Super God Gene – ตอนที่ 2042

โบราณสถานที่ก้นสระ

ในตอนที่หานเซิ่นอาศัยอยู่ในสหพันธ์ เขาเคยฝึกต่อสู้ในน้ำมาก่อน และหลังจากนั้นเขาก็ได้ใช้เวลาอยู่ในทะเลสาบความฝันหลายเดือน นั่นทำให้ความสามารถในการต่อสู้ใต้น้ำของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และในตอนนี้เขาก็เชี่ยวชาญถึงขนาดที่สามารถว่ายในน้ำได้อย่างง่ายดายถึงแขนขาของเขาจะถูกหมัดอยู่ก็ตาม

 

หลังจากที่เต่าหนามแหลมตัวสุดท้ายหายลงไปในสระมังกร หานเซิ่นก็กระโดดตามพวกมันลงไป และพวกดราก้อนฟิฟทีนก็กระโดดตามหานเซิ่นลงไป

 

หานเซิ่นแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่ถนัดการเคลื่อนไหวในน้ำ เขาหันไปมองดราก้อนฟิฟทีนกับหลงอิ๋งและสังเกตว่าทั้ง 2 เคลื่อนไหวในน้ำได้อย่างสบายๆ ราวกับว่าพวกเขายังคงอยู่บนบก ส่วนซิวซือว่ายตามพวกเขามาจากด้านหลัง

 

‘ดราก้อนเลือดบริสุทธิ์นี่แข็งแกร่งจริงๆ’ หานเซิ่นคิด

‘ดราก้อนฟิฟทีนและซิวซือเป็นระดับมาร์ควิสทั้งคู่ ดังนั้นดราก้อนฟิฟทีนก็น่าแข็งแกร่งกว่าดราก้อนเธอร์ทีน ส่วนหลงอิ๋งนั่นแข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกเขาทั้งคู่ซะอีก เธอจะต้องเป็นระดับดยุกอย่างแน่นอน’

 

เมื่อมองจากภายนอก สระน้ำดูเหมือนจะไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมาก แต่มันเป็นเหมือนกับถ้วยที่คว่ำอยู่ ยิ่งพวกเขาดำลงไปลึกเท่าไรบริเวณรอบๆก็เปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นสามารถมองเห็นเต่าหนามแหลมหลายตัวว่ายน้ำอยู่ข้างใต้พวกเขา ข้างล่างแม้แต่เต่ายักษ์ระดับดยุกก็ดูไม่ใหญ่อะไรมาก

 

สระแห่งนี้ลึกเกินไปทำให้หานเซิ่นไม่สามารถมองเห็นก้นของมันได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่ตามหลังพวกเต่าหนามแหลมไป

 

ดราก้อนฟิฟทีนและซิวซือดูไม่รีบร้อน พวกเขาแค่ตามหานเซิ่นไปเรื่อยๆ พวกเขาสามารถพูดใต้น้ำได้ ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาต้องสื่อสารกันด้วยสัญญาณมือ

 

ยิ่งพวกเขาดำลงไปลึกมากเท่าไหร่ มันก็มืดมนขึ้นเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อพวกเขาดำลงไปได้หมื่นเมตร มันก็มีแสงสว่างปรากฏขึ้นมา มันเป็นเหมือนกับแสงที่ปลายอุโมงค์

 

หานเซิ่นไม่เคยมาที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาไม่รู้ว่าแสงสว่างนั้นคืออะไรกันแน่

 

‘มันจะพาเรากลับไปที่ซีโน่เจเนอิคสเปชเทพโบราณอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นสงสัย

 

หานเซิ่นรู้ตัวอย่างรวดเร็วว่านั่นไม่ถูกต้อง แสงนั้นไม่ได้นำไปสู่ทางออก ขณะที่พวกเขาดำลึกลงไปเรื่อย พวกเขาก็สังเกตเห็นว่าแสงสว่างนั้นออกมาจากสิ่งก่อสร้างที่อยู่ที่ก้นบึ้งของสระน้ำ มันดูเหมือนกับปราสาทขนาดใหญ่

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าปราสาทนี้ถูกสร้างขึ้นมาด้วยวัสดุแบบไหนกันแน่ แต่มันเรืองแสงสีฟ้าออกมา มันทำให้โลกใต้น้ำส่องสว่างราวกับในเทพนิยาย

 

แต่ปราสาทนั้นพังทลายจนเกือบทั้งหมด มันไม่ต่างอะไรจากซากปรักหักพัง แต่ทว่าเมื่อพวกเต่าหนามแหลมเห็นมัน พวกมันก็เร่งความเร็วขึ้นอีก

 

หานเซิ่นมองไปรอบๆ แต่ไม่วี่แววของเทพเจ้ามังกร นั่นทำให้เขารู้สึกปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเขาจึงตามพวกเต่าหนามแหลมไปที่ปราสาทนั้น

 

หลังจากที่เข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นก็รู้ตัวว่าปราสาทนั้นใหญ่โตกว่าที่เขาคิดเอาไว้ในตอนแรก เขามองไปที่ปราสาทและสังเกตเห็นโต๊ะหินที่มีขนาดใหญ่มากๆ มนุษย์ผู้ใหญ่เป็นสิบๆคนสามารถนอนเรียงกันบนโต๊ะได้โดยไม่ครอบคลุมพื้นผิวทั้งหมดของโต๊ะ มันเห็นได้ชัดว่าปราสาทแห่งนี้ไม่ได้เป็นของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือดราก้อน

 

ร่างกายของดราก้อนนั้นคล้ายคลึงกับมนุษย์ พวกเขาไม่มีเหตุผลที่ต้องผลิตของใช้ที่มีขนาดใหญ่โตแบบนี้ขึ้นมา

 

“ปราสาทนี่คืออะไร?” ดราก้อนฟิฟทีนถามหานเซิ่น

 

หานเซิ่นส่ายหัวและแกล้งทำเป็นว่าเขาสำลักน้ำ ขณะที่พยายามพูดออกมา หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังเพื่อกำจัดน้ำออกจากปากก่อนจะพูดขึ้นมา

“ข้าไม่รู้ ข้าบอกพวกเจ้าไปแล้วว่าเทพเจ้ามังกรพาข้ามาที่นี่ ดังนั้นข้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี่”

 

ดราก้อนฟีฟทีนหยุดถาม แต่เขาบังคับให้หานเซิ่นว่ายไปพร้อมกับพวกเขา เพราะเขาคิดว่าหานเซิ่นนั้นน่าสงสัย เขาคิดว่าแบบนี้น่าจะปลอดภัยที่สุด

 

ซิวซือมองไปที่ปราสาทและพูดขึ้นมา “ฟีฟทีน ตำนานบอกเอาไว้ว่าแต่เดิมแล้วทะเลโบราณหวนคืนนั้นเป็นดินแดนของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล นั่นถูกต้องใช่ไหม?”

 

ดราก้อนฟิฟทีนขมวดคิ้ว “ในตอนที่ดราก้อนเข้ายึดครองทะเลโบราณหวนคืน พวกเราไม่ได้พบหลักฐานที่ยืนยันถึงการมีชีวิตอยู่ของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ข้าจึงบอกไม่ได้ว่าตำนานเป็นความจริงหรือไม่ แต่เจ้าดูจะรู้อะไรเกี่ยวกับมัน เจ้าพอจะบอกข้าได้ไหมว่าปราสาทนี้เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าแห่งท้องทะเลนั่นจริงๆหรือไม่?”

