ทั้งเมืองสตีลกำลังตกอยู่ในความโกลาหล ดยุกและมาร์ควิสทั้งหมดมารวมกันอยู่ในเมือง ทำให้บรรยากาศภายในเมืองตึงเครียดอย่างมาก ซึ่งแต่ละเผ่าพันธุ์ต่างสงสัยกันและกัน
สุดท้ายคนทรยศก็ยังไม่ถูกพบ และนั่นหมายความว่าหานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอยู่ที่นั่นต่อไป
ถึงแม้ทางรีเบทจะพยายามเจรจา แต่ทางเดสทรอยเยอร์ก็ยังคงยืนกรานว่าจะไม่ให้ใครออกไปจากดาวโซดิถ้าคนทรยศยังไม่ถูกพบ ทุกเผ่าพันธุ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปออกไป และนั่นรวมถึงรีเบทด้วย
หานเซิ่นเชื่อว่ามันมีคนคอยช่วยเหลือคนทรยศอยู่ด้วย เขาคิดว่าความโกลาหลในตอนนี้เป็นความจริงใจของใครบางคนเพื่อช่วยเหลือให้คนทรยศหนีไป แต่มันยากจะตัดสินความจริงของเรื่องนี้ เพราะมันไม่มีเบาะแสอะไร ดังนั้นการจะบอกว่าคนทรยศทำงานคนเดียวหรือไม่เป็นเรื่องที่ยืนยันได้ยาก
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่แต่ละเผ่าพันธุ์ต่างสงสัยซึ่งกันและกัน
วันต่อมา หลังจากที่หานเซิ่นออกมาจากห้อง เขาก็พบว่าร้านอาหารเต็มไปด้วยยอดฝีมืออีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เขาไม่สามารถหาที่นั่งได้ และในจังหวะที่เขากำลังจะนำอาหารกลับไปกินที่ห้อง เฟเธอร์หญิงเมื่อวันก่อนก็เรียกเขา
“ทำไมพวกเราไม่มานั่งกินด้วยกันล่ะ?”
หานเซิ่นหันไปมองและเห็นว่าเธออยู่ตามลำพัง ถึงแม้คนอื่นกำลังจับตามองเธอ แต่มันก็ไม่มีใครกล้าไปนั่งข้างๆเธอ
หานเซิ่นรู้ว่านั่นเป็นเพราะเธอเป็นบุคคลที่น่าสงสัย ทำให้ไม่มีใครต้องการไปนั่งกับเธอ พวกเขาหวาดกลัวยอดฝีมือคนอื่นมากกว่าที่จะหวาดกลัวผู้หญิงคนนั้น
แต่หานเซิ่นไม่สนใจเรื่องนั้น เขาได้มีปฏิสัมพันธ์กับเธอไปแล้วเมื่อวันก่อน ดังนั้นการนั่งกับเธออีกครั้งจะไม่สร้างความแตกต่างอะไร
ในตอนที่หานเซิ่นและพวกพ้องของเขานั่นลง หญิงสาวจากเอ็กซ์ตรีมคิงก็เดินเข้ามาในร้านอาหาร ผู้คนยังคงไม่รู้ว่าเธอมาจากเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ พลังตบของเธอทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงที่เพิ่งเข้ามาในร้านอาหารไม่สามารถหาที่นั่งให้กับตัวเองได้ ดังนั้นเธอจึงเดินไปยังโต๊ะที่เคยใช้ในวันก่อน
แต่ในวันนี้มีดราก้อนหลายคนกำลังนั่งอยู่ และในหมู่ของพวกเขาก็มีดราก้อนซิกซ์อยู่ด้วย
เมื่อทุกคนเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปหาดราก้อนซิกซ์ ทุกคนก็รู้ในทันทีว่ากำลังจะได้ดูอะไรที่น่าสนุก
เมื่อผู้หญิงจากเอ็กซ์ตรีมคิงเดินไปถึงที่โต๊ะ เธอก็พูดกับพวกเขาตรงๆ
“ข้าจะอนุญาตให้พวกเจ้ามีโอกาสได้ไปจากที่ตรงนี้”
ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะพูดออกไปแบบนั้น เพราะยังไงซะมันก็ไม่มีใครในที่นี่กล้าพูดกับดราก้อนซิกซ์ซิกซ์แบบนั้น ทุกคนรู้สึกสนใจอย่างมากว่าดราก้อนซิกซ์จะมีปฏิกิริยาอย่างไร
ดราก้อนซิกซ์กรอกตาและหันมามองผู้หญิงคนนั้น “ทำไมข้าต้องทำแบบนั้นด้วย?”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้พูดอะไรอีก เธอแค่ชกหมัดออกไป
ดราก้อนซิกซ์ยกหมัดขึ้นและตอบโต้หมัดของหญิงสาวด้วยพลังพิชิตมารของเขา พลังของทั้ง 2 ปะทะกัน
แต่พวกเขาทั้งคู่ดึงหมัดของตัวเองกลับก่อนที่จะปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา มันดูเหมือนจะเสมอกัน เนื่องจากไม่มีฝ่ายไหนกระเด็นถอยหลังออกไป
แต่ดวงตาของดราก้อนซิกซ์เบิกกว้าง เขายืนขึ้นและพูด “ไปกันเถอะ”
หลังจากนั้นเขาและพวกพ้องก็รีบจากไป ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นได้นั่งทานอาหารบนโต๊ะๆนั้นตามลำพัง
ทุกคนมองดูอย่างเงียบๆ ขณะที่ผู้หญิงคนนั้นสั่งอาหารของเธอ ไม่มีใครเข้าใจได้ว่าทำไมดราก้อนซิกซ์ถึงยอมมอบโต๊ะของเขาให้กับเธอ นี่ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยในตัวผู้หญิงคนนั้นยิ่งกว่าเดิม
หานเซิ่นรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นมาจากเอ็กซ์ตรีมคิง ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าทำไมดราก้อนซิกซ์ถึงยินดีเดินจากไป นอกจากนั้นหานเซิ่นยังคิดว่าดราก้อนซิกซ์จงใจเลือกที่นั่งตรงนั้นก็เพื่อทดสอบเธอ แต่หลังจากหมัดนั้นดูเหมือนว่าดราก้อนซิกซ์จะรับรู้ว่าเธอเป็นใคร ด้วยเหตุนั้นเขาจึงถอยไปแต่โดยดี
ในขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น บาร์ก็ยกมีดกระดูกขึ้นและวิ่งเข้าไปหาหานเซิ่นพร้อมกับตะโกน “วันนี้คือวันตายของเจ้า!”
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ถ้าบาร์เข้ามาจู่โจมเขาแบบนี้ มันก็หมายความว่าชายคนนั้นพบหนทางที่จะต้านทานพลังในการแช่แข็งของเขาแล้ว หานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัวอะไรต่อบาร์ แต่เขาคิดว่านี่เป็นอะไรที่น่ารำคาญ
แถมเมืองสตีลยังถูกปิดล้อม ทำให้เขาไม่สามารถหนีไปจากที่นี่ได้
“บาร์ อย่าได้อวดดีจนเกินไป ที่นี่เป็นเขตแดนของรีเบท” ผู้จัดการชาวรีเบทขมวดคิ้ว
“แล้วยังไง?” หลังจากที่บาร์พูดแบบนั้น เขาก็ฟันใส่หานเซิ่นขณะที่แสงสีแดงดำห่อหุ้มมีดกระดูก
ทั้งร้านอาหารตกอยู่ในความโกลาหล ทุกคนที่อยู่ในวิถีของมีดแสงพยายามวิ่งหนีออกไป
แต่หานเซิ่นยังคงนั่งอยู่ในที่เดิมและไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน เขาชักปืนพกออกมาและยิงใส่บาร์
มีดกระดูกฟันถูกกระสุนที่เข้ามา ทำให้กระสุนถูกหยุดไป นอกจากนั้นมีดแสงยังคงพุ่งต่อไปข้างหน้า มันตัดผ่านร้านอาหารและก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนจนสิ่งก่อสร้างแห่งนี้ถล่มลงมา
หานเซิ่นหลบมีดแสงของบาร์ ขณะที่เขาทำอย่างนั้นเขาก็นำปืนมาจ่อที่ตัวของบาร์ หลังจากนั้นเขาก็ยิงออกไปโดยไม่รีรอ
บาร์ไม่ถนัดการตั้งรับ เขาไม่แม้แต่จะพยายามป้องกันตัวเอง ด้วยเหตุนั้นกระสุนจึงพุ่งเข้าไปถูกตัวเขาอย่างง่ายดาย หลังจากนั้นน้ำแข็งจากกระสุนก็เริ่มแพร่ขยายไปทั่วร่างของเขา
แต่ครั้งนี้ที่คอของบาร์มีสร้อยคอสีเงินอยู่ อัญมณีบนสร้อยคอเริ่มเรืองแสงที่ดูเหมือนกับเปลวไฟออกมา มันละลายพลังน้ำแข็งและป้องกันเขาจากการถูกแช่แข็ง
“สร้อยคอไลท์ไฟร์ซีด!” บางคนตะโกนขึ้นมาเมื่อจดจำสร้อยคอที่บาร์กำลังสวมใส่อยู่ได้
เมื่อบาร์เห็นว่าสร้อยคอได้ผล เขาก็ยิ้มออกมา หลังจากนั้นเขาก็มองหานเซิ่นด้วยความโกรธ เขากวัดแกว่งมีดกระดูกและตะโกนขึ้นมา
“ข้าจะกินเจ้า!”
หานเซิ่นเปิดใช้งานวิชาโลหิตชีพจรก่อนที่จะเรียกปีกมังกรออกมา เขากระพือปีกเพื่อเทเลพอร์ตหนีไปจากการโจมตีที่เข้ามา
บาร์ส่งเสียงคำราม เขายกมีดกระดูกขึ้นและวิ่งตามหานเซิ่นไป ขณะที่ดวงตาของเขาลุกโชติช่วงด้วยดวงไฟ
ทั้งร้านอาหารตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนเริ่มเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังต่อสู้กัน และในขณะที่ทุกคนกำลังต่อสู้กันอย่างชุลมุน โรงแรมก็ถูกทำลายเป็นชิ้นๆอย่างรวดเร็ว
ไม่มีใครรู้ว่าดราก้อนซิกซ์กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้เขาชกหมัดเข้าใส่เฟเธอร์หญิงที่เคยนั่งอยู่กับหานเซิ่น
เฟเธอร์หญิงกระพือปีกและหลบหลีกการโจมตีที่เข้ามา ดราก้อนซิกซ์ไม่สามารถจับตัวเธอเอาไว้ได้
แต่มันก็เหมือนกับว่าเขาจงใจที่จะไม่ตามเฟเธอร์หญิงคนนั้นไป เพราะดราก้อนซิกซ์ปล่อยให้แสงสีเขียวที่ห่อหุ้มหมัดของเขาพุ่งต่อไปหาซีโร่และคนอื่นๆ
ซีโร่และคนอื่นสามารถหลบหลีกหมัดนั้นได้ แต่มันก็มีคนอีกหลายคนที่เข้ามาจู่โจมพวกเธอ
หานเซิ่นหนีออกไปด้านนอกเพื่อต่อสู้กับบาร์ และในที่สุดเขาก็รู้สึกตัวว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น ผู้คนรู้สึกสงสัยในตัวหญิงสาวที่อยู่รอบๆเขา และพวกเขาก็ต้องการจะทดสอบพวกเธอ หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
เพราะหานเมิ่งเอ๋อ นางฟ้าและซีโร่ต่างก็ไม่ใช่คนทรยศที่พวกเขากำลังตามหา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร ถ้าพวกพ้องของหานเซิ่นถูกฆ่าได้ นั่นเป็นเรื่องเดียวที่สำคัญสำหรับคนอื่น ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้พวกหานเซิ่นเพิ่งจะได้รับศัตรูใหม่เพิ่มมาเป็นฝูง