“วิชาผนึกมาร? นี่มันเป็นทั้งวิชาที่ดีและแย่ที่สุด” หัวหน้าของสวนวิถีนภาหลี่ตาขณะที่มองไปยังสนามฝึก
“ทำไมเจ้าถึงพูดอย่างนั้น?” ไวท์เรียลถาม
หัวหน้าสวนวิถีนภายิ้มและพูด “วิชาผนึกมารเป็นอะไรที่ยาก มันคำพูดถึง 3 สิบล้านคำในตำรา มันจะใช้เวลาเป็นปีๆเพื่อเข้าใจหนึ่งย่อหน้า ผู้คนที่ได้ฝึกมันอาจจะสอนมันได้ก็จริง แต่มันเป็นเรื่องยาก เนื่องจากเนื้อหาจำนวนมาก การพูดเกี่ยวกับย่อหน้าหนึ่งนั้นแทบจะไม่ได้ช่วยเหลืออะไรใคร และแบบนั้นผู้ชมก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไรจากมัน“
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็พูดต่อ “แม้แต่ดยุกจตุฤดูจากรุยบีสต์ที่มีพรสวรรค์และใช้เวลาเรียนรู้มันมาเป็นร้อยๆปี แต่เขาก็ยังฝึกได้แค่ขั้นที่ 8 เท่านั้น ท่านผู้นำเป็นเพียงแค่คนเดียวที่ฝึกทั้ง 11 ขั้นได้สำเร็จ”
“มีเพียงแค่ท่านผู้นำคนเดียวที่ฝึกมันสำเร็จ? นี่มันไม่มีคนอื่นอีกเลยอย่างนั้นหรอ?” ไวท์เรียลถาม
“มันมีคนอื่นอยู่ แต่มันมีจำนวนน้อย นอกจากท่านผู้นำแล้ว มันก็มีผู้อาวุโสหนึ่งอีกแค่คนเดียว แต่ว่าเขาได้หายตัวไปเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่หรือไม่” หัวหน้าของสวนวิถีนภาพูด
เมื่อได้ยินว่าหานเซิ่นถูกบังคับให้สอนวิชาผนึกมาร กระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นก็ดูกังวลขึ้นมา
พวกเขาเพิ่งจะเตือนหานเซิ่นว่าไม่ให้ทำแบบนั้น เนื่องจากดยุกจตุฤดูจะเป็นคนสอนมันอยู่ทุกเดือน และจากตารางเวลาของเขาแล้ว เขาจะสอนอีกครั้งในวันถัดไป
ถ้าหานเซิ่นบรรยายเกี่ยวกับวิชาผนึกมารได้แย่ และหลังจากนั้นดยุกจตุฤดูสอนมันได้ดีในวันต่อไป ผู้คนก็จะพูดกันว่าดยุกดยุกจตุฤดูนั้นเหนือกว่า ถึงโดยรวมแล้วมันจะไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของหานเซิ่นเสียหายอะไรมาก แต่มันก็ทำให้เขาดูแย่อยู่ดี
แต่ถ้าหานเซิ่นบรรยายได้เป็นอย่างดีถึงขนาดที่ทำให้ดยุกจตุฤดูต้องอับอาบ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเช่นกัน
ด้วยเหตุนั้นมันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะสอนวิชาผนึกมารได้ดีหรือไม่ เพราะยังไงซะมันก็ไม่ดีต่อหานเซิ่น นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาเตือนหานเซิ่นว่าให้หลีกเลี่ยงการบรรยายเกี่ยวกับวิชาผนึกมาร
แต่ตอนนี้เมื่ออวี้จิงและไผ่เดียวดายเสนอมันขึ้นมา หานเซิ่นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำขอ
แต่หานเซิ่นไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับมันมากนัก เพราะยังไงซะเขาก็ไม่รู้ว่าจะสอนอะไรอยู่ดี และอย่างน้อยเขาก็ได้เตรียมเกี่ยวกับวิชาผนึกมารมาบ้าง ดังนั้นเขาจึงทำตามคำขอไปอย่างขาดความกระตือรือร้น
แต่ทว่าวิชาผนึกมารที่หานเซิ่นได้เรียนรู้แตกต่างจากที่ศิษย์ของปราสาทนภาคนอื่นถูกสอน เพราะโดยปกติแล้วมีเพียงแค่ราชันเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ให้ไปที่ถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อน ก่อนหน้านั้นการเรียนรู้ของพวกเขาจะมาจากหน้าหนังสือเท่านั้น
แต่หานเซิ่นได้เรียนรู้มาจากมนต์สังหารยีนดั้งเดิมทั้ง 72 มันทำให้เขาถูกปูพื้นฐานที่จะนำไปพัฒนาต่อ และเนื่องจากผู้ชมเรียนรู้วิชาผนึกมารในวิธีการที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ความเห็นต่อการฝึกมันก็จะต่างไปด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่มีแผนที่จะบรรยายเกี่ยวกับวิธีการฝึกแบบธรรมดาๆ เขามีอีกหนทางหนึ่งที่จะบรรยายเกี่ยวกับเรื่องนี้
“ถ้าทุกคนอยากจะได้ยินเกี่ยวกับวิชาผนึกมาร ข้าก็จะบรรยายเกี่ยวกับมันและบอกเล่าถึงประสบการณ์ของตัวเอง ในวันนี้ข้าจะพูดถึงเรื่องของหมัดดาราทอง หนึ่งใน 72 หมัดผนึกมาร” หานเซิ่นพูด
“ศิษย์น้องหาน หมัดผนึกมารคืออะไร? พวกเราไม่เคยได้ยินอะไรแบบนั้นในการเรียนรู้วิชาผนึกมาร” อวี้จิงถาม คำพูดเปิดของหานเซิ่นทำให้ผู้ชมรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
วิชาผนึกมารเป็นวิชาจีโนที่ซับซ้อนอย่างมาก และพลังของมันก็เป็นเอกลักษณ์มากอีกด้วย พลังที่เป็นเชื้อเพลิงของมันออกมาจากภายใน แต่มันไม่ได้เกี่ยวพันอะไรกับศักยภาพของร่างกายจริงๆของผู้ฝึก
พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ วิชาผนึกมารในนัยหนึ่งคล้ายคลึงกับแสงเทพเนตรม่วง มันเป็นพลังพิเศษที่ใช้ได้โดยไม่พึ่งพาปัจจัยภายนอก
แต่หานเซิ่นได้เรียนรู้มาจากมนต์สังหารยีนดั้งเดิม เขาจึงรู้เกี่ยวกับวิธีใช้วิชามากกว่าทางทฤษฎี ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่คิดจะเสียเวลาพูดเกี่ยวกับองค์ประกอบแต่ละอย่างของวิชา แต่เริ่มที่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเลย ซึ่งในที่นี้ก็คือหมัด เพื่อให้ผู้ชมได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาผ่านความรู้สึกที่ได้รับจากผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
หานเซิ่นคิดว่ารายละเอียดนั้นเหล่าผู้ชมสามารถไปเรียนรู้มันจากอาจารย์คนอื่นๆได้ เขาจึงไม่คิดจะทำอะไรแบบนั้นและเริ่มพูดเกี่ยวกับหมัดที่ได้มาจากมนต์สังหารยีนดั้งเดิม และโดยผ่านหมัดๆนั้น ผู้ชมก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิชาในภาพรวม
ผู้คนทั่วๆไปอาจจะไม่เข้าใจในเรื่องนี้ แต่ถ้าพวกเขาฝึกวิชาผนึกมารและสามารจับสัมผัสหมัดของหานเซิ่นได้ พวกเขาก็จะได้เข้าใจความหมายของมนต์สังหารยีนดั้งเดิม
การฝึกฝนทำให้เราชำนาญ ยิ่งทำบางสิ่งซ้ำมากเท่าไหร่ เราก็จะทำสิ่งนั้นๆได้ดียิ่งขึ้น หานเซิ่นเข้าใจในวิธีพื้นฐานข้อนี้ดี
แต่วิธีพื้นฐานแบบนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนอย่างดยุกจตุฤดูที่มีเวลาทั้งชีวิตในการเรียนรู้เกี่ยวกับวิชาผนึกมาร ถ้าพวกเขาอยากจะเรียนรู้มันอย่างถูกต้อง วิธีการแบบดยุกจตุฤดูก็อาจจะใช้เวลาของพวกเขาทั้งชีวิต
แต่วิธีการของหานเซิ่นเป็นวิธีสำหรับคนที่ไม่มีเวลามากนัก
ถ้าศิษย์ของปราสาทนภาที่เข้ามาฟังต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับวิชาผนึกมาร การเรียนรู้หมัดผนึกมารก็ถือเป็นเรื่องดี ในพวกเขาไม่มีใครที่ได้เรียนรู้จากมนต์สังหารยีนดั้งเดิมมาก่อน แต่ถ้าพวกเขาวิเคราะห์และฝึกฝนมันผ่านความรู้สึกจากหมัดของหานเซิ่น ขั้นตอนทั้งหมดก็จะรวดเร็วขึ้นมาก
แต่สิ่งที่แย่ที่สุดเกี่ยวกับวิธีการนี้ก็คือพวกเขาจะจำกัดตัวเองเท่าหานเซิ่น ถึงแม้พวกเขาจะเรียนรู้วิชาได้ดีเป็นอย่างดี แต่พวกเขาก็สามารถดีได้เท่ากับหานเซิ่นเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถไปไกลกว่านั้นได้
แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว แค่นั้นก็ถือว่ามากพอแล้ว วิชาผนึกมารของหานเซิ่นในตอนนี้อยู่ที่ขั้นที่ 8 ดังนั้นถ้าพวกเขาฝึกหมัดของหานเซิ่นได้สำเร็จ พวกเขาก็จะเทียบได้กับวิชาผนึกมารขั้นที่ 8 ของดยุกจตุฤดูที่ใช้เวลาฝึกหลายศตวรรษ
“หมัดผนึกมารเป็นวิชาที่ข้าได้เรียนรู้มาจากวิชาผนึกมาร วิชาผนึกมารโดยภาพรวมแล้วเป็นอะไรที่ใหญ่เกินไปที่จะสอน ดังนั้นข้าจะสอนทุกท่านเกี่ยวกับเทคนิคอย่างเฉพาะเจาะจง หวังว่านี่จะช่วยทุกท่านในการฝึกฝนวิชาผนึกมารในภายภาคหน้า” หานเซิ่นพูด
ทุกคนรู้สึกสนใจขึ้นมา พวกเขาไม่เคยได้ฟังบรรยายเกี่ยวกับวิชาผนึกมารแบบหานเซิ่นมาก่อน มันเหมือนกับการที่พวกเขามีบทเรียนทางเคมี แต่หัวข้อของมันเป็นเรื่องหมัด ทั้ง 2 สิ่งดูไม่สมเหตุสมผลเมื่อรวมเข้าด้วยกัน และมันก็ดูจะไม่มีความเกี่ยวข้องระหว่างหัวข้อทั้ง 2 นั่นทำให้ทุกคนรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
“ถ้าไม่มีคำถามอะไรแล้ว ข้าจะเริ่มสอนเทคนิคแรก ชื่อของมันคือหมัดดาราทอง และมันมาจากหนึ่งใน 72 หมัดผนึกมาร” หานเซิ่นเริ่มสอนเทคนิคแรก
หานเซิ่นต้องการสอนวิชาดาบ แต่ศิษย์ส่วนใหญ่ของปราสาทนภานั้นใช้ดาบ ด้วยเหตุนั้นปราสาทนภาจึงเต็มไปด้วยวิชาดาบอยู่แล้ว เขาจึงตัดสินใจสอนวิชาหมัดแทน