เมื่อเดสทรอยเยอร์ระดับดยุกเห็นหานเซิ่นใช้พลังน้ำแข็งเพื่อแช่แข็งบาร์ เขาก็มองหานเซิ่นด้วยความเย้ยหยัน “พลังน้ำแข็งไร้ประโยชน์ต่ออิทธิฤทธิ์ที่แท้จริงของบาร์”
“เขามีพลังมาร ร่างกายของเคออสและจิตวิญญาณแห่งหายนะ เดสทรอยเยอร์ทั่วๆไปมีพรสวรรค์พิเศษ 3 อย่าง พวกเราใช้พลังแสง ความมืดและเคออส แต่ทว่าพลังของบาร์นั้นต่างออกไป เนื่องจากเขาเป็นเลือดผสม เขามี 3 พรสวรรค์ที่มหัศจรรย์ เขาใช้พลังมารเพื่อฆ่า เขาใช้ร่างกายเคออสเพื่อปั่นป่วนสิ่งต่างๆ และเขาใช้จิตวิญญาณแห่งหายนะ ซึ่งเป็นพลังที่ลึกลับ พวกมันทั้งหมดเป็นพลังที่สุดยอด และเมื่อรวมกันพวกมันก็ทำให้บาร์ไร้เทียมทาน”
เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกหัวเราะออกมาและพูดต่อ “พลังหนาวเย็นจะไม่ได้ผลต่อบาร์ พวกมันมีแต่จะทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เดี๋ยวพวกเราจะได้เห็นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป บาร์จะทำลายน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว”
มันดูเหมือนกับว่าบาร์กำลังตอบคำพูดของเขาด้วยเสียงแตกร้าวที่เริ่มดังออกมาจากร่างที่กลายเป็นหิน มันฟังดูเหมือนกับแก้วที่แตกร้าวภายใต้แรกกดดัน
“ฮ่าๆ นั่นเป็นร่างกายที่ทรงพลังจริงๆ แม้แต่พลังน้ำแข็งจากวิชากายหยกก็แช่แข็งเขาไม่ได้” หานเซิ่นชมเชยคู่ต่อสู้ของเขา
แต่หานเซิ่นรู้ว่าถ้าใช้แสงแห่งเทพของวิชากายหยกตั้งแต่แรก บาร์จะไม่สามารถหนีจากมันได้
ตอนนี้บาร์เต็มไปด้วยพลังที่มหาศาล การต่อสู้ที่ยาวนานทำให้เขามีโอกาสได้สร้างโมเมนตัมของพลัง ถ้าเกิดหานเซิ่นพยายามทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกล่ะก็ บาร์ก็จะมีพลังไม่พอจะหนีจากพลังแช่แข็งของวิชากายหยก
โชคดีที่หานเซิ่นไม่ได้พึ่งพาแสงแห่งเทพของวิชากายหยกเพื่อแช่แข็งบาร์ มืออีกข้างของเขากำลังถือปืนพกอยู่ เขายกมันขึ้นมาและยิงใส่บาร์
กระสุนที่บรรจุไปด้วยพลังน้ำแข็งถูกยิงออกไป มันพุ่งไปถูกร่างกายที่ถูกแช่แข็งของบาร์ และแสงแห่งเทพของวิชากายหยกก็แช่แข็งบาร์ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
แต่กระสุนนี้ต่างไปจากกระสุนลูกแรกที่อัดแน่นไปด้วยแสงแห่งเทพของวิชากายหยกล้วนๆ กระสุนนี้ได้บรรจุสัญลักษณ์ประหลาดอย่างหนึ่งเอาไว้ด้วย
ในตอนที่มนตราพัฒนาสู่ระดับมาร์ควิส สัญลักษณ์แปลกๆปรากฏบนลูกกระสุนของเธอ ดีไซน์ของมันสะท้อนสัญลักษณ์บนหน้าผากของมนตรา มันถูกย้อมด้วยพลังที่มนตราได้รับในตอนที่เธอกลายเป็นระดับมาร์ควิส
“มันไร้ประโยชน์ ไม่ว่าเขาจะพยายามแช่แข็งบาร์สักแค่ไหน มันก็ไม่มีประโยชน์ การทำแบบนั้นมีแต่จะช่วยเสริมความต้านทานน้ำแข็งให้กับบาร์เท่านั้น” เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกยิ้มออกมา
หานเซิ่นเป่าปากกระบอกปืน หลังจากนั้นเขาเก็บปืนพกและหันกลับไปมองพวกพ้องของเขา เขาพูดพร้อมกับยักไหล่
“ไปกันเถอะ หมอนี่มันยากเกินไปที่จะต่อสู้ด้วย ฉันคงจะฆ่าเขาไม่ได้”
หานเมิ่งเอ๋อ ซีโร่และนางฟ้าไม่มีความเห็นอะไร ดังนั้นพวกเธอจึงทำตามการตัดสินใจของหานเซิ่น เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกพูดขึ้นมา
“หานเซิ่น มันไม่มีประโยชน์ที่เจ้าจะวิ่งหนี! บาร์จะทำลายพลังน้ำแข็งนั่น เมื่อบาร์เลือกเจ้าเป็นเป้าหมายแล้ว เจ้าจะหนีไปไหนไม่ได้อีก”
ปัง!
หานเซิ่นไม่ได้หันกลับไปมอง เขาเพียงแค่ชักปืนขึ้นมาและยิงไปใส่ดยุกคนนั้น
สีหน้าของเดสทรอยเยอร์ระดับดยุกซีดไป และมันก็สายเกินไปแล้วที่เขาจะหลบ มือทั้ง 6 ของเขาสร้างลูกบอลแสงขึ้นมาเพื่อป้องกันกระสุนของหานเซิ่น
เมื่อแสงแห่งเทพ 3 สีปะทะกับกระสุน กระสุนก็ระเบิดออก ควันรูปเห็ดลอยขึ้นมาจากจุดๆนั้น ทั้งทีมของเดสทรอยเยอร์ถูกระเบิดเป็นชิ้นเนื้อ เดสทรอยเยอร์ระดับดยุกที่อยู่หน้าสุดถูกระเบิดจนไม่เหลืออะไรนอกจากผุยผง
มันมีเดสทรอยเยอร์ระดับดยุก 2 คนที่ยืนห่างจากกลุ่มไปเล็กน้อย พวกเขาไม่ได้ถูกฆ่าในทันที แต่พวกเขานอนอยู่ในกองเลือด ความตายจะมาถึงพวกเขาในอีกไม่นาน พวกเขานอนดิ้นอยู่กับพื้น ขณะที่มองไปที่หานเซิ่นด้วยความหวาดกลัว
“พวกเจ้าไม่ใช่บาร์ ดังนั้นอย่าได้มาพูดจาไร้สาระ” หานเซิ่นเก็บปืนพกของเขาและเดินจากไปพร้อมกับพวกพ้องของเขา
ชิงหลีและรีเบทคนอื่นยืนอึ้งไป พวกเขารู้ว่าหานเซิ่นแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าหานเซิ่นจะแข็งแกร่งถึงขนาดนั้น
เขาเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง แต่ในเสี้ยววินาทีเขากำจัดกลุ่มของดยุกด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ระดับพลังของเขาเป็นอะไรที่น่ากลัว
“ไม่แปลกใจเลยที่มีคนบอกว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับไผ่เดียวดาย นั่นมันน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว”
ชิงหลีมองไปที่หานเซิ่นด้วยความนับถือจากใจจริง ในหัวใจของเธอกำลังคิด ‘ข้าควรไปขอให้เขามาเป็นอาจารย์ดีไหมนะ? บางทีเขาควรจะเป็นอาจารย์ของข้าแทนราชินีแห่งมีด แต่เขาเคยปฏิเสธมาแล้ว ตอนนี้เขาคงจะไม่รับแน่เลย’
“บาร์จะฆ่าเจ้า…ฆ่าเจ้า…” เดสทรอยเยอร์ที่ปางตาย 2 คนพยายามพูดออกมา ขณะที่ในปากเต็มไปด้วยเลือด
พวกเขารู้ตัวว่ามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ดังนั้นพวกเขาจึงฝากความหวังในการแก้แค้นไปที่บาร์ พวกเขาหวังว่าบาร์จะทำลายน้ำแข็งและฆ่าหานเซิ่น
พวกเขามองบาร์ที่ถูกแช่แข็งด้วยความหวังที่จะเห็นว่าบาร์เป็นอิสระก่อนที่พวกเขาจะขาดใจตาย การจินตนาการว่าหานเซิ่นจะถูกฆ่าตายโดยบาร์ ทำให้ร่างกายที่ใกล้จะขาดใจของพวกเขามีชีวิตต่อได้นานขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
แต่หานเซิ่นกับคนอื่นๆได้จากไปแล้ว และบาร์ที่ถูกแช่แข็งก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว เขายังคงถือมีดกระดูกในท่วงท่าเดิมและแข็งทื่อไม่ต่างไปจากรูปปั้นน้ำแข็ง
‘เป็นไปไม่ได้ พลังน้ำแข็งจะแช่แข็งพลังเคออสได้ยังไง? นี่เป็นไปไม่ได้ บาร์จะต้องทำลายน้ำแข็งออกมาได้… เขาแค่จำเป็นต้องใช้เวลาอีกหน่อย…’ เดสทรอยเยอร์ทั้ง 2 คนคิด
หานเซิ่นและคนอื่นๆออกไปจากบริเวณนั้น ขณะที่บาร์ยังคงถูกแช่แข็งและไม่เคลื่อนที่ไปไหน
ในตอนแรกเดสทรอยเยอร์ทั้ง 2 คนยังมองโลกในแง่ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็สูญสิ้นความหวัง ลมหายใจสุดท้ายของพวกเขาถูกใช้ไปกับการจ้องมองบาร์ที่ถูกแช่งแข็ง พวกเขาไม่ได้ปิดตาของตัวเองลง แต่ถึงอย่างนั้นบาร์ก็ยังคงถูกแช่แข็งและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ไม่นานหลังจากนั้นยอดฝีมือคนอื่นก็เดินผ่านมา และเมื่อพวกเขาเห็นบาร์ที่ถูกแช่แข็ง พวกเขาก็อึ้งไป เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าบาร์ถูกแช่แข็งโดยหานเซิ่น พวกเขาก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม
บาร์เป็นดยุกที่มีชื่อเสียง ดังนั้นมันยากที่จะจินตนาการได้ว่ามาร์ควิสคนหนึ่งสามารถกักขังบาร์เอาไว้แบบนั้นได้ยังไง
ในที่สุดพวกเดสทอยเยอร์ก็พาร่างของบาร์ที่ถูกแช่แข็งกลับไป
นี่เป็นครั้งแรกที่หานเซิ่นใช้มนตราหลังจากที่เธอพัฒนาสู่ระดับมาร์ควิส เขาไม่รู้ว่าพลังใหม่นั้นเรียกว่าอะไร แต่สัญลักษณ์มีพลังประหลาดบางอย่างที่จะไม่จางหายไป ดังนั้นหานเซิ่นจึงเรียกมันว่าอีเทอร์นิตี้
หานเซิ่นแค่ต้องการแช่แข็งศัตรูเพื่อซื้อเวลาที่จะหนีออกไปจากบริเวณนั้น หานเซิ่นไม่ได้คาดคิดว่าผลลัพธ์ของอีเทอร์นิตี้จะทรงพลังถึงขนาดนั้น และหลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง บาร์ก็ยังคงถูกแช่แข็งอยู่