“นี่เขาคงจะไม่เลียนแบบราชินีแห่งมีดและตัวเอาส่วนยอดของภูเขาไปหรอกใช่ไหม?” ผู้หญิงหน้ากากสีดำถามขึ้นมา เธอยืนอยู่ข้างๆผู้นำของปราสาทนภาขณะที่หัวของเธอเอียงไปด้านข้างเล็กน้อย
“ข้ากลัวว่าพวกเขาทั้งคู่จะทำแบบเดียวกัน” ผู้นำของปราสาทนภาสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา เมื่อคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หานเซิ่นอาจจะทำ
ผู้หญิงสวมหน้ากากหัวเราะและพูด “หานเซิ่นแข็งแกร่งก็จริง แต่เขาเพิ่งจะกลายเป็นมาร์ควิสได้ไม่นาน ราชินีแห่งมีดเป็นดยุกในตอนที่นางจากไป ดังนั้นเขาถือว่าอ่อนแอกว่ามาก แม้แต่ราชินีแห่งมีดก็ยังตัดได้แค่ส่วนเล็กของยอดภูเขา และตอนนี้เมื่อยอดของภูเขาหนา 7-8 เมตร ถึงหานเซิ่นจะใช้พลังทั้งหมดของเขา อย่างมากเขาก็ทำได้แค่ตัดหินก้อนน้อยๆออกไปเท่านั้น เจ้ากังวลมากเกินไปแล้ว”
“เจ้าพูดถูก ปราสาทนภามีทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ถึงแม้ข้าจะให้เขาเอาพวกมันไปได้ มันจะมากสักแค่ไหนกัน? นี่เหมือนกับมดแกว่งอุ้งเท้าใส่ต้นไม้” ผู้นำของปราสาทนภาพูดเพื่อแสดงความมั่นใจ
ผู้นำของปราสาทนภาไม่สามารถหยุดหานเซิ่นจากการทำแบบนั้นได้ เพราะนี้มันเป็นธรรมเนียมดั้งเดิมของศิษย์ทุกคนที่จะไปจากปราสาทนภา และหานเซิ่นก็ไม่ใช่คนเดียวที่พยายามจะทำอะไรแบบนั้น
และยังไงซะทางปราสาทนภาก็ไม่ได้ขาดแคลนหินมหาสมุทร เพราะถ้าพวกเขาขาดแคลนพวกมันล่ะก็ พวกเขาก็คงจะไม่ใช้พวกมันเป็นแค่อนุสาวรีย์มหาสมุทร
ซึ่งแม้แต่ศิษย์ที่เก่งกาจของปราสาทนภาก็ยังได้รับเพียงแค่หินชิ้นน้อยๆที่หลุดออกมาจากการสลักลงบนกำแพง มันมีเพียงแค่อี๋ซาคนเดียวที่สามารถตัดยอดภูเขาจนขาดออกมาได้ มันไม่เคยมีใครทำได้แบบเธอมาก่อน
ตอนนี้ทุกคนจับต้องไปที่หานเซิ่นที่ยังคงยืนนิ่งอยู่บนก้อนเมฆสีแดงของเขา เขามองลงมาที่ยอดของภูเขา แต่เขายังคงไม่กล้าลงไปหามัน
หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและหินมหาสมุทรก็กลายเป็นลำดับโครงสร้างในสายตาของเขา เขาพบรูเล็กๆนั่น
“มันอยู่ที่นี่” หานเซิ่นกระโดดออกจากคลาวด์บีสต์สีแดงและลงมายืนอยู่บนยอดเขา จากนั้นเขาก็นำมีดเขี้ยวผีสิงออกมา
หานเซิ่นยิ้มออกมา “ในเมื่อการเอาหินมหาสมุทรชิ้นเล็กๆกลับไปเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ งั้นมาดูซิว่าแมลงที่อยู่ภายในจะยังมีชีวิตอยู่ไหม”
หานเซิ่นสนใจจะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่สร้างหินมหาสมุทรขึ้นมามากกว่า ด้วยเหตุนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะตัดเอาหินมหาสมุทรกลับไป เขาชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและรวมพลังไปที่ปลายของมัน
เป่าเอ๋อยังคงนั่งอยู่บนไหล่ของหานเซิ่น เธอสังเกตมีดของเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น หลังจากนั้นเธอก็หันไปมองที่หินมหาสมุทร เธอดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
แต่คนอื่นๆไม่เข้าใจถึงเจตนาของหานเซิ่นในตอนที่เขาชักมีดออกมาแบบนั้น
“นี่อาจารย์หานกำลังจะสลักตัวอักษรเอาไว้บนยอดของภูเขาอย่างนั้นหรอ? ยอดภูเขาดูเหมือนจะเป็นจุดที่ดีก็จริง แต่แบบนั้นมันจะมองจากด้านล่างไม่เห็น”
“มันไม่มีทางเป็นเพียงแค่การเขียนชื่อเอาไว้ โดยปกติแล้วผู้คนที่จะเขียนชื่อเอาไว้บนกำแพง พวกเขาจะไม่เขียนเอาไว้บนที่ราบ เพราะถ้าเขาเขียนชื่อของตัวเองเอาไว้บนนั้น ผู้คนที่ขึ้นไปบนยอดเขาก็จะเหยียบชื่อของเขา หานเซิ่นเป็นคนฉลาด ข้ามั่นใจว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรโง่เขลาแบบนั้น”
“ถ้าเขาไม่คิดจะเขียนอะไร แล้วเขาขึ้นไปบนนั้นด้วยจุดประสงค์อะไรกัน?”
ทุกคนรู้สึกสับสนและไม่สามารถคาดเดาถึงสิ่งที่หานเซิ่นคิดจะทำได้ แม้แต่ผู้หญิงสวมหน้ากากที่ยืนอยู่ข้างๆผู้นำปราสาทนภาก็ยังขมวดคิ้ว
“นี่เขากำลังจะทำอะไร? ถ้าเขาต้องการจะตัดหินมหาสมุทร นั่นไม่ใช่ตำแหน่งที่ดี”
ผู้นำของปราสาทขมวดคิ้วขณะที่มองหานเซิ่น บางสิ่งดูผิดปกติ หานเซิ่นเป็นเพียงแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ดังนั้นมันไม่มีทางที่เขาจะตัดหินมหาสมุทรออกมาจากมุมนั้นได้
ยวิ๋นซู่อีและคนอื่นๆมองหานเซิ่นด้วยความสบสัน พวกเขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นจะทำอะไรเช่นกัน
หานเซิ่นกำมีดเขี้ยวผีสิงในมือแน่นขึ้นเรื่อยๆขณะที่เขารวมพลังไปที่ปลายของมีด
หานเซิ่นเรียนรู้การรวมพลังไปที่จุดเดียวมาจากเผ่าดราก้อน และเขาก็ฝึกฝนจนสามารถทำให้มีดเส้นไหมมีขนาดเล็กมากๆ เขามีแผนที่จะปล่อยมันเข้าไปในรูขนาดเล็กนั่น และถ้าเจ้าแมลงหินยังมีชีวิตอยู่ มันก็ต้องมีปฏิกิริยาอะไรบางอย่างเมื่อสัมผัสกับมีดเส้นไหม
แน่นอนว่าหานเซิ่นไม่ได้มีแผนจะฆ่ามัน เขาแค่พยายามจะสัมผัสถึงตำแหน่งของแมลงหินเท่านั้น ถ้ามีดเส้นไหมของเขาไปถูกตัวแมลงหิน มันก็ต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน แถมหานเซิ่นก็มั่นใจในการควบคุมมีดเส้นไหมของตัวเอง
แต่ภูเขามหาสมุทรมีความสูงถึงหนึ่งหมื่นเมตร ถึงแม้แมลงหินจะอยู่ที่ใจกลางของมัน มันก็ยังคงอยู่ห่างออกไปเป็นพันๆเมตร มันไม่ใช่ว่ามาร์ควิสจะสามารถส่งมีดเส้นไหมออกไปได้ไกลถึงขนาดนั้น
แต่หานเซิ่นเชี่ยวชาญทั้งวิชาจันทราและคลื่นหยินหยาง ไม่อย่างนั้นการส่งมันไปในระยะที่ไกลขนาดนั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่ถึงจะพูดแบบนั้นเขาก็ไม่มั่นใจมากนัก ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องใช้สมาธิทั้งหมดไปกับเรื่องนี้
ทุกคนจับจ้องไปที่หานเซิ่น ขณะที่มือทั้ง 2 ข้างของเขากำมีดเขี้ยวผีสิงเอาไว้แน่น มีดของเขาชี้ลงไปด้านล่างและแสงสีม่วงดำก็เรืองขึ้นมาทั่วทั้งใบมีด มันเหมือนกับว่ากำลังมีปีศาจคำรามออกมาจากมีดเล่มนั้น
หานเซิ่นส่งพลังทั้งหมดไปที่มือ ขณะปลายของมีดแทงลงไปในรูขนาดเล็กนั่น
พลังของเขาพุ่งลงไปภายในรูขนาดเล็กนั้น ขณะที่มีดเขี้ยวผีสิงถูกแทงจมลงไปในหินจนเหลือแค่ด้ามจับที่โผล่ขึ้นมา
หานเซิ่นคุกเข่าลงกับพื้นขณะที่มือทั้ง 2 ข้างยังคงจับที่ด้ามของมีด เขาอยู่ในท่านั้นต่อไปโดยไม่ดึงมีดกลับขึ้นมา
ทุกคนตกใจไปที่เห็นแบบนั้น มีดของหานเซิ่นแทงลึกเข้าไปในหินมหาสมุทรจนถึงด้าม โดยปกติแล้วมาร์ควิสคนหนึ่งไม่มีโอกาสจะใช้มีดแทงทะลุเข้าไปในหินนั้นได้ แม้แต่จะแทงลึกเข้าไปเพียงไม่กี่นิ้วก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
ถึงนั่นจะดูเป็นอะไรที่ไม่ธรรมดา แต่เมื่อเทียบกับชื่อเสียงของหานเซิ่นแล้ว มันก็ยังน้อยกว่าที่ผู้ชมคาดหวังในตัวเขา คนอื่นในปราสาทนภาคิดว่าหานเซิ่นจะทำอะไรที่น่าประทับใจมากกว่านั้น พวกเขาคาดคิดว่าหานเซิ่นจะวาดหรือเขียนอะไรบางอย่าง แต่หานเซิ่นไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร
ผู้ชมไม่รู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จริงๆแล้วการแทงของหานเซิ่นก็เพื่อส่งมีดเส้นไหมลงไปในรู ตอนนี้พวกมันกำลังเดินทางลึกลงไปภายในภูเขา
ขณะที่มีดเส้นไหมพุ่งลงไปภายในรู หานเซิ่นก็รู้ว่าไม่สามารถเสี่ยงปล่อยให้พวกมันสัมผัสกับหินมหาสมุทรได้ ไม่อย่างนั้นมีดเส้นไหมของเขาก็จะถูกหยุดในทันที
การบังคับให้มีดเส้นไหมพุ่งลึกลงไปในช่องทางแคบเป็นพันๆเมตรนั้นเป็นบางสิ่งที่น้อยคนจะทำได้
นอกจากนั้นรูก็เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ด้วยเหตุนั้นรูจึงไม่ตรงเป๊ะเหมือนกับถูกเจาะด้วยเลเซอร์ และถ้ามีดเส้นไหมของเขาสัมผัสกับผิวขรุขระของรู มันก็จะจบเกมส์ทันที ถ้าไม่มีความสามารถในการสัมผัสสิ่งต่างๆและควบคุมมีดเส้นไหมได้อย่างแม่นยำ เขาก็ไม่มีทางจะส่งพวกมันไปในตำแหน่งที่ต้องการได้