พลังในการแช่แข็งของคางคกระดับเทพเจ้าตัวนี้เป็นอะไรที่แปลกประหลาด ถึงแม้หานเซิ่นจะพยายามใช้วิชากายหยก แต่เขาก็ไม่สามารถลบล้างมันออกไปจากร่างกายได้
ถ้าไม่มีวิชากายหยกช่วยเสริมความทนทานต่อความหนาวเย็น มาร์ควิสคนไหนๆก็คงจะแข็งตายไปหมดแล้ว
แม้แต่หานเซิ่นก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะหมดสติไป เขาพยายามใช้วิชากายหยกอย่างเต็มที่เพื่อขจัดอากาศอันหนาวเย็นออกไปจากร่างกาย
หานเซิ่นใช้วิชากายหยกซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อที่จะกำจัดอากาศอันหนาวเย็นออกไป กระดูกและกล้ามเนื้อของเขากลายเป็นสิ่งที่โปร่งใสเหมือนกับหยก
ขณะที่หานเซิ่นกำลังขจัดพลังอันหนาวเย็นของคางคกออกไปนั้น เขาก็รู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วเจ้าคางคกระดับเทพเจ้านั้นน่ากลัวมากแค่ไหน สิ่งที่หานเซิ่นกำลังรับมือเป็นอะไรที่มากกว่าแค่ความหนาวเย็น มันมีพลังธาตุอวกาศและกาลเวลาผสมอยู่ด้วย นี่เป็นพลังที่สามารถแช่แข็งสิ่งต่างๆในการเวลาได้ และถึงแม้นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นเห็นอะไรแบบนี้ แต่เขาก็รู้ทันทีว่าเจ้าคางคกตัวนี้น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
หานเซิ่นใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมงในการพยายามจะกำจัดลมหนาวของคางคกออกไป แต่เขาก็ยังไม่สามารถสามารถลบล้างพวกมันออกไปได้อย่างสมบูรณ์ ถ้าดยุกธรรมดาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับหานเซิ่น พวกเขาก็คงจะตายไปแล้ว
หลังจากผ่านไป 20 ชั่วโมง ในที่สุดหานเซิ่นก็สามารถลบล้างความหนาวเย็นออกไปได้จนหมด และตลอดช่วงเวลานั้น เขาก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายจากสิ่งที่ต้องรับมือ
“ขั้นสุดท้ายของพลังน้ำแข็งไม่ใช่ว่าพวกมันหนาวเย็นได้แค่ไหน เราเคยใช้กายหยกเพื่ออัญเชิญโครงกระดูกหยกน้ำแข็ง ตอนนี้เมื่อลองมาคิดดูอีกที นั่นคือวิถีที่แท้จริงของกายหยก การฝึกฝนภายในก็อตแซงชัวรี่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของศักยภาพที่แท้จริง มันเป็นเหมือนกับการเตรียมตัวล่วงหน้าเพื่อสิ่งต่างๆจะสำเร็จได้ง่ายขึ้นในอนาคต ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนสร้างก็อตแซงชัวรี่ที่พิเศษขนาดนี้ มันยังคงมีปริศนามากเกินไป”
สิ่งมีชีวิตภายในก็อตแซงชัวรี่สามารถเก็บสะสมจีโนพ้อยขั้นสุดยอดเพื่อให้ได้รับร่างกายขั้นสุดยอดมา ร่างกายขั้นสุดยอดของหานเซิ่นถูกเรียกว่าราชาสปิริตขั้นสุดยอด ร่างกายขั้นสุดยอดของทุกคนจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งของแต่ละคนก็จะเป็นอะไรที่น่าประทับใจเหมือนกันหมด
สิ่งมีชีวิตไหนๆที่ออกมาจากก็อตแซงชัวรี่โดยที่เก็บจีโนพ้อยขั้นสุดยอดจนเต็มจะมีพรสวรรค์ที่สามารถเทียบได้กับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงในจักรวาลจีโน หรืออาจจะเหนือกว่าในบางด้านด้วยซ้ำ
“ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้เป็นมนุษย์ แต่มอนสเตอร์และสปิริตที่ออกมาจากก็อตแซงชัวรี่ก็มีความแข็งแกร่งที่คล้ายคลึงกับเผ่าพันธุ์ชั้นสูงในจีโนฮอลล์ มันเป็นอะไรที่น่ากลัวเมื่อคิดถึง ใครก็ตามที่สร้างก็อตแซงชัวรี่ขึ้นมาต้องน่าสะพรึงกลัวมาก”
คางคกระดับเทพเจ้าตัวนั้นยังคงไม่กลับออกมา ดังนั้นหานเซิ่นจึงใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อมองดูพลังหนาวเย็นของมัน และดูว่าเขาจะสามารถวิเคราะห์อะไรได้บ้าง
มันเป็นเรื่องยากที่จะวิเคราะห์พลังของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า การวิเคราะห์จึงเป็นไปอย่างช้าๆ แต่มันก็คืบหน้าไปเรื่อยๆ และมันก็ทำให้เขาเข้าใจพลังน้ำแข็งยิ่งกว่าเดิมมาก
หลังจากที่ผ่านไป 24 ของวันแรก แอ่งน้ำก็เริ่มกระเพื่อมและคางคกระดับเทพเจ้าก็ออกมาจากแอ่งน้ำ หานเซิ่นมองดูคางคกระดับเทพเจ้าจนกระทั่งมันกลับเข้าไปในถ้ำหิน ก่อนที่เขาจะหันความสนใจกลับไปที่แอ่งน้ำ
หานเซิ่นใช้ดวงตาสีม่วงตรวจสอบน้ำของแอ่ง ในนั้นเขาได้เห็นพวกลูกอ๊อดหยกว่ายอยู่ พวกมันมีขนาดพอๆกับกำปั้น และพวกมันก็ว่ายไปรอบๆแอ่งน้ำราวกับมรกต
“ทายาทของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า?” หานเซิ่นค่อนข้างตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น มันมีลูกอ๊อดหยกอยู่ 30-40 ตัว ซึ่งมันมากกว่าที่หานเซิ่นคาดคิด ถ้าพวกมันเติบโตขึ้น พวกมันทั้งหมดก็คงจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า มันเป็นอะไรที่น่ากลัวเมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น
แต่จักรวาลจีโนแตกต่างไปจากก็อตแซงชัวรี่ ทายาทของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าจะมีเลือดที่ดีกว่า แต่ถ้าพวกมันต้องการกลายเป็นเทพเจ้าเหมือนกัน พวกมันก็ยังต้องเพิ่มระดับขึ้นอย่างช้าๆ การจะกลายเป็นระดับเทพเจ้าไม่ใช่สิ่งที่จะได้มาตั้งแต่เกิด เพราะมันยังจำเป็นต้องใช้ความพยายามและโชค
เมื่อเจ้าคางคกระดับเทพเจ้ากลับเข้าไปในบ้านหิน ประตูของมันก็ปิดลง ขณะที่พวกลูกอ๊อดหยกยังคงว่ายไปมาในแอ่งน้ำอย่างร่าเริง
แม่น้ำและน้ำตกเริ่มจะละลาย หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็กลับมาไหลเวียนตามปกติ
ในที่สุดหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่างานของผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นไม่ใช่คอยปกป้องเจ้าคางคก แต่เป็นลูกอ๊อดของเจ้าคางคกต่างหากที่เขาต้องปกป้อง ขณะที่พวกมันกำลังว่ายไปมาภายในน้ำ
เมื่อเห็นว่าพวกลูกอ๊อดเริ่มว่ายขึ้นน้ำตกไป หานเซิ่นก็ใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อคอยจับตามองพวกเขา เขาไม่คิดจะปล่อยให้สิ่งมีชีวิตไหนมากินพวกมันได้
แต่หานเซิ่นคิดมากเกินไป เพราะทางรีเบทได้สั่งการสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในบริเวณนี้หมดแล้ว มันไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนอีกที่จะปรากฏตัวขึ้นมา และทำร้ายลูกอ๊อดพวกนั้น
การยืนเฝ้าที่นี่ตามลำพังก็เพื่อรับประกันความปลอดภัยของสถานที่แห่งนี้ นอกจากนั้นแล้วมันยังมีผลประโยชน์ให้ได้รับ
หลังจากที่เล่นบนผิวน้ำอยู่สักพัก เหล่าลูกอ๊อดก็เริ่มดำลงไปในแอ่งน้ำและหายตัวไป
“พลังอันหนาวเย็นคือผลประโยชน์ที่ผู้พิทักษ์จะได้รับอย่างนั้นหรอ? แต่นั่นมันไม่สมเหตุสมผล เพราะมาร์ควิสธรรมดาไม่มีทางทนต่อพวกมันได้ และมันก็ไม่ใช่ว่าขุนนางทุกคนจะฝึกพลังหนาวเย็นเช่นกัน ดังนั้นรางวัลที่แท้จริงไม่น่าจะเป็นสิ่งนั้นไปได้ มันต้องมีอะไรอย่างอื่นที่เรายังหาไม่เจอ” หานเซิ่นตรวจสอบบริเวณรอบๆอยู่สักพัก แต่เขาก็ไม่เจออะไร สุดท้ายแล้วเขาก็ออกจากตำหนักเย็นไป ขณะที่ยังคงสงสัยว่าจะได้รับประโยชน์อะไรกันแน่
ครึ่งเดือนต่อมา หานเซิ่นก็กลับมาที่ตำหนักเย็นอีกครั้ง และเมื่อถึงเวลาเจ้าคางคกระดับเทพเจ้าก็ปรากฏตัวออกมา ครั้งนี้เมื่อมันลงไปในแอ่งน้ำ กลุ่มลูกอ๊อดก็ว่ายขึ้นมาบนผิวน้ำ หลังจากนั้นพวกมันก็ขึ้นไปบนน้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็ง
เหล่าลูกอ๊อดกระดิกหางของพวกมันเพื่อว่ายขึ้นไป และเมื่อพวกมันขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ว พวกมันก็ไปล้อมคางคกระดับเทพเจ้าเอาไว้และมองดูพระจันทร์ที่มีอยู่เต็มท้องฟ้าของแนร์โรว์มูน
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นเจ้าคางคกอ้าปากของมัน หลังจากนั้นพระจันทร์หลายต่อหลายดวงก็ออกมาจากปากของมันและลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
เหล่าพระจันทร์ดูเหมือนจะมีสัญลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลง ทุกอย่างส่องสว่างภายใต้แสงของพระจันทร์ และในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างภายใต้แสงจันทร์ก็ถูกหยุดไป
แม้แต่นกที่บินอยู่บนท้องฟ้าก็หยุดเคลื่อนไหวเช่นกัน แต่พวกมันไม่ได้ร่วงลงมา พวกมันแค่ถูกแช่แข็งเอาไว้กลางอากาศ
หานเซิ่นมีแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นคอยปกป้องอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ถูกแช่แข็งไปด้วย เขายังคงยืนมองดูพระจันทร์เปลี่ยนสัญลักษณ์ของพวกมัน หลังจากนั้นพลังงานภายในร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง
เมื่อพลังงานของหานเซิ่นเริ่มเคลื่อนไหว ลำแสงของพระจันทร์ก็พุ่งทะลุผ่านม่านพลังที่ปกป้องเขาอยู่ มันพุ่งตรงไปที่ร่างกายของเขาเพื่อชำระล้างเซลล์ทั้งหมดของเขาอย่างอ่อนโยน