หนึ่งปีผ่านไป
ตลอดปีที่ผ่านมา หานเซิ่นใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกวิชากายหยก เขาต้องการจะพัฒนาไปมันสู่ระดับดยุกให้เร็วที่สุด เพราะมันจะทำให้เขาสามารถดูดซับยีนซีโน่เจเนอิคระดับดยุกได้ และด้วยยีนระดับดยุกทั้งหนึ่งร้อย เขาจะเพิ่มระดับวิชาอื่นได้ง่ายยิ่งขึ้น
และตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา หานเซิ่นยังหาข้ออ้างที่จะพาพวกพ้องจากก็อตแซงชัวรี่มาที่ดาวอุปราคา
สำหรับมนุษย์เขาได้พาหนิงเยวี่ย หลินเฟิง ถังเตียงลิ่น ซินเสวียน ควีน จีชิงและหานเหยียน มันยังมีมอนสเตอร์ขั้นสุดยอดและสปิริตอีกด้วย ดาวอุปราคาอาจจะมีทรัพยากรระดับสูงไม่มากนัก แต่มันก็มีซีโน่เจเนอิคระดับต่ำอาศัยอยู่มากมาย หลังจากที่เขาพาคนอื่นๆมาที่จักรวาลจีโน การจะช่วยให้พวกเขาวิวัฒนาการสู่ระดับมาร์ควิสก็ถือเป็นเรื่องง่าย
ร่างกายขั้นสุดยอดของทุกคนแตกต่างกันออกไป ดังนั้นประสบการณ์ส่วนตัวของหานเซิ่นอาจจะไม่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน พวกเขาทุกคนต้องค้นหาเส้นทางของตัวเอง หานเซิ่นแค่มอบโอกาสที่จะทำแบบนั้นให้กับพวกเขาเท่านั้น
ที่หานเซิ่นพาผู้คนมาเป็นจำนวนมากก็เพราะเขารู้ว่าเผ่าพันธุ์ชั้นสูงของจักรวาลจีโนทรงพลังถึงขนาดไหน และมันก็มีฝ่ายที่มีอำนาจมากมายภายในจักรวาลจีโน
กลุ่มอย่างปราสาทนภา ดราก้อนและเดสทรอยเยอร์ไม่ใช่กลุ่มที่จะประมาทได้ พวกเขาต่างก็เป็นฝ่ายที่มีอำนาจแข็งแกร่งกันทั้งนั้น
แม้แต่ข่งเฟยที่เป็นระดับเทพเจ้าก็ยังต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงเพื่อจะโค้นล้มเผ่าเฟเธอร์ พวกเขาไม่ได้ติดอันดับหนึ่งในร้อยด้วยซ้ำ แถมเฟเธอร์ก็ยังไม่มีใครเป็นระดับเทพเจ้าด้วย หานเซิ่นจึงรู้ว่าจำเป็นต้องมียอดฝีมือเป็นจำนวนมาก ถ้าในอนาคตเขาต้องการจะจุดดวงไฟภายในจีโนฮอลล์
แถมมันไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องความภักดีของพวกเขา เพราะภายในสหพันธ์ พวกเขาทุกคนเป็นพันธมิตรกัน และหานเซิ่นก็รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว แม้แต่สปิริตและมอนสเตอร์ที่เขาพามาก็ไม่ต้องการจะทรยศพวกเขา
แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็เตรียมมาตรการป้องกันเอาไว้ล่วงหน้าหน้าแล้ว เผื่อมีใครบางคนพยายามจะทรยศพวกเขาจริงๆ
น้องสาวของหานเซิ่น หานเหยียนมีพรสวรรค์สูงมากๆ เธอเกือบจะเหมือนหานเซิ่นในหลายๆเรื่อง แต่การพัฒนาพลังของเธอต่างออกไป นั่นเพราะว่าเธอฝึกวิชาจำลองนภาและวิชาอาชูร่า เส้นทางของเธอจึงต่างไปจากเขา
หานเซิ่นรู้ว่าร่างกายขั้นสุดยอดของเธอถูกเรียกว่าราชาปลดปล่อยนภา มันแตกต่างไปจากร่างราชาสปิริตขั้นสุดยอดของหานเซิ่น น้อยคนนักที่จะมีร่างกายขั้นสุดยอดที่เหมือนกับคนอื่น
การฝึกของแต่ละคนจึงต่างกันออกไปตามร่างกายขั้นสุดยอดของพวกเขา ความแตกต่างของบางอย่างอาจจะเห็นได้ชัด ขณะที่บางอย่างอาจจะใช้เวลาหลายปีกว่าที่จะเผยออกมา
แต่โดยปกติแล้วร่างกายขั้นสุดยอดของแต่ละคนจะเป็นความลับ และหานเซิ่นแค่ถามหานเหยียนเกี่ยวกับร่างกายของเธอ เพราะเธอเป็นน้องสาวของเขา เขาไม่ได้ถามชื่อหรือรายละเอียดของร่างกายคนอื่น
แต่มนุษย์ทุกคนที่หานเซิ่นพามาต่างก็เป็นอัจฉริยะ ด้วยร่างกายขั้นสุดยอด พรสวรรค์ของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคนของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง นั่นหมายความว่าพวกเขาจะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่เป็นจำนวนมากบนดาวอุปราคา หลายคนที่เขาพามาวิวัฒนาเป็นระดับเอิร์ลได้สำเร็จในเวลาเพียงแค่ปีเดียว
นอกจากจีชิงและหานเหยียนแล้ว คนอื่นๆอยากจะออกไปท่องในจักรวาลจีโน และนี่ก็เป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นเห็นด้วย พวกเขาทุกคนต้องการสิ่งที่แตกต่างกันสำหรับชีวิตของพวกเขา และมันก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีคนคอยคุ้มครองอยู่ตลอดเวลา ดาวอุปราคามีแต่จะจำกัดความก้าวหน้าของพวกเขา พวกเขาจำเป็นต้องท่องไปในจักรวาลจีโนและหาทรัพยากรด้วยตัวเอง ถ้าพวกเขาต้องการจะเติบโตจริงๆ
แต่ทว่าหานเซิ่นไม่ต้องการให้หานเหยียนออกไปท่องโลกตามลำพัง เธอขอให้เขาปล่อยเธอออกไปซ้ำๆ แต่เขาก็ห้ามเธอเอาไว้ เพราะถ้ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ พ่อแม่ของหานเซิ่นก็คงจะฆ่าเขาแน่
แต่หานเหยียนไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆ และในที่สุดหานเซิ่นก็ต้องยอมเธอและบอกว่าจะแนะนำเธอให้กับทางปราสาทนภา อย่างน้อยเธอก็ยอมรับในเรื่องนั้น
จีชิงเป็นลูกพี่ลูกน้องของจีเหยียนหรัน ด้วยเหตุนั้นเธอก็เป็นญาติพี่น้องของหานเซิ่นด้วยเช่นกัน และตระกูลจีก็ให้ความสนใจกับเธออย่างมาก จีเหยียนหรันบอกให้หานเซิ่นดูแลเธอให้ดีเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงไม่ให้เธอออกไปท่องโลกภายนอกตามลำพัง เพื่อขจัดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น
โชคดีที่จีชิงไม่ได้อยากออกไปท่องโลกภายนอกเหมือนกับคนอื่น ในตอนที่หานเซิ่นพูดเรื่องนั้นขึ้นมา เธอก็ยิ้มให้กับเขา
“ฉันจะต้องอยู่ข้างๆ คุณและคอยจับตาดูคุณแทนเหยียนหรัน ไม่อย่างนั้นใครจะรู้ว่าคุณจะไปทำอะไรตามลำพังในจักรวาลจีโนแห่งนี้? ถ้ามันเป็นเรื่องบางอย่างที่เลวร้าย ฉันก็จะรู้สึกแย่แทนเหยียนหรัน”
“ฉันมีเป่าเอ๋อเป็นสายลับคนหนึ่งแล้ว ฉันจะกล้าทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมได้ยังไง?” หานเซิ่นลูบใบหน้าของเป่าเอ๋อ
“คุณไม่กล้าอย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความว่าคุณคิดเกี่ยวกับมัน” จีชิงยิ้มให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นยักไหล่ “เธอมาอยู่ที่นี่แล้ว และเธอจะกลับไปไม่ได้อีก ถึงแม้ฉันจะมีความคิดอย่างนั้นจริง เธอก็ไปบอกเหยียนหรันไม่ได้อยู่ดี”
จีชิงดูประหลาดใจ และหานเซิ่นก็เดินจากไป
หานเซิ่นไปที่ตำหนักเย็นเพื่อเฝ้าประตูอย่างที่ทำเป็นประจำ เขามองเห็นลูกอ๊อดค่อยๆกลายเป็นคางคกน้อย พวกมันดูดซับพลังจากพระจันทร์ที่ปลดปล่อยออกมาโดยคางคกระดับเทพเจ้า ซึ่งหานเซิ่นค่อนข้างอิจฉา
คางคกระดับเทพเจ้าสามารถใช้พลังของมันเพื่อสร้างพระจันทร์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มระดับลูกๆของมัน แต่หานเซิ่นไม่สามารถทำแบบนั้นได้
นางฟ้าและจิ้งจอกสีเงินกลายเป็นระดับมาร์ควิสเรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกเขาไม่สามารถหาสถานที่ที่มีทรัพยากรระดับสูงได้ มันก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะเพิ่มระดับขึ้น ในจักรวาลจีโนตราบใดที่คนๆหนึ่งยังไปไม่ถึงระดับราชัน คนๆนั้นก็ยังไม่ถือว่าเป็นคนที่แข็งแกร่ง
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เซี่ยชิงและหนิงเยวี่ยออกไปท่องโลกอยู่บ่อยๆ ยอดฝีมือระดับราชันคือพลังที่แท้จริงของจักรวาลจีโน
ขณะที่แสงจันทร์ส่องลงมาที่คางคกทารก หานเซิ่นก็วางแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นลงและเดินออกมาจากระเบียงหินเพื่ออาบพลังจากแสงจันทร์และพลังอันหนาวเย็น
หลังจากที่ดูดซับพลังที่หนาวเย็นและพลังจากแสงจันทร์ได้หนึ่งปี ถึงกายหยกอาจจะยังไม่ถึงระดับดยุก แต่เขาก็เข้าใจเกี่ยวกับพลังน้ำแข็งและพลังจันทรามากขึ้น ตอนนี้เขายังคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของคางคกระดับเทพเจ้าตัวนี้อีกด้วย
ตอนนี้แม้จะปราศจากการป้องกันจากแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น หานเซิ่นก็ไม่ถูกแช่แข็งโดยพลังอันหนาวเย็นของคางคกระดับเทพเจ้าอีกต่อไป แน่นอนว่ามันยังคงหนาวมาก แต่เขาสามารถทนต่อมันได้
มาร์ควิสและดยุกทั่วๆไปไม่มีทางจะทนต่อความหนาวระดับนั้นได้เหมือนกับเขา
ตลอดช่วงเวลาหนึ่งปี หานเซิ่นได้ดูดซับพลังน้ำแข็งและพลังจันทราจากคางคกระดับเทพเจ้าเข้าไปเป็นจำนวนมาก และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถต้านทานต่อพลังน้ำแข็งได้มากพอ และพลังของวิชากายหยกของเขาก็เชื่อมต่อกับเจ้าคางคกระดับเทพเจ้า พวกมันกลายเป็นอะไรที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก
เจ้าคางคกระดับเทพเจ้าพ่นพระจันทร์ออกมาเหนือน้ำพุ หลังจากนั้นมันก็หันมองมาที่หานเซิ่น ความสนใจอย่างกะทันหันของมันทำให้หานเซิ่นสะดุ้ง แต่เจ้าคางคกดูจะไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายอะไร ความจริงแล้วมันดูประหลาดใจ
หลังจากนั้นเจ้าคางคกก็หันกลับไปและพ่นพลังจันทราออกมามากขึ้น
เจ้าคางคกดูจะไม่รังเกลียดตัวตนของเขา นั่นทำให้หานเซิ่นดีใจ เขาเดินเข้าไปใกล้กับน้ำตก เขาไม่ได้ตามพวกคางคกน้อยขึ้นไปข้างบน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ใกล้มากพอที่เขาจะดูดซับพลังจันทราและพลังอันหนาวเย็นได้มากขึ้น
เจ้าคางคกระดับเทพเจ้าไม่ได้แสดงความต้องการจะเขี่ยหานเซิ่นไปให้พ้นๆเช่นกัน และเมื่อพระจันทร์หายไปแล้ว เจ้าคางคกระดับเทพเจ้าก็พาคางคกน้อยลงมาในแอ่งน้ำ
พวกคางคกน้อยพากันขึ้นมาบนฝั่ง หลังจากนั้นพวกมันก็พากันตรงไปที่ถ้ำภายในบ้านหิน พวกมันเห็นหานเซิ่นยืนอยู่ด้านข้าง บางทีมันอาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้มีแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นอยู่ พวกคางคกน้อยจึงสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาและเข้าไปหา