หานเซิ่นเคลื่อนไหวราวกับเงา ทำให้มีดกระดูกของบาร์ไม่สามารถฟันถูกตัวเขาได้ หานเซิ่นไม่สามารถตอบโต้บาร์แบบตรงๆได้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงเลือกหลบหลีกแทน
“บาร์กำลังแข็งแกร่งขึ้น!” ในที่สุดชิงหลีก็เห็นถึงปัญหาที่หานเซิ่นกำลังเผชิญอยู่ ความแข็งแกร่งของบาร์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ความแข็งแกร่งของหานเซิ่นยังคงเหมือนเดิมและไม่เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้หานเซิ่นกลายเป็นฝ่ายที่ถูกไล่ต้อน ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือหลบการโจมตีที่เข้ามา เขาไม่สามารถตอบโต้บาร์ได้อีกต่อไป
ชิงหลีเริ่มจะรู้สึกกังวลอย่างมากกว่า มันไม่มีขีดจำกัดถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้นของบาร์ และถ้าเกิดหานเซิ่นหมดแรงขึ้นมา เขาก็อาจะตายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกหัวเราะและพูด “บาร์นั้นไร้เทียมทานต่อคนในระดับเดียวกัน แถมหานเซิ่นยังเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ถึงเขาจะแข็งแกร่งยังไง มาร์ควิสก็ยังเป็นแค่มาร์ควิสอยู่ดี เขาทำให้บาร์โกรธ ดังนั้นความตายก็คือชะตากรรมของเขา”
หานเมิ่งเอ๋อ ซีโร่และนางฟ้ามองดูอย่างตั้งใจ จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ พวกเธอไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการพูดคุย ดังนั้นมันเลยไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ขณะที่พวกเธอมองสิ่งที่เกิดขึ้น
จิ้งจอกสีเงินและอสูรกาแล็กซี่ก็ยืนมองการต่อสู้อย่างเงียบๆเช่นเดียวกัน
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็กระโดดขึ้นไปด้านบนและใช้ปลายมีดฟันออกไปข้างหน้า มีดเส้นไหมสีม่วงที่บางอย่างกว่าเส้นผมปรากฏขึ้นมา บาร์ถูกพันอย่างยุ่งเหยิงด้วยมีดเส้นไหม เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
บาร์ยังคงมองหานเซิ่นด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง ร่างกายเขาเริ่มขยายใหญ่ขึ้น แต่เขาไม่สามารถฉีกมีดเส้นไหมที่อ่อนนุ่มแต่ทนทานได้ มีดเส้นไหมฝังลึกเข้าไปในเนื้อหนังของเขา ทำให้เลือดไหลออกมาเป็นจำนวนมาก
บาร์หัวเราะออกมา เขาไม่ได้สนใจอะไรบาดแผลที่ได้รับ เขายังคงพยายามต่อสู้กับมีดเส้นไหมของหานเซิ่นด้วยพละกำลัง พร้อมกับหัวเราะออกมา
เขาออกแรงมากเกินไป ทำให้มีดเส้นไหมตัดร่างของเขาเป็นชิ้นๆ
แต่วินาทีต่อมา แขนขาที่ขาดก็เชื่อมต่ออีกครั้งหนึ่ง บาร์กลับขึ้นมายืนอีกครั้ง และตอนนี้ร่างกายของเขาก็ดูน่ากลัวยิ่งไปกว่าเดิม
‘หมอนี่รับมือยากจริงๆ เราทำลายร่างกายของเขาได้ด้วยท่าตบขั้นสุดยอด แต่เราจะใช้มันขณะที่มีคนหลายคนมองดูอยู่ไม่ได้’ หานเซิ่นขมวดคิ้ว
บาร์นั้นทรงพลัง และเหล่าเดสทรอยเยอร์ก็บอกว่าเขาคือดยุกที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่หานเซิ่นไม่เชื่อว่าบาร์จะไร้เทียมทานจริงๆ บางทีบาร์อาจจะเป็นที่สุดของเดสทรอยเยอร์ แต่หานเซิ่นไม่เชื่อว่าอัจฉริยะคนหนึ่งในจักรวาลจีโนจะเอาชนะเขาได้ด้วยพละกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ยังเป็นแค่ระดับดยุก
ร่างกายของเผ่าดราก้อนทั้งแข็งแกร่งและทรงพลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งดราก้อนระดับราชัน ร่างกายของบาร์อาจจะแข็งแกร่ง แต่มันยังไม่ถึงระดับที่จะทำให้หานเซิ่นกลัวได้ พลังของเขายังคงมีขีดจำกัด และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เขาต้องหนีจากดราก้อนวัน
“ขอบคุณ” บาร์พูด “ขอบคุณเจ้ามากที่ทำให้ข้าได้เพลิดเพลินกับการต่อสู้ที่เอร็ดอร่อยแบบนี้ ในตอนที่ข้าฆ่าเจ้าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของข้า!”
บาร์บ้าคลั่ง ทุกการโจมตีของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ไร้ที่สิ้นสุด ทุกการกวัดแกว่งของเขาจะทิ้งรอยมีดขนาดใหญ่เอาไว้ที่พื้น
พละกำลังและความเร็วของบาร์เหนือกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน มันคงจะมีดยุกน้อยคนที่จะต่อสู้กับเขาในตอนนี้ได้
“แข็งแกร่งจริงๆ” หานเซิ่นรู้สึกชื่นชมคู่ต่อสู้ของเขา และเขาก็ยอมรับว่าถ้าไม่ใช้ท่าตบขั้นสุดยอด การจะเอาชนะคู่ต่อสู้คนนี้คงจะเป็นไปไม่ได้ถ้าเขาไม่ได้เป็นระดับดยุก
การระเบิดเขาให้เป็นชิ้นๆด้วยวิชาเบรกซิกซ์สกายก็อาจจะไม่ได้ผลเช่นกัน เพราะเขาจะประกอบตัวเองขึ้นมาใหม่และแข็งแกร่งยิ่งไปกว่าเดิม
เมื่อดูจากวิธีการที่บาร์แข็งแกร่งขึ้นแล้ว หานเซิ่นก็พอจะคาดเดาได้ว่าบาร์ใช้ความบาดเจ็บของตัวเองเป็นพลัง ด้วยเหตุนั้นยิ่งหานเซิ่นสร้างความเสียดายต่อเขามากเท่าไหร่ เขาก็จะแข็งแกร่งมากเท่านั้น
แต่หานเซิ่นก็สามารถบอกได้ว่าพลังที่เพิ่มขึ้นของบาร์ไม่ใช่สิ่งที่ถาวร เพราะถ้ามันถาวรล่ะก็ เขาก็คงจะไม่ได้รับความเสียหายอย่างง่ายดายในตอนแรก
ในตอนแรกที่เห็นบาร์ หานเซิ่นสังเกตได้ว่าพลังของเขาไม่ได้สูงไปกว่าดยุกธรรมดาทั่วไป เขาไม่ได้พิเศษไปกว่าคนอื่นๆ
แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของบาร์ถือเป็นที่สุดของระดับดยุก ดังนั้นถ้าการต่อสู้ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ มันก็จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
“มันไร้ประโยชน์ ไม่ว่าจะพยายามมากสักแค่ไหน หานเซิ่นก็ต้องตายอยู่ดี” เดสทรอยเยอร์หลายคนยิ้มออกมา ถ้าบาร์ฆ่าหานเซิ่นได้สำเร็จ มันจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้กับเดสทรอยเยอร์
หานเซิ่นไม่สามารถฆ่าศัตรูของเขาได้ และเขาก็ไม่สามารถเสี่ยงทำให้ศัตรูบาดเจ็บมากไปกว่านี้ สถานการณ์ของเขากำลังคับขันอย่างแท้จริง
“ตายซะ!” บาร์กวัดแกว่งมีดกระดูกอย่างบ้าคลั่ง มันแบกพละกำลังที่พอจะทำลายภูเขาทั้งลูกได้ มันฟันเข้าไปที่หัวของหานเซิ่น
มีดกระดูกของเขาตัดหัวของหานเซิ่นขาดอย่างหมดจด แต่หลังจากนั้นร่างกายของหานเซิ่นก็ระเบิดราวกับลูกโป่งน้ำ ซึ่งมันเป็นร่างโคลนจากวิชาจันทราของหานเซิ่น
ตัวจริงของหานเซิ่นตอนนี้ยืนอยู่ข้างๆบาร์ เขาอยู่ใกล้พอที่จะสัมผัสใบหน้าของบาร์
หานเซิ่นยิ้มให้กับบาร์และพูด “เจ้าแข็งแกร่ง แข็งแกร่งอย่างไร้เหตุผล จนข้าฆ่าเจ้าไม่ได้”
“แต่แน่นอนว่าข้าฆ่าเจ้าได้” บาร์กวัดแกว่งมีดกระดูกโดยหวังจะตัดร่างของหานเซิ่นให้ขาดครึ่ง
หานเซิ่นเคลื่อนไหวพลิ้วไหวดังสายลม ขณะที่มีดกระดูกของบาร์ตัดผ่านสามลมตามเขาไปติดๆ แต่มันยังคงมีระยะห่างระหว่างมีดกระดูกและหานเซิ่นอยู่ มันมีคลื่นที่มองไม่เห็นช่วยให้หานเซิ่นหลบมีดกระดูกของบาร์
“ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ข้าเอาชนะเจ้าได้!” หานเซิ่นหัวเราะ
“ข้าคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว ถ้าเขาฆ่าบาร์ไม่ได้ อย่างนั้นแล้วเขาจะเอาชนะบาร์ได้ยังไง?” เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกพูด
ทันใดนั้นหานเซิ่นยกปืนพกที่มีตัวอักษรมนตราสลักอยู่ขึ้นมา เขาเล็งไปที่ร่างกายของบาร์และเหนี่ยวไก
ปัง!
กระสุนพุ่งออกจากปากกระบอกปืน มันพุ่งไปถูกหน้าผากของบาร์และสลายกลายเป็นผุยผง
“พลังนี่อีกแล้วหรอ? ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้ว และข้าจะบอกเจ้าอีกครั้ง พลังปิดผนึกของเจ้าไม่ได้ผลกับข้า ขณะที่ข้ามีพลังเคออสอยู่”
บาร์มองหานเซิ่นด้วยความดูถูก ก่อนที่เขาจะพยายามใช้มีดกระดูกฟันใส่หานเซิ่นอีกครั้ง
แต่หลังจากที่เขายกมีดกระดูกขึ้นมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แผ่นน้ำแข็งเริ่มก่อตัวขึ้นบนหน้าผากของเขาและแพร่กระจายออกไปทั่วร่าง ก่อนที่เขาจะทำอะไรได้ ร่างกายของเขาก็ถูกแช่แข็งไปอย่างสมบูรณ์ เขากลายเป็นเหมือนกับรูปปั้นน้ำแข็ง