Super God Gene – ตอนที่ 2144

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ดยุกจตุฤดูมาเข้าฟังการบรรยายของหานเซิ่นทุกวัน และในแต่ละครั้งเขาจะเลือกนั่งใกล้กับเวทีขึ้นเรื่อยๆ และในวันนี้เขาก็นั่งที่แถวหน้าสุด

 

เมื่อดยุกจตุฤดูยืนขึ้น ทุกคนก็หันมองไปที่เขา

 

กระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นรู้สึกกังวลขึ้นมา พวกเขาหวังว่ามันจะไม่มีเรื่องแย่ๆอะไรเกิดขึ้น

 

หานเซิ่นสังเกตเห็นถึงการมาของดยุกจตุฤดูตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว แต่หานเซิ่นไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับเขา แต่ตอนนี้เมื่อดยุกจตุฤดูลุกขึ้นมา หานเซิ่นก็ให้ความสนใจทั้งหมดไปที่เขา

 

“อาจารย์หาน ข้าได้ฟังบทเรียนของเจ้าเรื่องหมัดผนึกมารตลอดหลายวันที่ผ่านมา และข้าต้องขอสารภาพว่าข้าได้เรียนรู้อะไรมากมาย แต่ถึงจะพูดแบบนั้นข้าก็ยังมีคำถามเกี่ยวกับบทเรียนของเจ้าอยู่ เจ้าจะช่วยแสดงหมัดหนึ่งให้ข้าดูหน่อยได้ไหม แบบนั้นบางทีข้าอาจจะได้รับคำตอบของคำถามนั้น” ดยุกจตุฤดูพูดด้วยความจริงใจ

 

หลังจากนั้นทุกคนก็ดูเหมือนกับว่าถูกแช่แข็งอยู่กับที่ กระเรียนพันขนและพี่น้องยวิ๋นจ้องไปที่ดยุกจตุฤดูราวกับว่าพวกเขาเพิ่งจะเห็นผี

 

ดยุกจตุฤดูไม่เพียงแค่ไม่เย้ยหยันหานเซิ่นเท่านั้น แต่เขากำลังเรียกหานเซิ่นว่าอาจารย์อีกต่างหาก นั่นหมายความว่าเขาเห็นหานเซิ่นเป็นอาจารย์คนหนึ่งเช่นเดียวกับตัวเอง

 

เนื่องจากดยุกจตุฤดูระดับสูงกว่าหานเซิ่น ดังนั้นโดยปกติแล้วเขาสามารถเรียกหานเซิ่นด้วยชื่อเต็มแทนที่จะเรียกตำแหน่ง การเรียกหานเซิ่นว่าอาจารย์นั้นแสดงให้เห็นว่าเขานับถือและยอมรับในตัวหานเซิ่น

 

ศิษย์ของปราสาทนภาหลายคนรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันไป เมื่อได้เห็นดยุกจตุฤดูพูดขึ้นมาอย่างจริงใจ เพราะด้วยตำแหน่งและชื่อเสียงของดยุกจตุฤดู มันไม่มีความจำเป็นที่เขาต้องเรียกหานเซิ่นแบบนั้น

 

หลังจากที่ดยุกจตุฤดูกลับจากฟังการบรรยายของหานเซิ่นในทุกวัน เขาก็เริ่มทำการฝึกในทันทีที่ถึงบ้าน และเนื่องจากว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชาผนึกมาร นั่นทำให้เขาสามารถมองลึกเข้าไปในแก่นแท้ของหมัดผนึกมารได้

 

หลังจากการฝึกหลายต่อหลายวัน ดยุกจตุฤดูก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกนับถือหานเซิ่นจากใจจริง

 

และเนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่หานเซิ่นจะทำการบรรยาย เขาจึงห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะขอให้หานเซิ่นช่วยแสดงหมัดให้ดู เขาต้องการรู้ถึงความรู้สึกของหมัดผนึกมารจากหานเซิ่นโดยตรง

 

“ท่านสุภาพเกินไปแล้ว ถ้าท่านสนใจในพรสวรรค์ห่วยๆของข้าล่ะก็ ข้าจะแสดงพวกมันเพื่อท่าน ถ้าข้ายังพัฒนาต่อได้ ได้โปรดช่วยชี้แนะด้วย”

ยังไงซะหานเซิ่นก็มีแผนจะแสดงมันในวันสุดท้ายอยู่แล้ว

 

ดยุกจตุฤดูดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น เขาพูดขึ้นมา “อย่าพูดแบบนั้น ข้าแค่อยากจะเรียนรู้จากอาจารย์หานจริงๆ ข้าไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรอย่างอื่น”

 

หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่พยักหน้าและเริ่มการบรรยาย

“ตลอดการบรรยายที่ผ่านมา ข้าได้สอนไปทั้งหมด 6 หมัด วันนี้ข้าจะแสดงพวกมันทั้งหมดให้ทุกท่านได้เห็น บางทีพวกมันอาจจะช่วยเหลือทุกท่านได้ในอนาคตข้างหน้า”

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็เริ่มแสดงหมัดของเขา

 

หมัดผนึกมารของหานเซิ่นเกิดมาจากมนต์สังหารยีนดั้งเดิมทั้ง 72 แต่ละหมัดของหานเซิ่นจะแฝงความหมายของมนต์สังหารยีนดั้งเดิมเอาไว้ ขณะที่หานเซิ่นแสดงทั้ง 6 หมัด มันก็รู้สึกราวกับว่ามนต์สังหารยีนดั้งเดิมมีชีวิตขึ้นมา มันทำให้ผู้ชมรู้สึกหนาวสั่นและหวาดกลัว ความรู้สึกนั้นก่อกวนภายในจิตใจของพวกเขา

 

เมื่อไหร่ก็ตามที่หานเซิ่นชกหมัดออกไป เขาก็เป็นเหมือนกับอสูรร้าย หนึ่งวิชา หนึ่งความหมาย หานเซิ่นแสดงวิชาหมัด 6 วิชาให้กับพวกเขา และมันก็เหมือนกับอสูรที่น่ากลัว 6 ตัวพยายามจะกลืนกินโลกใบนี้

 

ศิษย์ของปราสาทนภาที่มาเข้าฟังกระวนกระวายด้วยความตื่นเต้น ในเวลาที่หานเซิ่นแสดงเสร็จ ดยุกจตุฤดูดูเหมือนกับว่าเขากำลังมึนเมา เขาแข็งทื่อไปเหมือนกับว่าเขาจมอยู่ในความรู้สึกของวิชาหมัด

 

“วิชาหมัดทั้ง 6 ของอาจารย์หานนั้นจะช่วยให้ข้าประหยัดเวลาในการฝึกไปถึง 60 ปี ข้าช่างเป็นคนที่โชคดีจริงๆ!” ดยุกจตุฤดูโค้งคำนับหานเซิ่น

 

“ดยุกจตุฤดู ท่านชมเกินไปแล้ว!” หานเซิ่นโค้งคำนับกลับ

 

หลังจากนั้นหมัดผนึกมารก็กลายเป็นสิ่งที่มีชื่อเสียงทั่วทั้งปราสาทนภา มันถูกนำเข้าไปในสวนวิถีนภาและกลายเป็นหนึ่งในวิชาที่จำเป็นต้องฝึก

 

ชื่อเสียงของหานเซิ่นเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม และนอกจากนั้นเขายังได้รับรางวัลอย่างงามจากหมัดผนึกมารที่เขาคิดค้นขึ้นมา

 

หลังจากนั้นดยุกจตุฤดูก็มักจะแวะไปหาหานเซิ่นเพื่อถามเกี่ยวกับวิชาผนึกมารอยู่เป็นประจำ หานเซิ่นสอนหมัดผนึกมารทั้ง 72 ให้กับดยุกจตุฤดู และเขาก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิชาผนึกมารจากดยุกจตุฤดูด้วยเช่นกัน

 

หมัดผนึกมารของหานเซิ่นเป็นวิธีที่ประหยัดเวลาอย่างมาก มันทำให้ศิษย์ของปราสาทนภาสามารถเรียนรู้วิชาผนึกมารได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าใครคนหนึ่งต้องการฝึกมันจนเชี่ยวชาญนั้น พวกเขาจำเป็นต้องมีประสบการณ์อย่างดยุกจตุฤดู

 

หานเซิ่นได้เรียนรู้อะไรมากมายจากดยุกจตุฤดู และมันก็ทำให้เขารู้สึกนับถือชายคนนี้ขึ้นมา ดยุกจตุฤดูเองก็นับถือหมัดผนึกมารของหานเซิ่นเช่นกัน ในช่วงนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาบรรยายเกี่ยวกับวิชาผนึกมาร เขาก็เริ่มใช้หมัดผนึกมารเพื่อทำให้ผู้ฟังเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

 

“นี่หานเซิ่นเคยทำอะไรที่ธรรมดาบ้างไหมนะ? เขามหัศจรรย์ในทุกอย่างที่เขาทำ” ผู้นำปราสาทนภาพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“มีเพียงแค่ราชันเท่านั้นที่จะเข้าไปในถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อน และในตอนที่พวกเขาเข้าไปนั้น เป้าหมายของพวกเขาก็คือการกลายเป็นครึ่งเทพด้วยมนต์สังหารยีนดั้งเดิมทั้ง 72 ไม่มีใครคิดจะนำมันมาประยุกต์ใช้เป็นวิชาหมัดอย่างหานเซิ่น มีเพียงแค่หานเซิ่นเท่านั้นที่จะทำแบบนั้นได้ เขาทำให้วิชาผนึกมารกลายเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย ทุกคนไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานในการเรียนรู้มันอีกต่อไป และถึงแม้มันจะเหมือนการทำอะไรลวกๆ แต่มันก็เป็นวิธีการที่ดีอย่างปฏิเสธไม่ได้”

ผู้หญิงหน้ากากสีดำพูดต่อ “ข้าได้ยินมาว่าเมื่อไผ่เดียวดายได้เห็นหมัดผนึกมารของหานเซิ่น เขาได้ขอไปที่ถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อน นั่นเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจ”

 

ผู้นำปราสาทนภาพยักหน้าและพูด “ไผ่เดียวดายเพิ่งจะเข้าไปในนั้นได้แค่ครึ่งเดือน ข้าคิดว่าเขาคงจะไม่กลับมาอีกหนึ่งปี แต่มันยังมีปัญหาเรื่องเมทัลเวิลด์อีก”

 

ผู้หญิงสวมหน้ากากยิ้มแห้งๆออกมา “ถ้าพวกเรารู้ก่อนว่าจะมีการค้นพบเมทัลเวิลด์ พวกเราก็คงจะไม่อนุญาตให้ไผ่เดียวดายเข้าไปในถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อนแบบนั้น ตอนนี้เมื่อเขาเข้าไปแล้ว มันก็ไม่เหมาะสมที่จะไปรบกวนและส่งเขาไปที่เมทัลเวิลด์”

 

“แต่ข้าไม่คิดว่าจะมีมาร์ควิสคนอื่น นอกจากไผ่เดียวดายที่จะทำงานนี้ให้กับพวกเราได้” ผู้นำปราสาทนภาพูด

 

ผู้หญิงสวมหน้ากากหัวเราะและพูด “ถ้าหานเซิ่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ไผ่เดียวดายเข้าไปในถ้ำวิถีทางที่ถูกซ่อน อย่างนั้นแล้วหานเซิ่นก็ควรจะรับหน้าที่นี้แทนไผ่เดียวดาย พวกเราควรให้เขาไปที่เมทัลเวิลด์”

 

“นั่นไม่ใช่ความคิดที่ดี หานเซิ่นยังไม่ใช่มาร์ควิส” ผู้นำปราสาทนภาพูดพร้อมกับส่ายหัวของเขา

 

“เขาฆ่าดราก้อนไนน์ได้ไม่ใช่หรอ? อย่างนั้นแล้วเขาก็เหมือนมาร์ควิสคนหนึ่ง และอีกอย่างเขาก็จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี” ผู้หญิงสวมหน้ากากหัวเราะอีกครั้ง

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset