อวี้เอียะกำลังยืนมองพายุแม่เหล็กสีแดงพร้อมกับขมวดคิ้ว สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียด
4 วันก่อน เนื่องจากอสูรโลหะที่น่าสะพรึงกลัวไล่ตามหานเซิ่นไป นั่นทำให้พวกเขาจะหนีออกมาจากเมืองได้สำเร็จ
หลังจากนั้นพวกเขาก็รู้ตัวว่าอสูรโลหะไม่คิดจะเดินทางออกจากเมืองเพื่อไล่ล่าพวกเขา
แต่ทว่าพวกเขาสูญเสียการติดต่อกับหานเซิ่นไป และหานเซิ่นก็เป็นหัวหน้าของพวกเขา ผู้อาวุโสได้สั่งให้พวกเขาคอยดูแลหานเซิ่น แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว มอนสเตอร์ตัวนั้นสามารถกินรูปปั้นโลหะที่แข็งแกร่งระดับราชันได้ราวกับเป็นอาหารว่าง ดังนั้นมันเป็นไปได้สูงว่าหานเซิ่นจะไม่รอด
“มันไม่ทีประโยชน์อะไรที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกซะจากพวกเราจะหาหนทางหนีไปจากที่นี่ได้ พวกเราทั้งหมดก็ต้องตายเช่นกัน แบบนั้นพวกเราก็รายงานเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่ได้” อวี้เอียะถอนหายใจออกมา
บุดด้า ดราก้อนและเดม่อนก็ซ่อนตัวอยู่ด้วยกัน หลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น ถึงทั้ง 3 เผ่าพันธุ์จะรวมกัน พวกเขาก็ยังมีผู้คนน้อยกว่าทีมของปราสาทนภา ดังนั้นมันมีความแตกต่างระหว่างกองกำลังของพวกเขา แต่ตอนนี้พวกเขาทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว และพวกเขาทั้งหมดก็จำเป็นต้องหาหนทางไปจากที่นี่ ด้วยเหตุนั้นอวี้เอียะจึงไม่สนใจจะรังแกเผ่าพันธุ์อื่น
ข่านและคนอื่นไม่ได้โง่ พวกเขารู้ว่าในตอนนี้ปราสาทนภาเป็นฝ่ายที่ควบคุมสถานการณ์ และอวี้เอียะก็เป็นหัวหน้าชั่วคราว ซึ่งพวกเขาไม่มีแผนจะก่อปัญหาที่ไม่จำเป็น
เพราะถ้าพวกเขาไม่สามารถหาหนทางหนีไปจากเมทัลเวิลด์ได้ พวกเขาทุกคนก็ต้องถูกขังอยู่ที่นี่ไปตลอด
สภาพแวดล้อมของเมทัลเวิลด์เป็นอะไรที่เลวร้ายสำหรับการอยู่อาศัย สิ่งมีชีวิตทั้งหมดทำขึ้นมาจากโลหะ ดังนั้นมันจึงไม่มีแหล่งอาหารสำหรับพวกเขา และถึงแม้พวกเขาจะมีเสบียงติดตัวมาด้วยจำนวนหนึ่ง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะหิวตาย
ตัวกินโลหะของหานเซิ่นดูเหมือนจะกำลังเล่นตัวอยู่ อสูรโลหะสีขาวพยายามจะเอาใจมันด้วยการทำตัวเป็นมิตรให้มากที่สุด แต่ตัวกินโลหะไม่ได้ตอบสนองอะไรมาก แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็สามารถบอกได้ว่ามันกำลังมีความสุข
หานเซิ่นและเป่าเอ๋อก็ได้รับของดีจากอสูรโลหะสีขาวเช่นกัน หานเซิ่นและเป่าเอ๋อไม่สามารถกินผลไม้โลหะได้ ด้วยเหตุนั้นอสูรโลหะสีขาวจึงมอบอะไรบางอย่างให้พวกเขาดื่ม
เมื่อหานเซิ่นดื่มของเหลวนั้นเข้าไป เขาก็สังเกตได้ว่ายีนของตัวเองเริ่มจะพัฒนาในทันที
อสูรโลหะสีขาวอยู่ใกล้ชิดกับตัวกินโลหะ และมันก็ลูบหัวของตัวกินโลหะซ้ำๆ ซึ่งนั่นทำให้หานเซิ่นสับสนอย่างมาก
สิ่งมีชีวิตภายในก็อตแซงชัวรี่มียีนของจักรวาลจีโน หานเซิ่นรู้ว่าคริสตัลไลเซอร์ได้นำสิ่งมีชีวิตของจักรวาลจีโนเข้ามาไปในก็อตแซงชัวรี่เพื่อทำการวิจัย นั่นทำให้สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ภายในก็อตแซงชัวรี่เกิดขึ้นมา
แต่สเตย์อัพเลทยังบอกเขาอีกว่าคริสตัลไลเซอร์ทำแบบนั้นก็เพื่อพัฒนาสายเลือดของคริสตัลไลเซอร์ ยีนทั้งหมดที่พวกเขาทำการวิจัยมีจุดประสงค์เพื่อใช้รวมเข้ากับเผ่าพันธุ์ของตัวเองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ในอดีตความแข็งแกร่งของคริสตัลไลเซอร์เทียบได้กับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงในจักรวาลจีโน แต่พวกเขาต้องพึ่งพาเทคโนโลยีช่วย สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ได้ท้าชิงเผ่าพันธุ์ชั้นสูงเผ่าพันธุ์หนึ่งและถูกทำลายล้าง ในตอนนั้น พวกเขามีความแข็งแกร่งพอจะจับสิ่งมีชีวิตต่างๆเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่พวกเขาอ่อนแอ คริสตัลไลเซอร์ไม่ควรจะเอาชนะสิ่งมีชีวิตที่เป็นเจ้าของยีนของนกสีแดง โกลดเด้นโกรวเลอร์และตัวกินโลหะได้ นี่ยังไม่รวมถึงสิ่งมีชีวิตนานาชนิดภายในก็อตแซงชัวรี่
หานเซิ่นไม่สามารถจินตนาการได้ว่าคริสตัลไลเซอร์ทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไง
‘สเตย์อัพเลทเล่าว่าคริสตัลไลเซอร์ไม่ได้เป็นคนที่สร้างก็อตแซงชัวรี่ จริงๆแล้วมันอยู่มาตั้งแต่ก่อนที่คริสตัลไลเซอร์จะค้นพบมัน เนื่องจากทางเข้าของก็อตแซงชัวรี่อยู่ในเขตแดนของเซเคร็ด นั่นหมายความว่าเซเคร็ดเป็นคนที่สร้างก็อตแซงชัวรี่อย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
หานเซิ่นคิดว่านั่นอาจจะเป็นความจริง จากเรื่องราวที่เขาได้ยินมา มีเพียงแค่เซเคร็ดเท่านั้นที่มีพลังพอที่จะเก็บรวบรวมยีนของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังต่างๆ คริสตัลไลเซอร์ไม่สามารถทำแบบนั้นได้
นอกจากนั้นเซเคร็ดยังอยู่มาก่อนหน้าคริสตัลไลเซอร์ ซึ่งมันตรงกันกับเรื่องราวที่สเตย์อัพเลทบอกกับเขา คริสตัลไลเซอร์ต้องมาพบก็อตแซงชัวรี่ในภายหลังและปรับแต่งพวกมัน
ดังนั้นบางทีก็อตแซงชัวรี่อาจจะถูกสร้างขึ้นโดยเซเคร็ดจริงๆ แต่ทำไมกัน? ทำไมพวกเขาถึงต้องโยนยีนที่ทรงพลังเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่? สิ่งมีชีวิตอะไรที่กำเนิดภายในก็อตแซงชัวรี่? อะไรที่ถูกส่งเข้าไปในนั้น?
แมวเก้าชีวิตมีความเกี่ยวข้องกับทางเซเคร็ด และมันก็สามารถเข้าออกก็อตแซงชัวรี่ได้ตามใจชอบ แถมมันก็ดูเหมือนกับว่าแมวเก้าชีวิตกำลังวิจัยเกี่ยวกับผู้คนภายในก็อตแซงชัวรี่
ในอดีตมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นทำให้เซเคร็ดต้องล่มสลายง เขตแดนของเซเคร็ดกลายเป็นระบบอันรกร้างว่างเปล่า และด้วยเหตุผลบางอย่างคริสตัลไลเซอร์ไปพบทางเข้าก็อตแซงชัวรี่ และในตอนที่พวกเขาถูกทำลาย คริสตัลไลเซอร์ที่เหลือรอดก็ได้เข้าไปหลบภัยในก็อตแซงชัวรี่และยังคงดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับยีนของพวกเขาต่อไป
แต่หานเซิ่นไม่แน่ใจว่าคริสตัลไลเซอร์ทำการวิจัยทั้งหมดด้วยตัวเอง หรือพวกเขาแค่สานต่อการวิจัยที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยเซเคร็ดกันแน่
แต่ทั้งหมดนี่ก็เป็นแค่ทฤษฎีที่หานเซิ่นคิดขึ้นมาเท่านั้น มันยังไม่ได้มีอะไรมายืนยันข้อเท็จจริง
‘มีเพียงแค่แมวเก้าชีวิตเท่านั้นที่จะตอบคำถามของเราได้’ หานเซิ่นคิดด้วยความโมโห ทุกอย่างโยงไปที่เซเคร็ดและแมวเก้าชีวิต แต่หานเซิ่นยังขาดพลังที่จะเข้าไปสำรวจระบบรกร้างว่างเปล่าได้
ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่นั้น ตัวกินโลหะก็เดินเข้ามาส่งเสียงร้องบอกหานเซิ่นและหันไปมองที่หลุมขนาดใหญ่
อสูรโลหะสีขาวยืนอยู่ข้างๆหลุม และดูเหมือนมันกำลังบอกให้พวกเขาเข้าไปข้างใน
ตัวกินโลหะเข้าไปก่อน และหานเซิ่นก็ตามเข้าไปพร้อมกับเป่าเอ๋อ เขาต้องการจะเห็นว่ารังของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าเป็นยังไง
ทางเข้าของหลุมใหญ่มหึมา แต่กำแพงนั้นลาดเอียงเหมือนกับกรวยขนาดใหญ่ที่แคบลงเรื่อยๆ และก้นของหลุมก็มีความกว้างแค่หนึ่งเมตรเท่านั้น
อสูรโลหะสีขาวและตัวกินโลหะเข้าไปข้างใน โดยที่หานเซิ่นกับเป่าเอ๋อตามไปจากด้านหลัง
หานเซิ่นคิดว่ามันเป็นถ้ำ แต่เมื่อมองลงไป เขาก็ต้องตกตะลึง
“เป็นไปได้ยังไง? ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง