Super God Gene – ตอนที่ 2115

หลังจากที่เห็นคู่ต่อสู้ของตัวเองแล้ว หานเซิ่นก็หันความสนใจไปที่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวฮวา แต่เขาไม่สามารถบอกอะไรเกี่ยวกับมันได้ เพราะมันถูกแสดงโดยรอยอุ้งเท้า

 

‘ช่างเถอะ คู่ต่อสู้ของเขาจะเป็นใครก็ช่าง เราแค่จำเป็นต้องจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้มีเวลามาดูว่าไวเคานต์คนนั้นใช่เสี่ยวฮวาจริงๆหรือเปล่า’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

บัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนเป็นอะไรที่พิเศษ สิ่งมีชีวิตทั่วจักรวาลสามารถเลือกดูการต่อสู้ไหนก็ได้ที่ตัวเองต้องการ แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีดวงตาก็สามารถรู้สึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในการต่อสู้ได้ แต่มันไม่สามารถบันทึกการต่อสู้เอาไว้ดูภายหลังได้ ไม่ว่าจะใช้เครื่องมือแบบไหนก็ตาม

 

ถ้าคนๆหนึ่งพยายามบันทึกภาพการต่อสู้ที่เกิดขึ้นภายในนั้น คนๆนั้นก็จะพบว่าสิ่งที่ถูกบันทึกเป็นแค่ภาพของบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนที่ว่างเปล่าบนท้องฟ้า

 

แถมการต่อสู้ของทุกระดับก็เกิดขึ้นพร้อมๆกัน ดังนั้นทางเดียวที่เขาจะได้เห็นไวเคานต์ที่ชื่อเสี่ยวฮวาก็คือเขาต้องจบการต่อสู้ให้เร็วกว่าเสี่ยวฮวา

 

เมื่อคู่ต่อสู้ของทุกคนถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว รายชื่อบนบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนก็ค่อยๆสลายไปกลายเป็นผุยผงและรูปภาพก็ปรากฏขึ้นมาแทน

 

เหมือนกับก่อนหน้านี้ หานเซิ่นรู้สึกว่าทุกอย่างรอบๆตัวเริ่มบิดเบือน และเมื่อรู้สึกตัวอีกที เขาก็เข้ามาอยู่ภายในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนแล้ว

 

แต่สนามประลองแตกต่างไปจากครั้งก่อน ครั้งนี้เขายืนอยู่บนทะเล หานเซิ่นหันไปมองรอบๆและเขาก็เห็นเดม่อนคนหนึ่งอยู่ไกลออกไปหลายพันไมล์ ซึ่งเดม่อนคนนั้นก็กำลังมองมาที่หานเซิ่นเช่นเดียวกัน

 

เมื่อข่านเห็นหานเซิ่น เขาก็ขมวดคิ้ว นั่นเป็นเพราะเขาไม่สามารถบอกถึงเผ่าพันธุ์ของคู่ต่อสู้ที่อยู่ภายใต้ชุดเกราะสีทองได้

 

‘ดอลลาร์เผ่ามนุษย์อย่างนั้นหรอ?’ ข่านมองดูกระดาษของหานเซิ่นและครุ่นคิดกับตัวเอง

 

เขาเป็นมาร์ควิสแข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเดม่อนที่มาเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ แต่ถึงอย่างนั้นข่านก็ไม่ใช่คนที่จะประมาทคู่ต่อสู้ เขาใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลของมาร์ควิสแต่ละคนที่เขาอาจจะต้องเจอ

 

ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้ว่ามนุษย์ที่ชื่อดอลลาร์ได้เอาชนะดราก้อนเธอร์ตี้ไนน์

 

ข่านกลายร่างเป็นซีโน่เจเนอิค เขาขยายร่างใหญ่ขึ้นจนสูงถึงสิบเมตร

 

เมื่อหานเซิ่นเห็นข่านกลายร่างเป็นยักษ์อีกครั้ง เขาก็รู้สึกประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าเดม่อนทำแบบนั้นได้ยังไง ก่อนหน้านี้หานเซิ่นได้ทำลายร่างกายยักษ์ของข่านไปแล้ว แต่ตอนนี้ข่านกลับปกติดีและเขาก็สามารถกลายร่างเป็นยักษ์ได้เหมือนเมื่อก่อน แถมตอนนี้เขายังดูแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

 

แต่ครั้งนี้การกลายร่างของข่านแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย เขาสวมใส่ถุงมือคู่หนึ่งที่ขยายขนาดขึ้นพร้อมกับมือของเขา

 

ถุงมือนั้นดูเหมือนจะถูกหลอมขึ้นมาจากเหล็กดำ และพวกมันก็ประดับไปด้วยหนามแหลม หนึ่งในพวกมันยาวอย่างมากและปลายของมันก็แหลมยิ่งกว่าเข็ม

 

ข่านเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง เขาได้ฝึกฝนตัวเองในร่างยักษ์อย่างหนัก นอกจากนั้นเขายังได้รับสมบัติที่สามารถใช้ในตอนที่อยู่ในร่างยักษ์มาด้วย

 

ถุงมือของข่านเป็นอาวุธระดับราชันที่มีชื่อว่าถุงมือหนามสายฟ้า ถ้าข่านไม่ใช่บุคคลพิเศษในเผ่าพันธุ์เดม่อน เขาก็คงจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำอาวุธระดับราชันมาใช้ และถึงแม้ข่านจะไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดของมันได้ แต่เขาก็ยังคงใช้พลังของมันได้บางส่วน และมันก็เป็นอะไรที่มากพอที่จะเพิ่มความเร็วในการต่อยเพื่อจัดการกับมาร์ควิสคนหนึ่ง

 

ด้วยถุงมือหนามสายฟ้า การต่อยของเขาเทียบได้กับคลาวด์บีสต์สีแดงของหานเซิ่น ตอนนี้ไม่มีใครสามารถเอาเปรียบเขาในเรื่องความเร็วได้อีกแล้ว

 

ด้วยพละกำลังของร่างยักษ์ บวกกับความเร็วของถุงมือหนามสายฟ้า ถึงแม้ข่านจะไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเนตรมารได้ แต่เขาก็มั่นใจว่าความสามารถของเขาในตอนนี้สามารถต่อกรกับไผ่เดียวดายหรือดราก้อนเอทได้ เขามั่นใจเต็มที่ว่าตัวเองต้องติดอันดับหนึ่งในสิบ

 

“ไปลงนรกซะ!” ข่านคำราม ขณะที่เขาวิ่งข้ามทะเลเข้าหาหานเซิ่น ถุงมือที่เขาสวมใส่อยู่เหมือนกับลูกบอลสายฟ้าสีดำ พวกมันพุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

 

หานเซิ่นต้องการจะจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด ดังนั้นเขาจึงดีใจที่เห็นข่านวิ่งตรงมาแบบนั้น เขาเริ่มใช้วิชาโลหิตชีพจรและวิชากายหยกก่อนที่จะชกหมัดของตัวเองออกไป

 

เลือดตกผนึกเริ่มเดือดขึ้นภายในร่างกายของหานเซิ่น เนื้อหนังของเขากลายเป็นหยก ตอนนี้ที่พลังทั้ง 2 อย่างกำลังรวมเข้าด้วยกันในตัวของเขา แต่หานเซิ่นไม่ได้ปลดปล่อยแสงเทพของกายหยกออกมา เขาใช้แค่พละกำลังของร่างกายเพื่อต่อสู้กับหมัดของข่าน

 

ถุงมือหนามสายฟ้าแทงทะลุผ่านชุดเกราะสีทองเข้าไป เมื่อเห็นอย่างนั้นข่านก็ยิ้มออกมา

 

แต่วินาทีต่อมา ข่านก็ดูตกใจอย่างมาก ถุงมือหนามสายฟ้าที่ทรงพลังทำได้แค่เจาะทะลุชุดเกราะของหานเซิ่น แต่เมื่อมันถูกเข้ากับผิวหนังของหานเซิ่น มันก็ไม่สามารถเจาะต่อไปได้มากไปกว่านั้น

 

เมื่อวิชากายหยกของหานเซิ่นพัฒนาสู่ระดับมาร์ควิส ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่วิชาโลหิตชีพจรวิวัฒนาการมาก ตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งเหมือนกับดราก้อนระดับสูง

 

ตูม!

 

หมัดของทั้งคู่ปะทะกันและเกิดเป็นแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ ร่างกายของข่านถูกส่งกระเด็นออกไปหลายร้อยเมตร ขณะที่หานเซิ่นถอยออกไปแค่สิบเมตรเท่านั้น

 

ข่านและเดม่อนคนอื่นๆที่ดูการต่อสู้อยู่ตกตะลึง พละกำลังในร่างยักษ์ของข่านไร้คู่แข่ง มันไม่ควรจะมีใครเอาชนะเขาในเรื่องนั้นได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ในระดับมาร์ควิสด้วยกัน การที่ดอลลาร์เอาชนะร่างยักษ์ของข่านได้เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจอย่างมาก

 

“ว้าว เผ่ามนุษย์นั่นคืออะไรกันแน่? ทำไมพวกเขาถึงแข็งแกร่งแบบนั้น? ร่างกายของพวกเขาน่ากลัวยิ่งกว่าเผ่าดราก้อนซะอีก” ใครบางคนพูดขึ้นมา

 

ข่านคำรามออกมา ตอนนี้เขาเริ่มจะรู้สึกโกรธขึ้นมา เขาไม่สามารถเชื่อได้ว่าใครคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะเขาในด้านพละกำลัง เขาได้แต่สันนิษฐานว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เขารวบรวมพลังและชกหมัดไปใส่หานเซิ่นอีกครั้ง

 

‘ฉันไม่มีเวลาจะต่อสู้กับนาย ฉันจำเป็นต้องไปดูเสี่ยวฮวา’

หานเซิ่นยกมือขึ้น หลังจากนั้นแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นระหว่างนิ้วของเขา มันกลายเป็นเหรียญๆหนึ่ง

 

ติ๊ง!

หานเซิ่นดีดมันออกไปใส่หมัดของข่าน

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset