Super God Gene – ตอนที่ 2069

หลอมวิญญาณหยกที่ชั้น 7

“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น” หานเซิ่นพูดพร้อมกับยักไหล่

 

กระเรียนพันขนไม่เชื่อว่ามันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่เหตุการณ์ประหลาดนั้นเกิดขึ้นรอบๆตัวหานเซิ่นบ่อยครั้ง ดังนั้นเขาจึงเคยชินกับมันแล้ว

 

“ข้าว่าจะลองขึ้นไปดูชั้นต่อไปสักหน่อย” หานเซิ่นบอกกระเรียนพันขนและคนอื่นๆก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนชั้นที่ 5

 

บนชั้นที่ 5 มีเพียงแค่ศิษย์ระดับมาร์ควิสเท่านั้น วิญญาณหยกที่อยู่บนกำแพงก็เป็นระดับมาร์ควิสเช่นเดียวกัน ศิษย์ของปราสาทนภาระดับมาร์ควิสมักจะมาชั้นนี้กันซะส่วนใหญ่ ด้วยเหตุนั้นหน้ารูปภาพของวิญญาณหยกแต่ละภาพจึงมีศิษย์ระดับมาร์ควิสอยู่หลายคน

 

เมื่อลมปราณหยกปะทุขึ้นมา ไม่มีใครวิ่งออกไปข้างหน้า มันขึ้นอยู่กับว่าวิญญาณสปิริตจะเลือกใคร การขโมยเป็นสิ่งต้องห้ามภายในสถานหยกขาว

 

นี่เป็นเหตุผลที่ปราสาทนภาควบคุมจำนวนผู้คนที่จะเข้ามาในสถานหยกขาว เนื่องจากทรัพยากรมีอยู่จำกัด และตอนนี้มันก็มีศิษย์เกินจำนวนกว่าทรัพยากรที่มีอยู่

 

หานเซิ่นเดินขึ้นไปบนชั้นต่อไปอย่างไม่ลังเล ซึ่งบนชั้นที่ 6 มันก็มีศิษย์ชาวนภาอยู่ป็นจำนวนมากเช่นกัน แต่ละรูปภาพจะมีมาร์ควิสนั่งอยู่ 2-3 คน

 

บนชั้นที่ 7 มีคนอยู่น้อยกว่ามาก โดยรวมแล้วมันมีอยู่เพียงแค่ 5-6 คนเท่านั้น และหานเซิ่นก็รู้จักหนึ่งในพวกเขา ซึ่งอีกฝ่ายก็คือไผ่เดียวดายที่วิวัฒนาการเป็นระดับมาร์ควิสในระหว่างการสอบ

 

เมื่อไผ่เดียวดายเห็นหานเซิ่น เขาก็กวักมือเรียก หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าไผ่เดียวดายจะต้องการจะพูดคุยกับเขา ดังนั้นเขาจึงเดินเข้าไปด้วยความประหลาดใจ

 

“หลังจากจบนี่แล้วเจ้ามีเวลาว่างไหม?” ไผ่เดียวดายถาม

 

“ก็ว่างอยู่ เจ้าต้องการอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไผ่เดียวดายด้วยความสับสน

 

“เจ้าสนใจจะไปที่ยอดเมฆสายรุ้งเพื่อล่าคลาวด์บีสต์ไหม?” ไผ่เดียวดายพูดเข้าเรื่องในทันที

 

“ข้าสนใจจะล่าซีโน่เจเนอิค แต่ถ้าพวกเราไปด้วยกัน ซีโน่เจเนอิคคงจะไม่มีโอกาส” หานเซิ่นหัวเราะ

 

ไผ่เดียวดายยิ้มและพูดต่อ “คลาวด์บีสต์อาศัยอยู่ในยอดเมฆสายรุ้งมาเป็นล้านๆปีแล้ว แต่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครจับมันได้เลย ข้าอยากจะจับมันมาเป็นสัตว์ขี่ ซึ่งถ้าเจ้าสนใจ ใครก็ตามที่จับมันได้ มันก็จะเป็นของคนคนนั้น”

 

“ไม่มีทาง ถ้าแม้แต่ยอดฝีมือของปราสาทนภายังจับมันไม่ได้ แล้วเจ้าคิดว่าพวกเราจะจับมันได้ยังไง?”

หานเซิ่นนึกถึงอวี้ซ่านซินขึ้นมา เขาไม่เชื่อว่าจะมีซีโน่เจเนอิคตัวไหนที่ชายคนนั้นไม่สามารถจัดการได้ ถ้าบางสิ่งอยู่เหนือพละกำลังของชายคนนั้น หานเซิ่นก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาส

 

“ทรัพยากรของปราสาทนภาถูกป้องกันเป็นอย่างดี มันมีเพียงแค่อาจารย์ระดับมาร์ควิสเท่านั้นที่จะไปยังยอดเมฆสายรุ้งได้ ด้วยเหตุนั้นจนถึงตอนนี้ยังไม่เคยมีใครจับคลาวด์บีสต์ได้” ไผ่เดียวดายพูดอย่างเป็นกันเอง

 

“นั่นหมายความว่าคลาวด์บีสต์โชคดี ถ้าพวกเราทั้งคู่ไปที่นั่น มันต้องเรียกพวกเราว่าพ่ออย่างแน่นอน” หานเซิ่นหัวเราะ

 

“ข้าไม่รู้ว่ามันจะเรียกพ่อหรือเปล่า แต่ข้าแน่ใจว่ามันต้องคุกเข่า” ไผ่เดียวดายพูดอย่างจริงจัง

 

หานเซิ่นถามไผ่เดียวดายเกี่ยวกับคลาวด์บีสต์ และหลังจากที่ได้ยินมัน เขาก็คิดว่าคลาวด์บีสต์ฟังดูคล้ายกับคลาวด์บีสต์ที่เขาเคยเห็นในก็อตแซงชัวรี่

 

หานเซิ่นเคยเห็นคลาวด์บีสต์มาก่อน และเขาก็อยากจะได้รับวิญญาณอสูรของมันมาโดยตลอด แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยได้มันมา

 

‘รอบนี้คลาวด์บีสต์จะมอบวิญญาณอสูรให้กับเราหรือเปล่านะ? แต่ถึงจะได้ มันก็คงจะแตกต่างไปจากวิญญาณอสูรที่ได้รับในก็อตแซงชัวรี่’ หานเซิ่นคิด

 

หานเซิ่นมองไปรอบๆชั้นที่ 7 มันมีรูปภาพอยู่มากมายที่ไม่มีใครนั่งอยู่ข้างหน้า หานเซิ่นเลือกรูปภาพของแฟรี่หยกและนั่งลง

 

หานเซิ่นรอจนกระทั่งลมปราณหยกปะทุขึ้นมาและแฟรี่หยกก็บินออกมาจากกำแพง หลังจากนั้นมันก็เข้าไปในร่างของหานเซิ่นเหมือนกับชั้นที่ 4

 

หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา ครั้งนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่อยู่ชั้นที่ 4 มาก ถ้าหานเซิ่นไม่ได้มีวิชากายหยกล่ะก็ เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะทนต่อความหนาวเย็นในตอนนี้ได้หรือเปล่า

 

หานเซิ่นรีบใช้วิชากายหยก หลังจากนั้นแฟรี่หยกก็ออกมาจากร่างกายของเขาและกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณ

 

หานเซิ่นเก็บมันขึ้นมา แต่เขาไม่ได้กินมันเข้าไปทันที เขาเดินไปหารูปภาพของแฟรี่หยกอีกรูป และเมื่อเขาไปอยู่ตรงหน้ามัน แฟรี่หยกก็ออกมาจากกำแพงและเข้าไปในร่างของเขา ขณะเดียวกันคนอื่นๆยังไม่มีใครสกัดวิญญาณหยกดวงแรกเสร็จเลย

 

‘วิชากายหยกมีประโยชน์ในสถานหยกขาวมากจริงๆ ถึงกายหยกของเราจะยังเป็นแค่ระดับเอิร์ล แต่เราก็สกัดวิญญาณหยกพวกนี้ได้ง่ายมากๆ ถ้าเราพัฒนามันไปสู่ระดับมาร์ควิสได้ล่ะก็ เราก็คงจะได้รับลูกแก้ววิญญาณหยกมากตามที่ต้องการ’ หานเซิ่นรู้สึกอวดดีขณะที่เดินเข้าไปหารูปภาพวิญญาณหยกอีกภาพ

 

เนื่องจากมันไม่มีรูปภาพของแฟรี่หยกอีกแล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงเลือกนั่งลงตรงหน้ารูปของเสือหยกแทน

 

โฮก!

 

การคำรามของเสือทำให้ดวงวิญญาณของหานเซิ่นสั่นคลอน มันเกือบจะทำให้เขากระอักเลือดออกมา

 

ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ามันจะง่ายเหมือนกับแฟรี่หยก แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะทำให้เลือดของเขาตกอยู่ในความระส่ำระสาย โชคดีที่หานเซิ่นมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เขาไม่ได้ตื่นตระหนกและใช้สมาธิกับการส่งเลือดกลับเข้าไปในหลอดเลือด หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังทั้งหมดเพื่อสกัดวิญญาณเสือหยก

 

เสือหยกเป็นวิญญาณที่กำเนิดขึ้นโดยลมปราณหยก แต่หานเซิ่นกลับพบว่ามันยากที่จะสกัดได้ มันไม่ได้ง่ายดายเหมือนอย่างวิญญาณแฟรี่หยก

 

เสือหยกคำรามใส่เขา ทำให้หัวของเขารู้สึกปวดจนเลือดเกือบจะไหลออกมาจากจมูก

 

แต่ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถสกัดวิญญาณเสือหยกได้สำเร็จ เขาลืมตาขึ้นและสังเกตว่าลมปราณหยกหายไปแล้ว ศิษย์คนอื่นๆก็เช่นเดียวกัน เหลือเพียงแค่ไผ่เดียวดายคนเดียวที่ยังอยู่ต่อเพื่อรอเขา

 

เสือหยกกลายเป็นลูกแก้ววิญญาณ และหลังจากที่หานเซิ่นเก็บมันไปแล้ว เขาก็หันมาถามไผ่เดียวดาย “นี่มันผ่านมานานแค่ไหนแล้ว?”

 

“สถานหยกขาวปิดตัวไปตั้งแต่ 5 ชั่วโมงก่อนแล้ว” ไผ่เดียวดายตอบ

 

หานเซิ่นตกใจ เขาใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงเพื่อสกัดวิญญาณแฟรี่หยก 2 ดวง แต่เขาต้องใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมงเพื่อสกัดวิญญาณเสือหยกแค่ดวงเดียว

 

นั่นหมายความว่าวิญญาณแฟรี่หยกประสานกับกายหยกของเขาได้ดีกว่า แต่วิญญาณเสือหยกและวิชากายหยกไม่เข้ากัน และนั่นเป็นเหตุผลที่มันใช้เวลานานขนาดนั้น

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset