Super God Gene – ตอนที่ 2101

ทันใดนั้นดวงตาของหานเซิ่นก็เป็นประกายขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะคิดสิ่งที่ต้องการได้แล้ว

 

ผู้นำของปราสาทนภายิ้มให้กับหานเซิ่น

“บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการอะไร! ข้าเห็นอี๋ซาอาจารย์ของเจ้าเป็นเหมือนลูกศิษย์จริงๆ เจ้าจึงเป็นเหมือนกับลูกศิษย์ของข้าเช่นกัน ดังนั้นอย่าได้รู้สึกผิดและขอสิ่งที่เจ้าต้องการ”

 

“ท่านผู้นำ ข้าจะไม่ขออะไรมาก เมื่อไม่นานมานี้ข้าได้เรียนวิชาผนึกมาร มันเป็นวิชาที่ค่อนข้างมหัศจรรย์ และข้าจะซาบซึ้งอย่างมาก ถ้าท่านช่วยให้ข้าก้าวหน้าในวิชา ข้าอยากจะเรียนรู้มันได้เร็วกว่านี้” หานเซิ่นโค้งคำนับ

 

ผู้นำของปราสาทนภาจ้องหานเซิ่น เขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะขออะไรแบบนี้ นี่เป็นได้ทั้งสิ่งที่ง่ายมากๆหรือสิ่งที่ยากมากๆ

 

ผู้นำปราสาทนภาถูกขอให้สอนวิชาผนึกมารให้กับหานเซิ่น แต่หานเซิ่นจะเรียนรู้มันได้เร็วสักแค่ไหน? วิชาผนึกมารมีอยู่ทั้งหมด 11 ขั้นด้วยกัน ผู้นำของปราสาทนภาจึงไม่รู้ว่ามันต้องใช้เวลานานสักแค่ไหนเพื่อสอนให้กับหานเซิ่น

 

แต่เขาเป็นผู้นำ และหานเซิ่นก็แค่ขอให้เขาช่วยสอนวิชาให้เท่านั้น ซึ่งมันจะเป็นอะไรที่ดูแย่ ถ้าเขาไม่สามารถสอนวิชาจีโนให้กับคนๆหนึ่งได้

 

ผู้นำของปราสาทนภาเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา

“วิชาผนึกมารเป็นวิชาลับของปราสาทนภา มันเป็นวิชาที่ซับซ้อน และมันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะเรียนรู้ได้ในเวลาไม่กี่วัน แต่ถึงจะพูดแบบนั้น มันก็มีวิธีที่จะทำให้เจ้าเรียนรู้มันได้อย่างรวดเร็ว เจ้าอยากจะลองเสี่ยงดูไหม?”

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว ผู้นำของปราสาทนภาทำให้หานเซิ่นกลับมาลำบากใจอีกครั้ง เขาบอกว่ามันเป็นอะไรที่เสี่ยง แต่เขาไม่ได้บอกว่ามันเสี่ยงขนาดไหน ซึ่งถ้าหานเซิ่นไม่ยอมรับข้อเสนอ เขาก็จะไม่สามารถโทษผู้นำของปราสาทนภาได้

 

หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็กัดฟันและพูดขึ้นมา “ข้าอยากที่จะลองดู”

 

“ดี สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์ของอี๋ซา ข้าเชื่อในตัวเจ้า ไปเตรียมตัวและไปเจอข้าที่เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน” หลังจากนั้นผู้นำของปราสาทนภาก็โบกมือบอกให้หานเซิ่นไปได้

 

หานเซิ่นโค้งคำนับและออกจากปราสาทไป ในระหว่างทางเขาก็ครุ่นคิดว่าทำไมผู้นำของปราสาทนภาถึงจะส่งเขาไปที่เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน

 

หานเซิ่นรู้ว่าเกาะวิถีทางที่ถูกซ่อนเป็นเขตหวงห้ามของปราสาทนภา ถ้าไม่มีคำอนุญาตจากผู้นำ มันก็ไม่มีใครสามารถไปที่นั่นได้ ส่วนบนเกาะแห่งนั้นมีอะไรรออยู่ หานเซิ่นก็ไม่อาจจะรู้ได้ เขาต้องหาความจริงเรื่องนั้นในวันต่อไป

 

แต่หานเซิ่นไม่คิดว่าผู้นำของปราสาทนภาจะพาเขาไปเจออะไรที่เป็นอันตรายมากเกินไป อย่างมากเขาก็คิดว่าอาจจะต้องอดทนต่อความทรมานเล็กน้อย ซึ่งถ้าความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้เขาข้ามวิชาผนึกมารได้สัก 5-6 ขั้น มันก็เป็นอะไรที่คุ้มค่า

 

วิชาผนึกมารนั้นซับซ้อนเกินไป ถ้าเขาเรียนรู้ด้วยวิธีปกติ มันก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่เขาจะฝึกมันจนสำเร็จ

 

ก่อนเดินทางไปที่เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน หานเซิ่นก็ได้เชิญกระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นมาพบ เขาอยากจะรู้เกี่ยวกับสถานที่ที่เขากำลังจะไปมากกว่านี้

 

ยวิ๋นซู่ซางตกใจเมื่อได้ยินว่าผู้นำของปราสาทนภาจะพาหานเซิ่นไปที่นั่น

 

ยวิ๋นซู่อีพูดขึ้นมาในทันที “เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน ไม่ใช่สถานที่ที่ทุกคนจะไปได้ ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของปราสาทนภาจะได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่นก็ต่อเมื่อพวกเขากำลังจะวิวัฒนาการ สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ราชันหลายคนที่วิวัฒนาการไม่สำเร็จ สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับมา ข้าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านผู้นำถึงต้องการพาเจ้าไปที่นั่น”

 

พวกเขาบอกหานเซิ่นทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับเกาะวิถีทางที่ถูกซ่อน แต่พวกเขาไม่ได้รู้อะไรมาก และเท่าที่พวกเขารู้ มันเป็นสถานที่สำหรับราชันที่กำลังจะวิวัฒนาการ

 

ราชันที่เข้าไปไม่กลับออกมาในฐานะครึ่งเทพก็จะกลับออกมาในสภาพปางตาย มันเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างมาก และมันก็ไม่เคยมีใครได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่นก่อนจะวิวัฒนาการเป็นระดับราชันมาก่อน

 

กระเรียนพันขนครุ่นคิดและพูด “แต่พวกเราไม่จำเป็นต้องไปกังวลมากเกินไป ไม่มีทางที่ท่านผู้นำคิดจะทำร้ายหานเซิ่น เขาต้องมีเหตุผลบางอย่างอยู่ถึงพาหานเซิ่นไปในสถานที่แบบนั้น”

 

หานเซิ่นก็คิดเหมือนกัน ถ้าผู้นำของปราสาทนภาต้องการจะทำร้ายเขา มันก็ไม่จำเป็นที่เขาต้องลำบากทำอะไรแบบนี้

 

วันต่อมา หานเซิ่นเดินทางไปที่เกาะวิถีทางที่ถูกซ่อนพร้อมกับเป่าเอ๋อ เมื่อไปถึงหานเซิ่นก็เห็นผู้นำของปราสาทนภายืนรออยู่บนยอดภูเขาลูกหนึ่ง เขายิ้มและโบกมือราวกับว่าเขาเป็นเทวดา

 

“คารวะท่านผู้นำ” หานเซิ่นให้นกกระเรียนไร้ขาบินลงไปบนยอดเขา หลังจากนั้นเขาก็โค้งคำนับผู้นำของปราสาทนภา

 

ผู้นำของปราสาทนภาพูดขึ้นมา “นี่คือบันไดที่จะนำไปสู่ถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อน เดินไปบนบันไดนี้และลองดูว่าเจ้าจะเรียนรู้จากมันได้มากแค่ไหน”

 

หานเซิ่นแปลกใจ เขามองไปที่บันไดด้วยท่าทางลังเล “ท่านผู้นำ ท่านจะไม่เป็นคนสอนข้าอย่างนั้นหรอ?”

 

“วิชาผนึกมารเป็นวิชาจีโนที่พิสดาร ถึงแม้เจ้าจะฟังคำบรรยายของข้า เจ้าก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรมากนัก แต่ทว่าที่แห่งนี้นั้นต่างออกไป เจ้าจะเข้าใจเรื่องนั้นเมื่อเดินลงไปตามบันได ถ้าเจ้ามีพรสวรรค์เพียงพอ เจ้าจะฝึกวิชาผนึกมารได้อย่างรวดเร็ว” ผู้นำของปราสาทนภายิ้มให้กับหานเซิ่น

 

“ข้าได้ยินมาว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ที่ราชันมาเพื่อวิวัฒนาการ ข้าเป็นเพียงแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ดังนั้นข้าไม่คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งเพียงพอ” หานเซิ่นไม่ต้องการเข้าไปในถ้ำนั้น

 

“เจ้าจะถอยกลับได้ถ้าต้องการ” ผู้นำของปราสาทนภายิ้มออกมา

 

หานเซิ่นกัดฟันและเริ่มก้าวลงบันไดไป เมื่อเขาก้มลงไปมอง เขาไม่สามารถเห็นปลายสุดของบันไดได้ มันเป็นเหมือนกับเกลียวที่นำลงไปสู่ขุมนรก

 

บันไดวนที่ดูไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอะไรที่ดูเวียนหัว

 

หานเซิ่นเงยหน้ากลับขึ้นมาและเห็นผู้นำของปราสาทนภากำลังยิ้มให้กับเขา แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่สามารถถอยกลับได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงก้มหัวและเดินหน้าต่อไป เป่าเอ๋อที่นั่งอยู่บนไหล่ของเขามองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

มันไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากบันใดที่ดูเหมือนจะนำลงไปสู่ก้นบึ้งที่ไร้ที่สิ้นสุด หานเซิ่นไม่รู้ว่าตัวเองลงบันไดมาทั้งหมดกี่ขั้นก่อนจะมาถึงประตูหินบานหนึ่ง ซึ่งบนประตูนั้นมีหมายเลขเขียนเอาไว้

 

“00001… นั่นมันหมายความว่ายังไง? อย่าบอกนะว่ามันมีประตูอีกหนึ่งหมื่นประตูอยู่ข้างหน้าน่ะ?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว

 

ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ประตูหินก็เปิดออก

 

ที่ทางเข้าของถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อน มีผู้หญิงสวมหน้ากากสีดำคนหนึ่งปรากฏตัวข้างๆผู้นำของปราสาทนภา ผู้นำของประสาทนภาพูด

“นี่เป็นเขตแดนของเจ้า คอยจับตาดูเขาเอาไว้ และอย่าปล่อยให้เขาตาย”

 

“เจ้าพาเขามาที่นี่ ดังนั้นมันควรจะเป็นความรับผิดชอบของเจ้า ข้าไม่สนใจว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น” ผู้หญิงหน้ากากสีดำพูดและเข้าถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อนไป

 

ผู้นำของปราสาทนภายิ้มออกมา หลังจากนั้นเขาก็เดินทางออกจากเกาะเพื่อกลับไปที่ปราสาท

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset