การต่อสู้ของดอลลาร์ถูกแสดงไปทั่วทั้งจักรวาล และตอนนี้ภาพของร่างกายสีทองอร่ามก็มีปฏิกิริยาที่แตกต่างไปจากเดิม เขาขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่งของระดับมาร์ควิสและพิสูจน์ว่าเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด
วิดีโอหยุดในจังหวะที่ดอลลาร์และไผ่เดียวดายกำลังปะทะกันด้วยดัชนีของพวกเขา หลังจากนั้นต่อหน้าทุกคน วิดีโอก็แตกสลายและตัดภาพไปที่ร่างกายที่ถูกซูมเข้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งร่างกายนั้นเป็นสิ่งเดียวในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโน
สิบนาทีหลังจากนั้นร่างกายสีทองก็หายลับไป และชื่อของดอลลาร์ก็ปรากฏในจุดสูงสุดของตารางจัดอันดับ
มาร์ควิสอันดับที่หนึ่ง : ดอลลาร์ เผ่ามนุษย์
จากทุกระดับ การต่อสู้รอบสุดท้ายของระดับมาร์ควิสยาวนานที่สุด ด้วยเหตุนั้นอันดับอื่นจึงถูกตัดสินเรียบร้อยแล้ว สิ่งมีชีวิตที่ได้รับอันดับที่หนึ่งในระดับมาร์ควิสนั้นก็คือเสี่ยวฮวา นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นได้เห็นเสี่ยวฮวา
ไผ่เดียวดายพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ข้างริมลำธารแห่งหนึ่ง เด็กสาวกำลังจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่ซับซ้อน
“เจ้าเป็นใครกัน?” ไผ่เดียวดายถามเด็กผู้หญิง
“ข้าคือดอกไม้” เด็กผู้หญิงตอบ
“ดอกไม้อะไร?” ไผ่เดียวดายถาม
“ผีเสื้อจะมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีดอกไม้ ซึ่งข้าคือดอกไม้นั้น” เด็กผู้หญิงตอบ
ไผ่เดียวดายพยักหน้า และดูเหมือนเขาจะเข้าใจ เขามองไปที่เด็กผู้หญิงแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวจากไป
“ทำไมเจ้าถึงไม่ฆ่าข้า? เจ้าควรจะเกลียดชังข้าไม่ใช่หรอ?” เด็กผู้หญิงถามไผ่เดียวดายขณะที่อยู่ภายใต้เงาของเขา
“ตั้งแต่ที่เด็กสาวคนหนึ่งจากข้าไป ข้าก็สาบานเอาไว้ว่าจะไม่หลั่งเลือดของเด็กผู้หญิงอีก” ไผ่เดียวดายพูดอย่างเย็นชาและเดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมอง
“ถ้าเจ้าไม่ฆ่าข้าซะตอนนี้ ข้าจะเป็นคนที่ฆ่าเจ้า” มือของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีแดง และเธอก็พุ่งเข้าไปหาไผ่เดียวดายจากด้านหลัง
ปัง!
เมื่อหมัดของเธอสัมผัสกับแผ่นหลังของไผ่เดียวดาย และมันก็ทิ้งรอยกำปั้นสีแดงเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นไผ่เดียวดายก็ทำเหมือนกับว่าไม่สังเกตเห็นสิ่งที่เธอทำ
นั่นทำให้เด็กสาวโกรธยิ่งกว่าเดิม เธอตะโกนใส่ไผ่เดียวดาย
“เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามันโง่เขลาที่ไม่ฆ่าข้าซะตอนนี้? สักวันหนึ่งข้าจะล้างแค้นให้กับเนตรมาร เจ้าจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้!”
“สิ่งเดียวที่ทำให้ข้าเสียใจก็คือเวลาที่ข้าไม่ใช่ตัวของตัวเอง”
ไผ่เดียวดายโบกมือราวกับว่าเขากำลังบอกลา “ถ้าการล้างแค้นข้าคือสิ่งที่เจ้าแสวงหา ข้าก็ขอแนะนำจากใจจริงให้เจ้าฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็ยังมีโอกาสที่จะได้ชำระแค้น”
เด็กผู้หญิงจ้องมองแผ่นหลังของไผ่เดียวดายจนกระทั่งเขาหายไปจากสายตา
หลังจากที่การต่อสู้ภายในบัญชีสิ่งมีชีวิตจีโนจบลง หานเซิ่นก็เดินทางกลับไปที่ปราสาทนภา
ผู้นำปราสาทนภาดีใจที่เห็นหานเซิ่นกลับมาอย่างปลอดภัย และในระหว่างการพบกัน หานเซิ่นก็ใช้โอกาสนั้นเพื่อถามเกี่ยวกับเซเคร็ด
“ท่านผู้นำ ข้าได้ยินมาว่าผีเสื้อเนตรม่วงมาจากเซเคร็ด ท่านจะช่วยบอกข้าเกี่ยวกับเซเคร็ดหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นทำเหมือนกับว่าเขาถามเรื่องนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น เขาไม่ต้องการเสี่ยงให้ผู้นำปราสาทนภาอ่านความคิดที่แท้จริงของเขาได้
ผู้นำปราสาทนภาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา
“ครั้งหนึ่งเซเคร็ดเคยยิ่งใหญ่ในจักรวาลแห่งนี้ พวกเขาครองอันดับสูงที่สุดภายในจีโนฮอลล์ แต่พวกเขาล่มสลายมาเป็นเวลายาวนานแล้ว ทำให้มันไม่ค่อนมีข้อมูลเกี่ยวกับเซเคร็ดมากนัก แม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยสงสัยมาก่อนเลยว่าขุนพลของพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่”
“ขุนพลทั้งสิบของเซเคร็ดเป็นเทพเจ้ากันหมดเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นแกล้งทำเป็นว่าเรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจ
“ใช่แล้ว พวกเขาทั้งหมดเป็นเทพเจ้า และมันก็ไม่ใช่แค่พวกเขาสิบคนเท่านั้นที่เป็นเทพเจ้า แต่ขุนพลทั้งสิบคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา” ผู้นำของปราสาทนภาพูด
หานเซิ่นประหลาดใจกับเรื่องนี้ “ถ้าพวกเขายิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้นแล้ว ทำไมพวกเขาถึงได้ล่มสลาย? ใครกันที่ทำแบบนั้นกับพวกเขา?”
“ไม่มีใครรู้ คำตอบเรื่องนั้นเป็นสิ่งที่ผู้อาวุโสมากมายกำลังตามหาเช่นกัน แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามสักแค่ไหน พวกเขาก็หาคำอธิบายไม่ได้ ถ้าพวกเขาได้รู้ความจริง บางทีมันก็คงจะไม่เป็นระบบที่รกร้างว่างเปล่าแบบนั้น” ผู้นำปราสาทนภาถอนหายใจออกมา
“เซเคร็ดอยู่ในระบบที่รกร้าง?” หานเซิ่นแปลกใจ
“ระบบที่รกร้างทั้งหมดคือดินแดนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเซเคร็ด”
ผู้นำปราสาทนภาพูดพร้อมกับพยักหน้า “ไวเคานต์ที่ได้รับอันดับหนึ่งนั้นอาจจะเป็นทายาทของเซเคร็ดอย่างแท้จริง ถ้าเจ้ามีโอกาสได้เจอกับเขาล่ะก็ ระวังตัวให้ดี ถึงเขาอาจจะยังไม่ใช่มาร์ควิส แต่พวกเราไม่รู้ว่าพวกเขามีคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นอยู่อีกเท่าไหร่ พวกเราทุกคนจึงต้องระมัดระวังให้ดี”
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็กลับไปที่เกาะของตัวเองและเริ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น
‘ระบบที่รกร้างเคยเป็นของเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความว่าเสี่ยวฮวาต้องอยู่ที่นั่น ทางเข้าสู่ก็อตแซงชัวรี่ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน แมวเก้าชีวิตเกี่ยวข้องกับเซเคร็ด นอกจากนั้นเขายังเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ นั่นหมายความว่าเซเคร็ดมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับก็อตแซงชัวรี่อย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นใช้เวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้ แต่เขาไม่สามารถหาข้อสรุปอะไรได้
เบาะแสอย่างเดียวที่เขามีตอนนี้ก็คือตำแหน่งที่ตั้งของเซเคร็ด แต่การจะเข้าไปในนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าเขายังไม่ถึงระดับเทพเจ้า
ทางเข้าก็อตแซงชัวรี่อยู่ที่ไหนสักแห่งในระบบรกร้าง ดังนั้นหานเซิ่นจึงพยายามรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนแห่งนั้นให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหนก็พูดเหมือนๆกันว่าถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็อย่าได้คิดเข้าไปในนั้น แม้แต่ยอดฝีมือระดับราชันก็อาจจะพบกับความตายถ้าเข้าไปในที่แบบนั้น
ถ้าดินแดนแห่งนั้นไม่ได้น่าสะพรึงกลัว คริสตัลไลเซอร์ก็คงจะออกมาที่จักรวาลจีโนได้เป็นเวลานานแล้ว และพวกเขาก็คงจะไม่ตายหลังที่ออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ แม้แต่หานเซิ่นเองก็ต้องล้มเลิกความคิดที่จะสร้างเส้นทางออกจากก็อตแซงชัวรี่ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเสี่ยวฮวาจะอยู่ในดินแดนที่อันตรายแบบนั้น
‘ใครสน! ถึงมันจะอยู่ในระบบที่รกร้างแล้วยังไง? ไม่มีใครหยุดฉันจากการตามหาลูกชายได้!’ หานเซิ่นคิดขณะที่เดินทางไปที่สถานหยกขาว
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องเป็นราชันให้ได้ซะก่อนเป็นอย่างน้อย ถึงจะคิดเกี่ยวกับการไปยังดินแดนแห่งนั้น ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้สำหรับเขาก็คือการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
เมื่อไปถึงสถานหยกขาว หานเซิ่นก็เข้าไปในหอคอยที่ 2 และขึ้นไปยังชั้นที่ 7 ซึ่งเขาได้พบกับไผ่เดียวดายที่นั่น เขายิ้มออกมาและพูด
“น่าเสียดายที่เจ้าเอาอันดับหนึ่งมาไม่ได้”
ไผ่เดียวดายตอบอย่างเด็ดเดี่ยว “มันน่าเสียดาย แต่มันก็ผลักดันให้ข้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป”
“เจ้าน่าเบื่อไปแล้ว เจ้าให้สัญญาที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นหน่อยได้ไหม? อย่างเช่นบอกว่าเจ้าจะเอาชนะดอลลาร์ให้ได้” หานเซิ่นยิ้ม
“ข้าคิดว่าการเอาชนะเจ้าให้ได้ก่อนอาจจะมีประโยชน์ต่อเรื่องนั้น หลังจากที่สถานหยกขาวปิดตัวลงแล้ว สนใจมาประลองกับข้าไหม?” ไผ่เดียวดายมองมาที่หานเซิ่น
“ข้ามีเรื่องสำคัญบางอย่างต้องไปทำ บางทีครั้งหน้า?”
หานเซิ่นไม่สนใจจะต่อสู้กับไผ่เดียวดายในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายมีแสงเทพเนตรม่วง ซึ่งถ้าไม่ใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด มันก็ไม่มีทางที่เขาจะเอาชนะไผ่เดียวดายได้