“หานเซิ่น ข้าเคยได้ยินชื่อของเจ้ามาก่อน แต่ข้าไม่ได้คาดคิดว่าจะได้เห็นเจ้าที่นี่”
รูปปั้น 3 หัว 6 แขนเดินมาตรงหน้าใบเสมา หัวนกที่อยู่ตรงกลางนั้นจ้องมาที่หานเซิ่น สายตาของมันเหมือนกับปีศาจที่กำลังจ้องมองทารกที่ไร้การป้องกัน
สำหรับหานเซิ่นและคนอื่นๆแล้ว ความแข็งแกร่งของรูปปั้นโลหะนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป ตอนนี้พวกเขาถูกล้อมอย่างสมบูรณ์ และแน่นอนว่ามันยังมีซีโน่เจเนอิคที่เหมือนกับแมลงปอบินอยู่เต็มท้องฟ้า ตอนนี้สถานการณ์เป็นอะไรที่ดูสิ้นหวัง
“เจ้าเป็นใคร?” หานเซิ่นถามขณะที่เงยหน้ามองรูปปั้นไจแอนท์ 3 หัว 6 แขน
“ชื่อของข้าคือคลีนส์มันเผ่าเดสทรอยเยอร์” รูปปั้นตอบ
“ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าเดสทรอยเยอร์จะเป็นส่วนหนึ่งของเบรกสกาย” หานเซิ่นพูด
คลีนส์มันหัวเราะและพูด “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เดสทรอยเยอร์ไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของเบรกสกาย พวกเราเป็นราชวงศ์ของเบรกสกาย พวกไจแอนท์หน้าโง่ก็เป็นแค่ทาสที่มีสายเลือดของพวกเราปะปนอยู่ พวกเราคือเบรกสกายที่แท้จริง”
“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นที่อยู่อาศัยของเบรกสกายระดับเทพเจ้าสินะ?” หานเซิ่นถาม
คลีนส์มันหัวเราะ “ข้ารู้ว่าเจ้าแค่พยายามจะถ่วงเวลา แต่นั่นไม่เป็นไร เดสทรอยเยอร์จะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ พวกเจ้าไม่มีทางจะหนีไปได้”
หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่ คลีนส์มันก็พูดต่อ “นี่เป็นที่อยู่ของเบรกสกายระดับเทพเจ้า แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าของมันหายตัวไปเป็นเวลานานแล้ว รูปปั้นเบรกสกายที่เขาทิ้งเอาไว้นั้นเพียงพอที่จะทำให้พวกเราครอบครองทั้งเมทัลเวิลด์ เนื่องจากผู้คนที่เหนือกว่าระดับมาร์ควิสเข้ามาในนี้ไม่ได้ ดังนั้นมันไม่มีใครจะต่อต้านพวกเราได้ ที่นี่จะกลายเป็นซีโน่เจเนอิคสเปชของเดสทรอยเยอร์ และสำหรับพวกเจ้าแล้ว…”
คลีนส์มันจ้องไปที่พวกเขาแต่ละคน “ถ้าพวกเจ้ายอมแพ้แต่โดยดี เดสทรอยเยอร์จะต้อนรับพวกเจ้าเป็นสมาชิกทางสังคมของเมทัลเวิลด์”
“คลีนส์มัน ข้ากลัวว่าตัวเองจะไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนกับเจ้า” หานเซิ่นพูด
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” ใบหน้าผู้หญิงที่อยู่ด้านขวาหันมาหาเขา
หานเซิ่นมองไปรอบๆและพูด “ข้าได้ยินมาว่าก่อนที่เจ้าจะเข้ามาในเมืองแห่งนี้ ที่นี่ก็เป็นสนามต่อสู้อยู่ก่อนแล้ว”
“แล้วมันยังไง? แน่นอนอยู่แล้วว่ามันเคยมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นโบราณสถานได้ยังไง?” ใบหน้าผู้หญิงพูด
หานเซิ่นหัวเราะและพูด “ถ้าพลังของเมทัลเวิลด์แข็งแกร่งพอที่จะทำให้คนนอกผ่านเข้ามาไม่ได้ และมีเพียงแค่มาร์ควิสเท่านั้นที่เข้ามาได้ นั่นก็หมายความว่าพลังจากภายนอกจะไม่ส่งผลต่อสถานที่แห่งนี้ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วทำไมถึงได้มีการต่อสู้ที่อันตรายพอทีจะทำให้ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าหนีไปจากที่นี่ล่ะ?”
คลีนส์มันขมวดคิ้ว หลังจากนั้นใบหน้าผู้ชายของรูปปั้นก็พูดขึ้นมา
“บางทีเขาอาจจะบุกผ่าพลังของเมทัลเวิลด์เข้ามาข้างใน?”
“บุกผ่าพลังป้องกันที่แม้แต่ยอดฝีมือของทั้ง 5 เผ่าพันธุ์ยังทำไม่ได้น่ะหรอ? ถ้ามียอดฝีมือระดับเทพเจ้าที่ทำแบบนั้นได้อยู่จริงๆ เจ้าคิดว่าเบรกสกายจะหนีจากสิ่งมีชีวิตแบบนั้นได้อย่างนั้นหรอ? และถึงพวกเขาจะหนีไปได้จริง แล้วทำไมยอดฝีมือคนนั้นถึงไม่ได้ครอบครองเมทัลเวิลด์ไปเป็นของตัวเองล่ะ?” หานเซิ่นพูดต่อ
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” ใบหน้าผู้หญิงถามอีกครั้ง
“ถ้าการสันนิษฐานของข้าถูกต้อง เบรกสกายไม่ได้ทอดทิ้งที่นี่เพราะศัตรูจากภายนอก แต่ภัยร้ายแรงที่สุดของพวกเขามาจากภายในดาวดวงนี้”
“เจ้ากำลังจะพูดอะไรกันแน่?” รูปปั้นด้านข้างของคลีนส์มันดูรำคาญ
หานเซิ่นหัวเราะและพูด “พลังที่เป็นภัยต่อเบรกสกายนั้น ถ้ามันยังอยู่ในดาวดวงนี้จริงๆล่ะก็ ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นภัยต่อใครคนอื่น นอกจากเบรกสกาย ถ้าข้าเป็นเจ้าล่ะก็ ข้าจะไม่อวดดีแบบนั้น ถ้าเป็นข้า ข้าจะคิดหาทางหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะมันมีโอกาสสูงที่พวกเจ้าจะถูกฆ่าก่อนพวกเราซะอีก”
“ไร้สาระ! ถ้ามันยังมีอะไรแบบนั้นอยู่จริงๆ ทำไมมันถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเรา? หานเซิ่น ข้านับถือในสติปัญญาของเจ้า ด้วยเหตุนั้นข้าจะไม่ฆ่าเจ้า ยอมแพ้ซะ และข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป” หัวนกยิ้มอย่างชั่วร้าย
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเพียงแค่ให้ความสนใจกับวิธีที่จะรอดไปจากสถานการณ์ในตอนนี้ แต่สิ่งที่เขาบอกกับคลีนส์มันไม่ใช่แค่การล่อหลอก ถ้าพลังที่เป็นภัยต่อยอดฝีมือระดับเทพเจ้ามาจากดาวดวงนี้จริงๆ มันก็ไม่มีทางจะหายไปง่ายๆแบบนั้น และมันก็อาจจะยังอยู่ที่ไหนสักแห่งบนดาวดวงนี้
“ถ้าเจ้าอยากจะตายล่ะก็ ข้าก็จะทำให้เจ้าได้สมหวัง” คลีนส์มันสั่งให้รูปปั้นเบรกสกายเริ่มโจมตีใส่ใบเสมาอีกครั้ง
รูปปั้นเบรกสกายปลดปล่อยพลังที่น่าสะพรึงกลัวออกมาเพื่อทำลายใบเสมาราชาแมลงปีศาจของหานเซิ่น ใบเสมาสีฟ้าเริ่มสั่นสะเทือนและมันดูพร้อมที่จะแตกสลายทุกเมื่อ
หานเซิ่นคิดว่าสถานการณ์กำลังคับขัน รูปปั้นเบรกสกายแต่ละรูปนั้นมีพลังระดับราชัน ถ้าหานเซิ่นย่อขนาดของใบเสมาราชาแมลงปีศาจเพื่อป้องกันตัวเองแค่คนเดียว ความแข็งแกร่งของมันก็มากพอที่จะป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายได้ แม้แต่ราชันสิบคนโจมตีพร้อมๆกัน พวกเขาก็ไม่สามารถเจาะทะลุการป้องกันของมันได้ แต่ตอนนี้หานเซิ่นขยายใบเสมาราชาแมลงปีศาจเพื่อป้องกันศิษย์ของปราสาทนภาหนึ่งร้อยคนและยังคนของเผ่าเดม่อน บุดด้าและดราก้อนอีก นั่นทำให้ความแข็งแกร่งของมันลดลงอย่างมากและไม่สามารถทนต่อการโจมตีของรูปปั้นนับสิบได้
เมื่อเห็นว่าใบเสมาเริ่มสั่นสะเทือน พวกเขาก็รู้ว่ามันกำลังจะพังทลายในเร็วๆนี้ ทุกคนเริ่มจะหนีออกไปจากใบเสมา หานเซิ่นรู้ว่าถึงจะเตะพวกเดม่อน บุดด้าและดราก้อนออกไป ใบเสมาราชาแมลงปีศาจของเขาก็ไม่เพียงพอที่จะป้องกันคนของปราสาทนภาอยู่ดี
“หานเซิ่น ปล่อยพวกเราออกไป! แบบนั้นบางคนอาจจะรอดไปได้” ดราก้อนเอทตะโกนเมื่อรู้ว่าใบเสมากำลังจะพังทลาย
“อมิตตาพุทธ! พวกเราต้องสู้” มาร์ควิสบุดด้าพูด
ข่านขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เขารู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้คับขันอย่างมาก
หานเซิ่นอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในจังหวะที่เขากำลังจะพูด พื้นดินก็เริ่มสั่นไหวราวกับแผ่นดินไหวลูกใหญ่กำลังมา หลังจากนั้นมันก็มีหลุมขนาดมหึมาเกิดขึ้นภายในเมือง พื้นผิวโลหะเริ่มจะร่วงลงไปในหลุมที่ไร้ก้นบึ้ง เสียงระเบิดดังออกมาจากหลุมนั้น ซึ่งบ่งบอกว่ามีบางสิ่งที่ใหญ่โตกำลังออกมา
รูปปั้นเบรกสกายทั้งหมดหยุดโจมตีหานเซิ่นและหันความสนใจไปที่หลุมไร้ก้น
ซีโน่เจเนอิคแมลงปอต่างพากันบินหนีไปอย่างแตกตื่น ถ้ามันมีพลังที่ทำให้ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าทอดทิ้งดวงดาวของตัวเองไปจริงๆ มันก็คงจะฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางของมัน
‘ไม่มีทาง! เราเดาถูกหรอเนี่ย?’ หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา
รูปปั้นเบรกสกายที่ถูกสั่งโดยคลีนส์ก้าวถอยออกไป พวกมันจ้องมองไปที่หลุมขนาดใหญ่ยักษ์