หานเซิ่นมองดูบาร์ด้วยความประหลาดใจ พลังของหานเมิ่งเอ๋อเป็นที่สุดในบรรดามาร์ควิสทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย เธอทรงพลังไม่ต่างจากในตอนที่หานเซิ่นใช้วิชาเบรกซิกซ์สกาย
แต่ถึงจะถูกพลังมหาศาลแบบนั้นเข้าไป บาร์ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างความเร็วจนน่าตกใจ นอกจากนั้นพลังชีวิตภายในร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย นั่นเป็นบางสิ่งที่มากกว่าความสามารถในการรักษาธรรมดาๆ เห็นได้ชัดว่านั่นคือเหตุผลที่ทำให้บาร์มีร่างกายที่แข็งแกร่งและรอดชีวิตจากการไล่ล่าของดราก้อนวันทั้งๆที่เป็นเพียงแค่ดยุกคนหนึ่ง
“ดวงตาของเขาดูกระหายเลือดราวกับว่าการฆ่าฟันคือสิ่งเดียวที่เขาต้องการ ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่มีสิ่งไหนที่เขามองเห็นถ้าไม่ใช่เหยื่อของเขา” หานเซิ่นรู้ว่าชายคนนั้นหลงรักการพรากชีวิตคนอื่น
‘ผู้ที่เกิดมาเป็นเครื่องจักรสังหาร’ หานเซิ่นคิด
ใบหน้าของบาร์ดูตื่นเต้นจนน่ากลัว มันเป็นภาพที่ค่อนข้างน่าขนลุก เขาเลียริมฝีปากของตัวเองขณะที่จ้องมองหานเมิ่งเอ๋อ เขาเริ่มเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ ขณะที่มีเลือดไหลออกมาจากมีดกระดูกและแพร่กระจายออกไป หลังจากนั้นมันก็เริ่มลุกเป็นเปลวไฟสีดำ มันแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขาและทำให้เขาดูเหมือนกับปีศาจ
หานเมิ่งเอ๋อกำลังจะยกธนูขึ้นอีกครั้ง แต่หานเซิ่นหยุดเธอเอาไว้ เขายิ้มและพูด “ให้พ่อจัดการเอง ร่างกายของเขาแปลกประหลาด พ่อคิดว่าพวกเราจำเป็นทำบางสิ่งที่มากกว่าการสร้างความเสียหายธรรมดา”
ธนูของหานเมิ่งเอ๋อมีพลังทำลายล้างสูงที่สุดในบรรดามาร์ควิสทั้งหมด แต่ตอนนี้มันไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าบาร์ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่ต้องให้เธอเสี่ยงทำอะไรมากไปกว่านั้น
เมื่อหานเมิ่งเอ๋อผ่อนนิ้วมือของเธอ ธนูก็หายไป หลังจากนั้นเธอก็เดินไปประจำตำแหน่งด้านหลังของหานเซิ่น
เมื่อบาร์เห็นหานเซิ่นเข้ามาขวาง ใบหน้าของเขาก็ดูมืดมัว เขาฟันมีดกระดูกเข้าใส่หานเซิ่นพร้อมกับตะโกน
“ไสหัวไปซะ!”
เป้าหมายดั้งเดิมของบาร์คือหานเซิ่น แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจว่าหานเมิ่งเอ๋อคือเหยื่อของเขา เขาไม่สนใจหานเซิ่นอีกต่อไป และทั้งหมดที่เขาต้องการจะทำในตอนนี้ก็คือฆ่าหานเมิ่งเอ๋อ เขาดูเหมือนกับว่าคนที่หิวกระหายมาตลอด 3 วัน 3 คืนโดยไม่ได้กินอาหารอะไร และตอนนี้อาหารที่ก็ถูกแย่งไปจากเขา
หานเซิ่นดูใจเย็นขณะที่ชักมีดเขี้ยวผีสิงออกมาและฟันไปใส่บาร์
เมื่อมีดของทั้งคู่ปะทะกัน เลือดสีดำและลมปราณสีม่วงก็แตกสลาย ใบมีดปะทะกันด้วยแรงที่มากพอจะฉีกมิติจนขาด มิติรอบๆแตกร้าวจากแรงปะทะราวกับใยแมงมุมจริงๆ
“ตายซะ!” ใบหน้าของบาร์ดูตื่นเต้นอย่างน่าเกลียดมากขึ้นๆ ไฟในดวงตาของเขาดูเหมือนจะเป็นของจริงขึ้นมา เขามองไปที่หานเซิ่นและกวัดแกว่งมีดกระดูกอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
วิชามีดของบาร์นั้นหยาบมากๆ เขาไม่ได้มีทักษะหรือเทคนิคอะไรพิเศษ เขาดูแตกต่างจากนักสู้อย่างไผ่เดียวดายอย่างมาก
วิชามีดของเขาทั้งหยาบ ป่าเถื่อนและเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง เขาไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับรายละเอียดยิบย่อย วิชาของเขาเน้นไปที่พละกำลังเพียงอย่างเดียว
ในสายตาของหานเซิ่น บาร์เป็นเหมือนคนที่เกิดมาเพื่อทำลายสิ่งต่างๆ มันเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองด้วยซ้ำ ทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางทางเขา
ด้วยเหตุนั้นถึงแม้วิชามีดของเขาจะเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง บาร์ก็ไม่สนใจ เขาไม่แม้แต่จะพยายามแก้ไขมัน เขาแค่ต้องการฆ่าคู่ต่อสู้ที่พบ
ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า!
ใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวของบาร์ตะโกนออกมาซ้ำๆ มีดกระดูกของเขากวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่งโดยมีเป้าหมายคือการกลืนกินร่างกายของหานเซิ่น
มีดเขี้ยวผีสิงของหานเซิ่นเฉือนไปที่อกของบาร์ รอยตัดลึกปรากฏขึ้นพร้อมกับมีเลือดและลมปราณสีม่วงรั่วไหลออกมาจากรอยแผลนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นบาร์ก็ไม่สนใจ บาดแผลที่ได้รับไม่ได้ชะลอการจู่โจมของบาร์เลยแม้แต่น้อย จริงๆแล้วมันทำให้เขาดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม
ถึงแม้จะไม่สามารถรักษาบาดแผลได้เนื่องจากถูกพลังเขี้ยว แต่การโจมตีก็ยังไม่พอจะฉีกร่างกายของเขา ลมปราณสีม่วงยังอยู่ที่เดิมและไม่แพร่ขยายออกไปไหน
หานเซิ่นจึงฟันใส่ร่างกายของเขาเป็นอีกสิบแผล แต่พวกมันดูจะไม่ได้ผลดีนัก และมันก็ดูเหมือนว่าบาร์จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ทั้งหมดที่เขาต้องการในตอนนี้ก็คือเห็นหานเซิ่นตาย
มีดเขี้ยวผีสิงและมีดกระดูกปะทะกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงแรงที่ถูกส่งเข้ามาสู่ตัวของเขา ทำให้เขาถูกส่งกระเด็นออกไปกว่า 50 เมตร
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที พละกำลังของบาร์ก็เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และยิ่งไปกว่านั้นมันก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บาดแผลที่ได้รับไม่ได้ทำให้เขาอ่อนแอลง จริงๆแล้วพวกมันทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
“หานเซิ่นเป็นคนที่แข็งแกร่ง เขาไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไผ่เดียวดายเลย ดยุกธรรมดาไม่มีทางเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เขาเลือกศัตรูผิดคน บาร์เป็นเครื่องจักรสังหารอย่างแท้จริง ในระหว่างการต่อสู้ เขาจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ราชันอย่างดราก้อนวันก็ฆ่าเขาไม่ได้” เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกมองดูหานเซิ่นและยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ
ชิงหลีสังเกตสถานการณ์ของหานเซิ่นและรับรู้ว่ามันดูไม่สู้ดีนัก
“ร่างกายของบาร์คืออะไรกันแน่? ทำไมพลังเขี้ยวถึงไม่แพร่กระจายไปทั่วร่างของเขา?”
หานเซิ่นเองก็เริ่มเข้าใจว่าบาร์แข็งแกร่งถึงขนาดไหน เขารับรู้ว่ากับศัตรูแบบนั้นความรุนแรงแบบตรงๆไม่เพียงพอจะล้มอีกฝ่ายได้ แม้แต่พลังเขี้ยวของเขาก็ไม่สามารถฉีกร่างกายของบาร์ได้ ซึ่งนั่นบ่งบอกได้ถึงพรสวรรค์ของชายคนนี้ ยิ่งเขาต่อสู้มากเท่าไหร่ เขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นมากเท่านั้น
เมื่อเห็นบาร์ยืนถือมีดกระดูกอยู่ตรงหน้าราวกับปีศาจ หานเซิ่นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาหลบมีดกระดูกของบาร์และเก็บมีดเขี้ยวผีสิงไป หลังจากนั้นปืนพกคู่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ปัง! ปัง!
กระสุน 2 ลูกพุ่งไปที่อกของบาร์ แต่ในตอนนี้กล้ามเนื้อของเขากลายเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งเกินกว่าจะเจาะทะลวงได้ กระสุนนั้นแตกกระจายเมื่อพวกมันปะทะกับแผ่นอกของบาร์
แต่กระสุนทั้ง 2 ลูกได้ทิ้งรูปเต่าเอาไว้เบื้องหลัง ซึ่งทำให้บาร์ทรุดลงไปกับพื้นจนเกิดเป็นหลุมลึก ตอนนี้เขาช้าลงไปหลายเท่า
ร่างกายของเขาแข็งแกร่งก็จริง แต่เขาไม่ถนัดการรับมือกับพลังที่ส่งผลในทางลบ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงคิดว่าวิชาเต่าเป็นอะไรที่เหมาะสม
เมื่อเห็นความเร็วของบาร์ถูกลดลงไป ชิงหลีก็ดีใจอย่างมาก เธออุทานออกมา
“มันได้ผล! นั่นคงจะเป็นวิชาเต่าที่หานเซิ่นคิดค้นขึ้นมาสินะ นี่มันทรงพลังถึงขนาดที่จัดการกับบาร์ได้เลยหรอเนี่ย”
“ถ้าเขาคิดว่าพลังในการปิดผนึกเพียงพอที่จะเอาชนะบาร์ได้ล่ะก็ เขาคิดผิดแล้ว” ดยุกเดสทรอยเยอร์พูดเย้ยหยันด้วยความดูถูก
“นี่มันดีมากๆ! ข้าตื่นเต้นไปหมด อาหารเอร็ดอร่อยเยอะไปหมด”
ใบหน้าที่ดูน่าเกลียดน่ากลัวของบาร์ดูตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆจนเขาดูเหมือนกับคนบ้า ทันใดนั้นใบหน้าเย็นชาที่อยู่ตรงกลางก็เริ่มเคลื่อนไหว ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีดำและเรืองแสงออกมา หลังจากนั้นร่างกายของบาร์ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ เขาเป็นเหมือนกับรูปปั้นปีศาจที่ถูกหลอมขึ้นมาจากเหล็กโบราณบางอย่าง
ทันใดนั้นวิชาเต่าที่ชะลอความเร็วของเขาจู่ๆก็ไร้ผลไป และเมื่อร่างกายของบาร์กลับเป็นอิสระ เขาก็พุ่งเข้าไปฟันใส่หานเซิ่นด้วยพลังของปีศาจ