Super God Gene – ตอนที่ 2148

เมืองขนาดใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่บนภูเขาโลหะลูกหนึ่ง ซึ่งเมืองนั้นก็ทำขึ้นมาจากโลหะสีดำเช่นเดียวกับภูเขา ทำให้มันดูเหมือนกับเป็นเมืองที่ถูกแกะสลักจากภูเขาแทนที่จะถูกสร้างขึ้นมา

 

เมื่อมองจากระยะไกล ตัวเมืองและภูเขาจะกลมกลืนกันจนแยกไม่ออก

 

ยอดโลหะแหลม 2 ข้างที่สูงกว่าหนึ่งพันเมตร ก่อตัวเป็นประตูทางเข้าขนาดมหึมา ประตู 2 บานที่ใหญ่โตนั้นทำให้ผู้คนที่เดินผ่านเข้าไปรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นมดตัวหนึ่ง

 

จากระยะไกล หานเซิ่นมองเห็นข้อความบนประตูที่อ่านได้ว่าเมืองเมทัลไจแอนท์ก็อต มันถูกเขียนเอาไว้ด้วยภาษาที่หานเซิ่นเคยเห็นในจักรวาลจีโน

 

เมื่อเห็นเมืองขนาดใหญ่ยักษ์กำลังหมอบอยู่บนภูเขาราวกับอสูร หานเซิ่นก็ขมวดคิ้วและพูด “เมืองนี้มีขนาดใหญ่จริงๆ แม้แต่เผ่าพันธุ์ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นก็ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากมายขนาดนี้”

 

“นานมาแล้วไจแอนท์เป็นหนึ่งในสิบเผ่าพันธุ์ชั้นสูง พวกเขาอยู่ในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าเบรกสกาย เบรกสกายนั้นมีปัญหาในการสืบสายพันธุ์และประชากรของพวกเขาก็ลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งพวกเขาสูญพันธุ์ เว้นแต่ไม่กี่คนที่เลือกผสมพันธุ์กับสายพันธุ์อื่น พวกเราเชื่อว่าเมืองๆนี้คือที่อยู่อาศัยของยอดฝีมือระดับเทพเจ้าของเบรกสกาย” ข่านพูด

 

หลังจากหยุดชั่วครู่ ข่านก็พูดต่อ “หลังจากที่เข้าไปในเมือง พวกเราขุดพบข้อความที่กล่าวถึงเบรกสกาย รอยแกะสลักนั้นเปิดเผยว่าที่นี่คือเมืองของเบรกสกาย แต่ในช่วงหนึ่ง มันเกิดการต่อสู้ที่ทำให้เมืองแห่งนี้ไปสู่ความล่มสลาย แต่ที่แปลกก็คือว่าในตอนที่พวกเราเข้าไปสำรวจในเมืองนั้น พวกเราไม่พบเศษร่างหรือศพของพวกเขาเลย”

 

เนื่องจากประตูหลักปิดสนิทและไม่มีใครสามารถเปิดมันได้ ข่านจึงพาพวกเขาไปทางด้านซ้ายของตัวเมืองที่มีรอยแตกของกำแพงอยู่ ซึ่งถ้ากำแพงไม่แตกเป็นรูล่ะก็ พวกเขาก็คงจะเข้าไปข้างในไม่ได้

 

เนื่องจากเข้าไปทางด้านบนเต็มไปด้วยอันตราย เพราะใครก็ตามที่สร้างเมืองนี้ขึ้นมาจะต้องเตรียมระบบป้องกันเรื่องนั้นเอาไว้แล้ว

 

เมื่อพวกเขารอดผ่านกำแพงเข้าไปข้างใน หานเซิ่นก็สังเกตเห็นค่ายตั้งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกมันเป็นของบุดด้า ดราก้อนและเดสทรอยเยอร์

 

แต่มันน่าแปลกที่ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนส่งคนมาคอยเฝ้ารูบนกำแพงเมืองเลย จริงๆแล้วมันไม่มีวี่แววใครอยู่แถวๆนี้เลยด้วยซ้ำ

 

“น่าแปลกจริงๆ ดูเหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้วอย่างไงอย่างงั้น หรือว่าบางทีนี่อาจจะเป็นกับดัก?” ไวท์เรียลมองไปที่ค่ายข้างหน้าอย่างเป็นกังวล

 

ข้าวของต่างๆกระจัดกระจายไปทั่ว แต่มันไม่ได้มีรองรอยการต่อสู้เกิดขึ้น มันดูเหมือนกับว่าพวกเขาหลบหนีไปจากที่นี่อย่างรีบร้อน

 

“นี่ไม่ใช่กับดัก มันไม่มีใครอยู่ที่นี่จริงๆ” อวี้เอียะพูด

 

หานเซิ่นพาทีมของเขาเดินไปสำรวจรอบๆ และเมื่อแน่ใจว่าทีมจากเผ่าพันธุ์อื่นไม่อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ พวกเขาก็เริ่มเก็บเสบียงและข้าวของที่ถูกทิ้งเอาไว้ พวกเขาพบว่าภายในค่ายยังมีจีโนฟลูอิดทั้งเอาไว้อีกด้วย

 

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะหนีไปจากที่นี่อย่างเร่งรีบ พวกเขาไม่แม้แต่จะเก็บจีโนฟลูอิดพวกนี้ไปด้วย” หานเซิ่นหันมามองข่าน

 

ข่านเข้าใจหานเซิ่น “บางทีพวกเขาอาจจะพบอะไรบางอย่างภายในโบราณสถานนี้ ทำให้พวกเขาตื่นเต้นเกินไปจนเก็บข้าวของติดตัวไปด้วย?”

 

“บางทีมันอาจจะไม่ใช่ว่าพวกเขาค้นพบอะไรบางอย่าง บางทีมันอาจจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นทำให้พวกเขาต้องรีบหนีไป” อวี้เอียะพูด

 

“นั่นก็เป็นไปได้ แต่พวกเราไม่เห็นร่องรอยของการต่อสู้เลยนี่สิ” ข่านครุ่นคิดอีกครั้ง หลังจากนั้นจู่ๆเขาก็หยุดชะงักไป

 

มันไม่ใช่แค่ข่านเท่านั้น ทุกคนหน้าซีดไป ขณะที่พวกเขามองไปที่ด้านนอกของตัวเมือง

 

ดวงตาสีแดงมากมายนับไม่ถ้วนลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า เมื่อดวงตาที่เรืองแสงนั้นเข้ามาใกล้พวกเขาเรื่อยๆ มันก็เผยให้เห็นมอนสเตอร์ที่มีร่างทองแดงเหมือนกับแมลงปอ

 

ฝูงแมลงปอเริ่มพากันบินเข้ามาในรูของกำแพง

 

“เกิดอะไรขึ้น? นี่มันเป็นเวลาที่พายุแม่เหล็กเป็นสีฟ้า! แล้วทำไมมอนสเตอร์โลหะพวกนั้นถึงได้ปรากฏตัวมาในเวลาแบบนี้?” อวี้เอียะหันไปมองข่าน

 

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน พวกเราไม่เคยเห็นซีโน่เจเนอิคโลหะตอนที่พายุแม่เหล็กเป็นสีฟ้ามาก่อน และแม้แต่ตอนที่พายุแม่เหล็กเปลี่ยนเป็นสีแดง พวกมันก็ไม่เคยเข้ามาในตัวเมือง นี่ดูท่าไม่ดีแล้ว พวกเราควรจะรีบหนีไปจากที่นี่” ข่านพูด หลังจากนั้นเขาก็นำทีมพวกเดม่อนเข้าไปในโบราณสถาน

 

หานเซิ่นและอวี้เอียะมองหน้ากัน พวกเขาตัดสินใจพาคนของปราสาทนภาเข้าไปในโบราณสถานเช่นเดียวกัน

 

แมลงปอพวกนั้นแข็งแกร่งเทียบเท่ากับมาร์ควิส และจำนวนของพวกมันก็เยอะเกินไป ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะต่อสู้กับพวกมันโดยไม่เกิดการสูญเสีย

 

มาร์ควิสของปราสาทนภาและเดม่อนตรงเข้าไปหลบภายในโบราณสถานร่วมกัน ข่านที่อยู่ด้านหน้าสุดตะโกน ขณะที่วิ่งไปข้างหน้า

“มันมีปราสาทอยู่ข้างหน้า พวกเราจะเข้าไปหลบในนั้น”

 

หานเซิ่นเห็นสิ่งก่อสร้างที่ข่านพูดถึงก่อนหน้านั้นแล้ว ปราสาทนั้นใหญ่โตเหมือนกับภูเขาลูกหนึ่ง มันใหญ่ซะจนหานเซิ่นคิดว่าแม้แต่คนที่ตาบอดก็มองเห็นมันได้ แต่ประตูของปราสาทปิดสนิท และเขาไม่รู้ว่าจะเปิดมันได้ยังไง

 

“ข้าเคยมาที่นี่ มันมีช่องว่างอยู่ที่กำแพงของปราสาท พวกเราควรจะรอดผ่านมันเข้าไปและใช้สร้างสิ่งกรีดขวางทางเข้าจากภายใน แบบนั้นการจะรับมือกับพวกมันก็จะเป็นอะไรที่ง่ายกว่ามาก” ข่านพูดขณะที่วิ่งไปอีกด้านหนึ่งของปราสาท

 

หานเซิ่นไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆตลอดเหตุการณ์ทั้งหมดนี่ แต่เขาก็พาศิษย์ของปราสาทนภาตามหลังข่านไป ไม่นานเขาก็เห็นรูตรงหน้า มันมีรูปร่างเหมือนกับกำปั้น ราวกับว่ามันเกิดขึ้นจากการถูกชกด้วยหมัด

 

ซีโน่เจเนอิคโลหะไล่ตามมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว ดังนั้นพวกเขาไม่มีเวลาจะลังเลขณะที่รีบสไลด์ผ่านกำแพงเข้าไป หานเซิ่นและอวี้เอียะเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไปในปราสาทนั้น ซีโน่เจเนอิคโลหะที่เหมือนกับแมลงปอก็บินเข้าหาพวกเขาจากด้านหลัง

 

มาร์ควิสที่เฝ้าทางเข้าอยู่ปลดปล่อยแสงเทพของพวกเขาเพื่อฆ่าซีโน่เจเนอิคโลหะ 2 ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด

 

หลังจากนั้นมาร์ควิสเดม่อนคนหนึ่งก็เรียกโล่ขนาดใหญ่ออกมาเพื่อขวางทางเข้าเอาไว้

 

ซีโน่เจเนอิคโลหะพุ่งชนใส่โล่ซ้ำๆอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ว่ามันจะพยายามสักแค่ไหน มันก็ไม่สามารถผ่านโล่นั้นมาได้

 

หานเซิ่นรีบมองไปรอบๆปราสาท แต่ก่อนที่เขาจะสังเกตภายในห้องได้อย่างละเอียด ความสนใจของเขาก็ถูกดึงดูดไปยังร่างกายที่นอนอยู่บนพื้น มันเป็นซากศพของทั้งดราก้อนและบุดด้า พวกเขาถูกฆ่าอย่างโหดร้าย

 

เกล็ดและผิวหนังถูกถลกออกจากร่างกาย แต่น่าแปลกที่เนื้อภายในของพวกเขาถูกเหลือทิ้งเอาไว้ เลือดกระจัดกระจายไปทั่ว ภาพที่ได้เห็นนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกขึ้นมา แม้แต่หานเซิ่นที่เคยเห็นเลือดมานักต่อนักก็ยังรู้สึกแย่

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset