หลังจากที่เดินทางออกจากดาวเบลด หานเซิ่นก็ไม่ได้เห็นผู้หญิงคนนั้นอีก เขาไปถามแบล็คสตีลเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น และเขาก็ถูกบอกว่าเอ็กซ์ตรีมคิงส่งคนมาที่นี่จริงๆ แต่นอกจากราชากงล้อจันทราและราชาคนอื่นๆแล้ว ไม่มีใครเคยได้พบกับเธอมาก่อน ด้วยเหตุนั้นตัวตนของเธอจึงยังปริศนาสำหรับพวกเขา
ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มสนใจในเผ่าพันธุ์ที่ชื่อเอ็กซ์ตรีมคิงขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นหมัดที่ผู้หญิงคนนั้นใช้ พวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน แต่หมัดที่เธอปลดปล่อยออกมาเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง หานเซิ่นมีวิชาจีโนอยู่หลายตัว แต่เขาเชื่อว่ามีเพียงแค่วิชาเดียวที่สามารถต่อกรกับเธอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นก็คือเบรกซิกซ์สกาย
ส่วนพลังของท่าตบขั้นสุดยอด หานเซิ่นใช้มันได้เฉพาะตอนที่เป็นดอลลาร์เท่านั้น ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะถูกจำได้ เพราะยังไงซะนั่นก็พลังประจำตัวของดอลลาร์
แต่หลังจากที่ได้เผชิญหน้ากันครั้งนั้น หานเซิ่นก็ไม่ได้เห็นผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงอีกเลย บางทีเธออาจจะไปจากแนร์โรว์มูนแล้ว
เมื่อใกล้จะถึงวันที่หนึ่งของเดือน หานเซิ่นก็เดินทางไปที่ตำหนักเย็น ถ้าอี๋ซาส่งให้เขามาจัดการเรื่องนี้ เขาก็รู้ว่ามันเป็นบางสิ่งที่สำคัญ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่อยากจะไปสาย
หานเซิ่นเลือกนั่งลงบนระเบียงหน้าบ้านหิน บริเวณระเบียงค่อนข้างสะอาดราวกับว่ามีคนมาอยู่บ่อยๆ มันสะอาดกว่าตัวบ้านหินมาก และมันก็เหมือนกับว่าอี๋ซาเองก็นั่งลงตรงนี้เช่นกัน ในตอนที่เธอเป็นคนทำหน้าที่เฝ้าบ้านหินหลังนี้
ขณะที่หานเซิ่นนั่งลงบนระเบียงและรอให้ถึงวันใหม่ เขาก็สังเกตไปที่ประตูหิน แต่เขามองไม่เห็นอะไรภายในตัวบ้าน
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ และในที่สุดเข็มนาฬิกาก็ชี้ไปที่เลข 12 หลังจากนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกว่าอุณหภูมิต่ำลงอย่างกะทันหัน
หานเซิ่นมองไปที่บ้านหินและสังเกตเห็นว่าลมหนาวออกมาจากตัวบ้าน
แต่ไม่ว่าอุณหภูมิจะลดลงมากแค่ไหน มันก็ไม่มีน้ำแข็งปรากฏขึ้นบนกำแพง และบ้านหินก็ยังดูเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
ขณะที่หานเซิ่นสังเกตด้วยความสงสัย ประตูของบ้านหินก็เปิดออกอย่างไร้เสียงใดๆ มันเผยให้เห็นทางเข้าที่เหมือนกับถ้ำที่มืดสนิท
เมื่อหานเซิ่นมองเข้าไปข้างใน เขาก็รู้สึกตัวว่ามันเป็นถ้ำจริงๆ มันมีถ้ำอยู่ภายในบ้านหินและความหนาวเย็นก็ออกมาจากความมืดมิดนั้น
ตอนนี้ความหนาวเย็นซัดออกมาจากประตูราวกับคลื่น มันแช่แข็งแม่น้ำและน้ำตกที่อยู่ใกล้ๆในทันที
‘นั่นเป็นลมหนาวที่ทรงพลังมาก’ หานเซิ่นตกตะลึง ขณะเดียวกันแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นก็เริ่มเรืองแสงออกมา มันปกป้องเขาจากความหนาวเย็น
หานเซิ่นอยากจะใช้ลมหนาวเพื่อฝึกวิชากายหยก แต่แผ่นหยกกีดขวางลมหนาวจากการสัมผัสตัวของเขา หานเซิ่นอยากจะโยนแผ่นหยกทิ้งไป แต่จู่ๆก็มีเสียงดังออกมาจากในถ้ำหิน
หานเซิ่นหันมองไปถ้ำหิน แต่มันมืดสนิทจนแม้แต่สายตาของหานเซิ่นก็มองอะไรไม่เห็น
แต่เขายังคงได้ยินเสียงบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในความมืด ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็มีตัวอะไรบางอย่างออกมาจากความมืด มันมีความสูงเพียงแค่ครึ่งเมตรเท่านั้น
หานเซิ่นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ขณะที่พยายามจะคาดเดาว่ามันคืออะไร น่าแปลกที่เจ้าสิ่งนั้นดูเหมือนกับคางคกที่ทำมาจากหยกสีเขียว
กลุ่มสัญลักษณ์สีแดงสลักอยู่บนของมัน ร่างกายของมันดูหนาวเย็นมากๆ และเมื่อมันปรากฏตัวออกมา อุณหภูมิก็ต่ำลงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างรอบๆตัวมันปกคลุมด้วยน้ำแข็งในทันที ทั้งภูเขา แม่น้ำ พืช ต้นไม้และสัตว์ทั้งหมดถูกแช่แข็งไป มันดูเหมือนกับว่าแม้แต่อวกาศและกาลเวลาก็ถูกแช่แข็งเช่นกัน ทั้งโลกเงียบสงัดไปเมื่อเจ้าคางคกปรากฏตัวออกมา แม้แต่สายลมก็หยุดไป
ที่หานเซิ่นยังเคลื่อนไหวได้ นั่นเป็นเพราะแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นคอยปกป้องเขาจากพลังอันหนาวเย็น
หานเซิ่นรู้สึกตกใจเมื่อได้เห็นมัน “มันเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าหรอเนี่ย? ไม่รู้มาก่อนเลยว่าในแนร์โรว์มูนมีสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าอยู่ด้วย บางสิ่งที่ทรงพลังถึงขนาดนี้รับใช้แนร์โรว์มูนจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับตัวตนของมัน เจ้าคางคกสีเขียวก็ออกมาบ้านหินอย่างเต็มตัว มันดูเป็นตัวอะไรที่ลื่นไหล ขณะที่มันสไลด์ออกมาจากประตูและหันมามองที่หานเซิ่น แต่เมื่อมันสังเกตเห็นแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น มันก็เลิกสนใจเขาและเดินออกไปทางน้ำตก
หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ‘โชคดีที่เราไม่ได้โยนแผ่นหยกทิ้งไปซะก่อน ไม่รู้ว่าวิชากายหยกจะต้านทานพลังหนาวเย็นนี้ได้หรือเปล่า และอีกอย่างเจ้าตัวนี้ก็ดูเหมือนจะจดจำแผ่นหินได้ ฉันเดาว่ามันคงจะฆ่าทุกคนที่ไม่มีแผ่นหยกนี้อยู่ และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนจำเป็นต้องมีแผ่นหยกเพื่อมาที่นี่’
คางคกหยกกระโดดลงไปในน้ำตก และน้ำแข็งรอบๆตัวของมันก็เริ่มจะละลาย
ในชั่วพริบตาก็มีแอ่งน้ำเกิดขึ้นรอบๆตัวเจ้าคางคก แต่น้ำตกยังคงเป็นน้ำแข็ง ดังนั้นมันจึงไม่มีน้ำไหลลงมา
หลังจากนั้นเจ้าคางคกสีเขียวก็ดำลงไปในน้ำและหายตัวไป
หานเซิ่นไม่รู้ว่าแอ่งน้ำลึกมากแค่ไหน เขาเห็นแค่หนึ่งร้อยเมตรแรกเท่านั้น เขาไม่รู้ว่ามันมีอะไรอยู่ที่ก้นบึ้ง
หลังจากที่เจ้าคางคกดำลงไปในน้ำ มันก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับออกมา หานเซิ่นถูกเลือกให้มาเฝ้าที่นี่ แต่เขาไม่รู้ว่าเจ้าคางคกนั้นจะกลับออกมาเมื่อไหร่
‘อี๋ซาต้องการให้เรามาเฝ้าที่นี่ แต่ทำไมกัน เพื่อให้เรามองดูคางคกตัวหนึ่งดำลงไปในน้ำอย่างนั้นหรอ?’ หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดนี้ แต่เขายังหาข้อสรุปที่สมเหตุสมผลไม่ได้
“ช่างเถอะ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้าคางคกนั้นจะกลับมาออกมา ดังนั้นเราควรจะใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์” หานเซิ่นเริ่มใช้วิชากายหยกและร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง หลังจากนั้นเขาก็วางแผ่นหยกลงข้างๆตัว
ทันทีที่หานเซิ่นปล่อยมือจากแผ่นหยก เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่แท้จริงของลมหนาว มันแช่แข็งร่างกายและเลือดของเขาในเวลาอันสั้น
หานเซิ่นรู้สึกตกใจกับพลังของมัน กายหยกระดับมาร์ควิสทำให้เขามีความสามารถในการแช่แข็งคนอื่น ด้วยเหตุนั้นการต้านทานต่อความหนาวเย็นของเขาควรจะสูงมากๆ แต่ตอนนี้เขาแทบจะไม่สามารถทนต่อเศษเสี้ยวของพลังอันหนาวเย็นที่เจ้าคางคกปลดปล่อยออกมาได้
“สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้านี่น่ากลัวจริงๆ” แต่ก่อนที่หานเซิ่นจะกลายเป็นน้ำแข็งโดยสมบูรณ์ เขาก็รีบคว้าแผ่นหยกกลับขึ้นมา
แต่มันยังมีลมหนาวหลงเหลือในร่างกายของเขา พลังของแผ่นหยกเป็นเหมือนกับโล่ป้องกัน มันไม่สามารถขจัดลมหนาวที่อยู่ภายในตัวของเขาได้
หานเซิ่นรู้สึกหนาวมากๆ แขนขาของเขาเริ่มจะรู้สึกชาขึ้นมา เขารีบใช้กายหยกเพื่อขจัดความหนาวเย็นภายในร่างกาย