 

ซิวซือยิ้มและพูดต่อ “ตำนานบอกเอาไว้ว่าเทพเจ้าแห่งท้องทะเลนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง แต่ทว่าพวกเขาล่มสลายไปนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้จักเกี่ยวกับพวกเขามากนัก โบราณสถานที่ถูกค้นพบก่อนหน้านี้มีขนาดเล็กและดูไม่ยิ่งใหญ่แบบนี้ แต่เมื่อดูจากสถาปัตยกรรมแล้ว ปราสาทแห่งนี้ก็ดูคล้ายคลึงกับของเทพเจ้าแห่งท้องทะเล แต่แน่นอนว่าข้าไม่ได้แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์”

 

ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่นั้น พวกเต่าหนามแหลมก็ไปถึงปราสาท จุดประสงค์ของพวกมันชัดเชน พวกมันไม่ได้กระจายกันออกไปเพื่อหาบางสิ่งบางอย่าง แต่พวกมันมุ่งหน้าไปที่จุดๆเดียวกันราวกับลูกศร

 

เต่าหนามแหลมจำนวนมากหยุดอยู่หน้าซากปรักหักพังที่ดูเหมือนกับภูเขาลูกหนึ่ง เมื่อเต่าหนามแหลมยักษ์พาเต่าระดับราชันไปถึงที่หมาย เต่าราชันก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา หลังจากนั้นเต่าตัวอื่นๆก็เข้าล้อมซากปรักหักพังและเริ่มขุดค้นกองภูเขานั้น

 

เศษซากปรักหักพังนั้นเป็นวัสดุสีฟ้าปริศนาเหมือนกับตัวปราสาท ซึ่งไม่ว่าพวกมันจะคืออะไร พวกมันก็แข็งมากๆ เพราะแม้แต่เต่าหนามแหลมระดับดยุกก็ไม่สามารถทำลายพวกมันได้ พวกมันทำได้แต่ค่อยๆยกเศษซากวัสดุสีฟ้าพวกนั้นออกไปทีละชิ้นๆ

 

เต่าทุกตัวยุ่งอยู่กับการเคลื่อนย้ายก้อนหินสีฟ้าออกไป ขณะที่หานเซิ่นและคนอื่นๆหยุดดูจากระยะไกล พวกเขายังคงไม่คิดจะลงมือทำอะไร

 

กองทัพเต่าขุดซากปรักหักพังที่ทับถมกันอยู่ออกมาอย่างรวดเร็ว และในไม่นานก็มีบางสิ่งบางอย่างเผยออกมาให้เห็น ยิ่งหินถูกเคลื่อนย้ายออกไปมากเท่าไร วัตถุก็เผยให้เห็นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

 

ภายใต้ซากปรักหักพังที่ทับถมกันสูงเป็นภูเขามีรูปปั้นเต่าทะเลอยู่ แต่มันเป็นเต่าทะเลที่ดูแปลกประหลาดมากๆ มันดูเหมือนเต่าที่ยืนด้วย 2 ขาและสวมชุดเกราะที่ดูแปลกประหลาด แถมในอุ้งมือแต่ละข้างของมันก็ถือค้อนอยู่

 

รูปปั้นนั้นสูงหลายสิบเมตร ซึ่งมันก็ถูกทำขึ้นมาจากหินสีฟ้าปริศนาเช่นเดียวกัน

 

ขณะหานเซิ่นสังเกตรูปปั้นอยู่นั้น เต่าทุกตัวก็หยุดเคลื่อนไหวๆ หลังจากนั้นเต่าราชันก็กรีดร้องออกมา และเต่าที่เหลือก็หมอบลงไปราวกับว่าพวกมันกำลังคำนับ

 

เต่าหนามแหลมระดับราชันลอยลงมาจากหัวของเต่ายักษ์และว่ายเข้าไปหารูปปั้นเต่าทะเล

 

“เต่าพวกนี้มีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับรูปปั้นนั้นอย่างนั้นหรอ?” หลงอิ๋งถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

“นั่นอาจจะเป็นไปได้” ซิวซือพูดขณะที่จ้องไปที่รูปปั้นและเต่าราชัน

 

หลงอิ๋งอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เต่าราชันไปถึงรูปปั้นแล้ว และขาทั้ง 4 ของมันก็ลงไปแตะบนหมวกของรูปปั้นเต่าทะเล

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset