Super God Gene – ตอนที่ 2028

ต้องสู้

เมื่อกลุ่มคนเห็นหานเซิ่น พวกเขาก็เดินเข้ามา หนึ่งในพวกเขาเป็นบุดด้า และในหมู่ของพวกเขายังมีคนหนึ่งที่มีเขาสีม่วง ซึ่งบอกว่าเขาเป็นคนของเผ่าพันธุ์เดม่อน

มันยังมีเผ่าพันธุ์อื่นๆที่หานเซิ่นไม่รู้จักอยู่อีกด้วย รวมทั้งหมดแล้วพวกเขามีกันอยู่ 6 คน

“อมิตาพุต! หานเซิ่น ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเราจะได้พบกันอีกครั้งที่นี่” เมื่อบุดด้าคนนั้นเห็นหานเซิ่น เขาก็ดูอาฆาต

“ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะได้พบกับพวกเจ้าที่นี่เช่นกัน”

หานเซิ่นยังคงนั่งอยู่กับที่ เขาอยากจะพักอีกสักหน่อย

“เจ้าคือหานเซิ่น?” ชายชาวเดม่อนมองหานเซิ่นด้วยความสนใจ

หานเซิ่นมองกลับไปที่ชายคนนั้นและคาดเดาว่าเขาคือชารอนที่ไห่เอ๋อร์พูดถึง ชารอนนั้นเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ต่างจากไผ่เดียวดาย เขาดูเหมือนกับคนที่ไม่เคยประสบกับความล้มเหลวในเรื่องใดๆ

เขาสามารถเรียนรู้วิชาจีโนต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และเขาก็ยังรู้วิธีที่จะพัฒนาเทคนิคและวิชาต่างๆของตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาเก่งกาจ

ชารอนฝึกวิชาจีโน 2 อย่างพร้อมๆกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่หาได้ยาก เขาได้เรียนรู้ศาสตร์มารนภา ซึ่งเป็นวิชาประจำของเผ่าเดม่อน และเขาก็ยังมีวิชาจีโนลับอีกอย่างหนึ่ง ด้วยเหตุนั้นร่างกายของเขาจึงได้รับการเสริมพลังถึง 2 ครั้ง ซึ่งทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ

จากคำพูดของไห่เอ๋อร์ ชารอนยังไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับคู่ต่อสู้คนไหนที่อยู่ในระดับเดียวกันเลยสักครั้ง และเขาก็ถูกคาดหวังว่าจะได้กลายเป็นเทพเจ้าในสักวันหนึ่ง

“ใช่แล้ว ข้าก็คือหานเซิ่น เจ้าล่ะเป็นใครกัน?”

หานเซิ่นถามขณะที่มองไปที่ชารอน เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะใช่ชารอนจริงๆหรือไม่ เขาแค่ต้องการจะพูดคุยไปเรื่อยๆเพื่อได้หยุดพัก

“ข้าคือชารอนจากเผ่าเดม่อน” ชารอนตอบ

หลังจากนั้นบุดด้าก็พูดต่อ “หานเซิ่น ดูเหมือนว่าเจ้าเพิ่งจะผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่มา มันมีรูปปั้นเทพโบราณอยู่ใกล้ๆนี่อย่างนั้นหรอ?”

“ถ้ามีแล้วจะทำไม?” หานเซิ่นตอบ

“นี่เจ้าได้จุดเริ่มต้นแห่งเทพโบราณมาหรือเปล่า?”

เมื่อบุดด้าพูดขึ้นมาอย่างนั้น ดวงตาของคนอื่นๆก็เป็นประกายขึ้นมา

“ถ้าข้าได้มันมา แล้วข้าจะยังมาอยู่ที่นี่ทำไม?” หานเซิ่นพูดและมองบุดด้าคนนั้นด้วยสายตาดูถูก

“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปเดินเล่นกันสักหน่อย” บุดด้าพูดกับหานเซิ่น

“ทำไมข้าต้องพาพวกเจ้าไปด้วย?” หานเซิ่นถามอย่างเย็นชา

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะตัดสินใจ!” หนึ่งในสมาชิกของพวกเขาตะโกนออกมา มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 6 ขา และมือที่เหมือนกับโลหะของมันก็ยื่นออกมาเพื่อจับตัวหานเซิ่น

ควันสีเขียวไหลออกมาจากมือของมัน และก่อตัวเป็นกรงเล็บขนาดใหญ่ มันคิดที่จะแทงกรงเล็บเข้าไปในร่างของหานเซิ่น

แต่หานเซิ่นไม่เคลื่อนไหว เขารอจนกระทั่งกรงเล็บสีเขียวเกือบจะถึงตัวของเขา หลังจากนั้นเขาก็ดึงมีดขนนกโลหิตออกมาและฟันใส่กรงเล็บสีเขียว

สายตาของสิ่งมีชีวิต 6 ขาจ้องไปที่มีดของหานเซิ่นอย่างดูถูก มันเป็นมาร์ควิส ดังนั้นมันไม่คิดจะรับมือกับหานเซิ่นที่เป็นแค่ระดับเอิร์ลอย่างจริงจัง มันแทงกรงเล็บสีเขียวของมันต่อไปตรงๆ

พลังที่ใส่เข้าไปในมีดขนนกโลหิตมากพอที่จะตัดกรงเล็บสีเขียวจนขาด และมันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น มันพุ่งต่อไปข้างหน้าเพื่อจะตัดร่างของสิ่งมีชีวิต 6 ขา

สิ่งมีชีวิต 6 ขาไม่ได้คาดคิดว่าเอิร์ลคนหนึ่งจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ และตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหลบได้ทัน พลังของหานเซิ่นตัดผ่านบริเวณเอวของอีกฝ่ายจนขาดเป็น 2 ท่อน แต่มันยังไม่ได้สิ้นใจในทันที มันส่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะพลังเขี้ยวค่อยๆปิดชีวิตของมัน

ทุกคนตกตะลึง ตอนนี้ไม่มีใครกล้าประมาทหานเซิ่นอีก พวกเขาทุกคนเริ่มดูระมัดระวังตัวขึ้นมา

แต่พวกเขาไม่ได้ถอยออกไป พวกเขากระจายตัวออกเพื่อล้อมหานเซิ่นเอาไว้แทน

“วิชามีดเขี้ยวดาบทรงพลังยิ่งนัก” ชารอนเอ่ยชม

“การฆ่าคนถ่อยๆแบบนั้นไม่ใช่เรื่องวิเศษวิโสอะไร” หานเซิ่นพูดอย่างไร้ความรู้สึก

“ท่านชารอน มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดคุยกับเขา พวกเราช่วยกันลงมือจัดการเขาเถอะ” บุดด้าคนนั้นพูดขึ้นมา

แต่ทว่าชารอนยังคงไม่เคลื่อนไหว เขายิ้มและพูดต่อ

“ข้าได้ยินมาว่าหานเซิ่นฆ่าบุดด้าเจ็ดวิญญาณขณะที่อยู่ในสรวงสวรรค์ของพวกเจ้า ดังนั้นเจ้าไม่ควรที่จะดึงคนอื่นเข้าไปเกี่ยวข้อง”

“เขาเป็นคนที่ชั่วร้าย พวกเราควรจะรีบฆ่าเขาซะ” บุดด้าอนันต์พูด

“การที่โยนหน้าที่ของตัวเองไปให้คนอื่นเป็นเรื่องที่ผิด บางทีเจ้าควรที่จะทำมันด้วยตัวเอง พวกเจ้าคิดว่ายังไง?” หานเซิ่นหันไปมองคนอื่นๆ

“ใช่แล้ว!” หลายคนพยักหน้า

สีหน้าของบุดด้าอนันต์เปลี่ยนไป แต่มันก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “อมิตาพุต! ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะทำมันด้วยตัวเอง”

หลังจากนั้นบุดด้าอนันต์ก็ส่งลูกตบเข้าใส่หานเซิ่น ดวงดาวมากมายบินออกมาจากมือของเขาและเข้าไปหาหานเซิ่น

หานเซิ่นยังคงใช้มีดขนนกโลหิตเพื่อต่อสู้กับดวงดาวที่พุ่งเข้ามา เมื่อมีดลมปราณปะทะกับดวงดาว มีดลมปราณก็หายไปในความว่างเปล่า

หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ บุดด้าอนันต์ไม่ได้โด่งดังอย่างบุดด้าเจ็ดวิญญาณ แต่วิชาของเขาก็ยอดเยี่ยม พลังของเขาไม่ใช่สิ่งที่หานเซิ่นจะประมาทได้

ดวงดาวพุ่งมาถึงตัวหานเซิ่น แต่เขายังคงไม่เคลื่อนไหวไปไหน เขาใช้มีดขนนกโลหิตวาดเป็นรูปวงกลม และพลังดวงดาวของบุดด้าอนันต์ก็ถูกดูดเข้าไปในวงกลมนั้น

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็สะบัดมือและวาดวงกลม เพื่อสะท้อนดวงดาวกลับไปสู่บุดด้าอนันต์

สีหน้าของบุดด้าอนันต์เปลี่ยนไป เขาตะโกนและอัญเชิญดอกบัวออกมาใต้ฝ่าเท้า เขาหลบดวงดาวที่สะท้อนกลับมาและโยนดวงดาวไปใส่หานเซิ่นอีกครั้ง

หานเซิ่นยังคงนั่งอยู่บนก้อนหินและวาดวงกลมด้วยมีด เขาใช้การโจมตีของบุดด้าอนันต์เพื่อจู่โจมกลับไป

บุดด้าอนันต์ลองใช้ท่าต่างๆของเขา แต่ไม่มีอะไรที่สามารถทำลายวงกลมของหานเซิ่นได้เลย เขาไม่สามารถทำให้หานเซิ่นเคลื่อนไหวจากจุดที่นั่งอยู่ด้วยซ้ำไป

“วิชามีดเขี้ยวดาบช่างทรงพลังอะไรอย่างนี้ ไม่แปลกใจเลยที่มันเป็นวิชาหลักของรีเบท นี่มันทำให้เอิร์ลคนหนึ่งต่อสู้กับบุดด้าอนันต์ที่เป็นมาร์ควิสได้เลยอย่างนั้นหรอ? นั่นมันน่ากลัวจริงๆ” ใครบางคนพูดขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชม

ชารอนส่ายหัวและพูด “มันไม่ใช่วิชามีดเขี้ยวดาบที่น่ากลัว แต่เป็นหานเซิ่นต่างหาก”

“ใช่แล้ว วิชามีดเขี้ยวดาบนั้นทรงพลังก็จริง ซึ่งในหมู่ของรีเบทมีเพียงแค่ราชินีแห่งมีดเท่านั้นที่ฝึกวิชามีดเขี้ยวดาบจนเชี่ยวชาญ หานเซิ่นเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง แต่เขากลับเรียนรู้วิชาเฉพาะของรีเบทได้จนเชี่ยวชาญ นั่นทำให้เขาเป็นชายที่น่ากลัว” ผู้หญิงที่มีเขามังกรและปีกสีดำพูดขึ้นมา

บุดด้าอนันต์รู้ตัวว่าไม่สามารถที่จะฆ่าหานเซิ่นได้ ถึงแม้หานเซิ่นจะกำลังเหนื่อยล้าอยู่ก็ตาม มันทำให้เขาโกรธมาก ร่างกายของเขาเริ่มที่จะเรืองแสงออกมาและเปลี่ยนเป็นสีทอง

มันไม่เหมือนกับร่าง 4 หน้า 8 แขนสีทองของบุดด้าเจ็ดวิญญาณ ตอนนี้บุดด้าอนันต์ดูเหมือนกับคิงคองที่มีดวงดาวล้อมรอบตัวของเขา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset