“มันหายไปได้ยังไง?” หานเซิ่นพึมพำด้วยความสับสน
เรเวนอาทิตย์นั้นถึงจะเป็นแค่ทารก แต่มันก็เป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าจากจักรวาลจีโน ยีนระดับเทพเจ้าของมันเสถียรอย่างมาก ถึงขนาดที่หานเซิ่นไม่สามารถดูดซับเข้าไปได้ ดังนั้นมันไร้ประโยชน์ที่ใครในสหพันธ์จะขโมยมันไป
นอกจากนั้นที่นี่ก็เป็นสถานที่ของหานเซิ่น มันมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวอาศัยอยู่ที่นี่มากมาย ซึ่งพวกมันแต่ละตัวสามารถยึดครองทั้งสหพันธ์ได้เลยถ้าต้องการ แบบนั้นใครมันจะกล้ามาขโมยของไป?
หานเซิ่นไม่ได้ลืมว่าเอาร่างของมันไปวางไว้ที่ไหน แต่เขาก็ไม่คิดว่ามันจะถูกขโมยไปเช่นกัน แถมมันก็ใหญ่เกินกว่าจะถูกเคลื่อนย้ายไปง่ายๆ
ในตอนแรกที่หานเซิ่นนำร่างของเรเวนอาทิตย์มานั้น เขาไม่สามารถดูดซับมันได้ ดังนั้นเขาจึงเก็บมันเอาไว้ในโกดังเพื่อความปลอดภัย และตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้เหลียวมองมันแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามันหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนบริเวณรอบๆ แต่มันไม่มีร่องรอยร่างของเรเวนอาทิตย์อยู่เลย ร่างกายของมันเป็นของแข็ง ด้วยเหตุนั้นมันควรจะทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้บ้าง
โชคดีที่ภายในโกดังติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ หานเซิ่นจึงตรงไปที่ห้องควบคุมเพื่อดูวิดีโอที่กล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ แต่ทันใดนั้นเป่าเอ๋อก็กระโดดลงจากไหล่ของหานเซิ่นและวิ่งไปยังมุมๆหนึ่งของโกดัง
หานเซิ่นเข้าใจอย่างรวดเร็วว่าเป่าเอ๋อพบอะไรบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงตามหลังเธอไป เป่าเอ๋อไปหยุดอยู่ตรงหน้ากล่องไม้กล่องหนึ่ง เธอปีนขึ้นไปบนกล่องและมองเข้าไปข้างใน
หานเซิ่นจำได้ว่ากล่องนั้นเก็บถังไวน์ที่จีเหยียนหรันซื้อมา พวกมันถูกผลิตบนดวงดาวไร่องุ่นที่มีชื่อเสียง แต่เนื่องจากวัตถุดิบไม่สามารถหาได้อีกแล้ว การผลิตไวน์จึงถูกหยุดอย่างถาวร
จีเหยียนหรันได้พยายามเก็บสะสมมันเอาไว้ให้ได้มากที่สุด พวกเขาไม่ได้ดื่มด้วยกันบ่อยมักนัก ดังนั้นพวกเขาจึงเก็บพวกมันเอาไว้ในโกดัง การที่กล่องถูกเปิดออกเป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่ามีใครบางคนมาที่นี่
นอกจากนั้นกล่องอื่นๆก็ถูกเปิดออกด้วยเช่นกัน
“มันมีหัวขโมยบุกเข้ามาจริงๆหรอเนีย?” หานเซิ่นเดินเข้าไปหาเป่าเอ๋อและตรวจเช็คภายในกล่อง
หานเซิ่นเห็นถังไวน์สีดำถูกเปิดออกเช่นกัน แถมไวน์ที่ถูกเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็แห้งเหือด แต่เมื่อหานเซิ่นมองไปข้างใน เขาก็ได้เห็นสิ่งสุดท้ายที่คาดคิดว่าจะได้เห็น
มันไม่มีไวน์เหลือแม้แต่หยดเดียว แต่ที่ก้นถังมีไข่ขนาดพอๆกับกำบั้นอยู่ เปลือกของมันเป็นสีแดง มันดูงดงามอย่างมาก
หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนมัน และเขาก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่คุ้นเคย เขาสามารถบอกได้ว่ามันเป็นสิ่งเดียวกับนกสีแดงตัวน้อยที่เคยติดตามเป่าเอ๋อ
หลังจากที่คิดอย่างนั้น หานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าไม่ได้เห็นนกน้อยมานานแล้ว เขายุ่งเกินไปและนกน้อยก็มักจะตามเป่าเอ๋อไปไหนมา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับมันมาก
หานเซิ่นเก็บไข่ขึ้นมาจากถังที่ว่างเปล่า หลังจากนั้นเขาก็ตรวจสอบมันอย่างละเอียด เขาสามารถบอกได้ว่าพลังชีวิตของมันเป็นของนกสีแดงตัวน้อยจริงๆ
“แปลกจริงๆ ทำไมมันถึงมาอยู่ในนี้ได้? และทำไมมันถึงได้กลายเป็นไข่?” หานเซิ่นรู้สึกสงสัย หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองเป่าเอ๋อ
เป่าเอ๋อส่ายหัวเพื่อบอกว่าเธอไม่รู้เช่นกัน
นกน้อยตัวนี้มีประวัติที่แปลกประหลาด ในตอนที่พวกเขาพบมันครั้งแรก มันว่ายอยู่ในบ่อน้ำในร่างปลา แต่เมื่อมันออกจากผิวน้ำ มันก็กลายเป็นนกสีแดงตัวน้อย มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด
แต่เนื่องจากนกน้อยสีแดงไม่มีพลังในการโจมตีใดๆ หานเซิ่นจึงเลิกให้ความสนใจมัน และเขาก็ให้เป่าเอ๋อเก็บมันไปในฐานะสัตว์เลี้ยง
แต่ตอนนี้เมื่อนกสีแดงตัวน้อยเข้ามาอยู่ในโกดัง ดูเหมือนมันจะดื่มไวน์ทั้งถังเข้าไปและเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นไข่ เรื่องทั้งหมดเป็นอะไรที่ค่อนข้างแปลกประหลาด
หานเซิ่นนำไข่ไปที่ห้องควบคุมและเริ่มย้อนดูวีดีโอจากกล้องวงจรปิดเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หลังจากผ่านไปสักพัก หานเซิ่นก็เห็นว่าเมื่อราวๆ 2 ปีก่อน หลังจากที่เขานำร่างของเรเวนอาทิตย์มาเก็บไว้ในโกดัง นกสีแดงตัวก็บินเข้ามาและเริ่มกินมัน
ถึงแม้หานเซิ่นจะดูดซับร่างของเรเวนอาทิตย์ไม่ได้ แต่ดูเหมือนนกน้อยสีแดงจะกินมันได้โดยไม่มีปัญหาอะไร แต่มันกินได้แค่ทีละนิดๆเท่านั้น และหลังจากที่กัดแทะทีละนิดละหน่อย ในที่สุดร่างทั้งร่างของเรเวนอาทิตย์ก็ถูกมันกินจนหมด
ขณะที่มันกินร่างของเรเวนอาทิตย์ ร่างกายของมันก็ค่อยๆเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง และหลังจากที่มันกินร่างของเรเวนอาทิตย์เข้าไปจนหมด ร่างกายของมันก็กลายเป็นคริสตัลสีแดงที่ลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ
หลังจากที่นกสีแดงตัวน้อยกินร่างของเรเวนอาทิตย์เข้าไปจนหมด มันก็บินไปที่ถังไวน์และเปิดผามันออก หลังจากนั้นมันก็กระโดดลงไปในไวน์พร้อมกับเปลี่ยนร่างเป็นปลาสีแดง ไฟที่ห่อหุ้มตัวของมันดับไป แต่ความร้อนของมันก็ทำให้ไวน์ที่อยู่ภายในระเหย ซึ่งในเวลาเพียงไม่กี่นาทีไวน์ภายในถังก็แห้งเหือดไปจนหมด
หลังจากนั้นมันก็กลายเป็นนกน้อยสีแดงอีกครั้ง ก่อนที่จะทำแบบเดียวกันนี้กับถังไวน์อื่นๆ
แต่หลังจากที่นกสีแดงตัวน้อยไปถึงถังไวน์ถังสุดท้าย มันก็หายเข้าไปและไม่กลับออกมาจนกระทั่งหานเซิ่นมาเจอกับมันเข้า
“ว้าว! เจ้าตัวนี้มันคืออะไรกันแน่?” หานเซิ่นมองไปที่ไข่ในมือด้วยความแปลกใจ
หานเซิ่นไม่สามารถดูดซับร่างกายระดับเทพเจ้าของเรเวนอาทิตย์ได้ ดังนั้นมันยากที่จะจินตนาการได้ว่านกสีแดงตัวน้อยทำแบบนั้นได้ยังไง
“ช่างเถอะ ยังไงซะเราก็กินร่างกายนั้นไม่ได้อยู่แล้ว แต่หวังว่ามันจะกลายไปเป็นสิ่งที่มีประโยชน์” สุดท้ายแล้วหานเซิ่นก็ตัดสินใจนำไข่กลับไปวางที่เดิม
หานเซิ่นไม่รู้ว่าจะทำให้เจ้าตัวน้อยฝักออกมาได้ยังไง แต่ถ้ามันเลือกเข้าไปอยู่ในถังไวน์ด้วยตัวเอง อย่างนั้นแล้วนั่นก็คงจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
หานเซิ่นพักอยู่ที่บ้านต่ออีกหลายวัน เขารู้สึกกังวลเกี่ยวกับพวกอวี้เอียะอยู่ แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ เขาได้แต่หวังว่าคนอื่นๆจะหนีออกไปเมืองไจแอนท์เมทัลก็อตได้อย่างปลอดภัย
หานเซิ่นอุ้มหานหลิงเอ๋ออยู่ในอ้อมแขน ขณะที่เป่าเอ๋อนั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาทั้ง 3 คนกำลังนั่งดูหนังและกินขนม หานหลิงเอ๋อกำลังดูดขวดนมเหมือนกับที่เป่าเอ๋อเคยทำในตอนที่เธอเด็กกว่านี้
เมื่อจีเหยียนหรันกลับมาจากบริษัท เธอก็เห็นหานเซิ่นและเป่าเอ๋อกำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา หานหลิงเอ๋อนอนอยู่บนตัวของหานเซิ่นโดยที่มีจุกนมอยู่ในปาก ขนมและของเล่นนั้นกระจัดกระจายไปทั่ว
“นี่หรอวิธีที่นายเลือกเป็นพ่อน่ะ?” จีเหยียนหรันบ่น แต่เธอก็ยิ้มออกมา เธอไม่ได้ปลุกพวกเขาเช่นกัน เธอนำผ้าห่มมาคลุมพวกเขา
4 วันต่อมา หานเซิ่นกลับไปยังโกดังที่ตัวกินโลหะอาศัยอยู่ ตอนนี้เขามีแผนที่จะพาตัวกินโลหะไปด้วย เขาหวังจะให้มันเจรจากับอสูรโลหะตัวน้อยถ้าเกิดเขาต้องเจอกับมันอีกครั้ง
ก่อนจะกลับเข้าไป หานเซิ่นเรียกปีกมังกรที่หลังและหูออกมาเตรียมไว้เพื่อความปลอดภัย แบบนั้นเมื่อมันไม่ได้ผล เขาจะได้เทเลพอร์ตถอยออกห่างจากอสูรโลหะตัวน้อยและหนีกลับมาในก็อตแซงชัวรี่อีกครั้ง การมีชีวิตต่อไปนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด