

พวกเขาต้องการจะใช้หานเซิ่นเพื่อทำให้ตัวเองมีชื่อเสียง แต่แองเกียกลับพ่ายแพ้ให้กับคนที่เรียนรู้วิชามาจากหานเซิ่นแทน พวกเขาทุกคนรู้สึกเสียใจ นี่มันเลวร้ายยิ่งกว่าการพ่ายแพ้ให้กับหานเซิ่นตรงๆซะอีก

 

พวกเขาจะไม่ได้รับชื่อเสียงอะไรจากงานในครั้งนี้ และพวกเขาก็ไม่ได้มอบมีดขนนกโลหิตให้กับผู้อาวุโสสามตามที่วางแผนเอาไว้ และปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือยวิ๋นซู่อีเอามีดเล่มนั้นไปโดยไม่ได้มีความรู้สึกประทับใจในตัวพวกเขาเลย ความล้มเหลวในครั้งนี้จะนำไปสู่การสูญเสียชื่อเสียง

 

นอกจากเรื่องที่แองเกียพ่ายแพ้ให้กับยวิ๋นซู่อีที่เรียนรู้วิชามาจากหานเซิ่นแล้ว เขาก็ยังได้พูดเย้ยหยันหานเซิ่นไปหลายครั้ง ซึ่งมันฟังดูน่าขำสิ้นดี

 

เขาพ่ายแพ้อย่างราบคาบ และทำให้เหล่าเฟเธอร์เต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเพื่อระบายความโกรธได้เช่นกัน ทั้งหมดที่พวกเขาทำได้ก็คือกล้ำกลืนมันเข้าไป

 

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าหานเซิ่นจะวางแผนการแบบนั้นเอาไว้ ข้าประมาทเขาเกินไป ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่แค่นักสู้ที่มีฝีมือดีเพียงอย่างเดียว” แองเกียกัดฟันของตัวเอง

 

เขาคิดว่าหานเซิ่นวางแผนการที่จะใช้ยวิ๋นซู่อีมาต่อสู้แทน แต่แน่นอนว่าเขาคิดมากไปเอง หานเซิ่นไม่เคยมีความคิดที่จะมาจัดการกับแองเกียเลย

 

ยวิ๋นซู่ซางพายวิ๋นซู่อีไปพบกับยวิ๋นฉางคง และพวกเธอก็บอกเขาถึงเรื่องที่หานเซิ่นสามารถแก้ไขข้อบกพร่องของวิชาใต้นภาได้สำเร็จ

 

“เป็นความจริงอย่างนั้นหรอ? ซู่อี ไหนเจ้าลองแสดงมันให้พ่อดูหน่อย”

ยวิ๋นฉางคงไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะสามารถแก้ไขข้อบกพร่องของวิชาใต้นภาได้จริงๆ

 

เพราะยอดฝีมือมากมายเคยพยายามที่จะแก้ไขมัน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ล้มเหลว หานเซิ่นไม่ควรที่จะสามารถแก้ไขมันได้ในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว ถึงแม้เขาจะเป็นอัจฉริยะก็ตาม แต่เมื่อยวิ๋นฉางคงได้เห็นการแสดงวิชาของยวิ๋นซู่อี เขาก็อ้าปากค้าง

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset