Super God Gene – ตอนที่ 2191

อี๋ซาเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมากต่อเผ่ารีเบท ดังนั้นมันจึงไม่มีความจะต้องกังวลเกี่ยวกับพิธีศพมากนัก ทางแนร์โรว์มูนได้จัดงานให้กับอี๋ซาอย่างยิ่งใหญ่ และทั้งหมดที่หานเซิ่นต้องทำก็มีแค่ร่วมมือกับพิธีการของพวกเขา

 

ความตายของอี๋ซาส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเผ่าพันธุ์รีเบท

 

เนื่องจากเป็นหนึ่งใน 2 คนที่แข็งแกร่งที่สุดของรีเบท ความตายของอี๋ซาทำให้พวกเขาอ่อนแอลงอย่างมาก และมันยังส่งผลต่อการแบ่งผลประโยชน์และทรัพยากรสำคัญหลายอย่างที่รีเบทจะได้รับ แต่คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือลูกศิษย์ของอี๋ซา หานเซิ่น

 

เมื่อหานเซิ่นไปหาราชาไนท์ริเวอร์เพื่อยืนยันถึงมรดกของอี๋ซา เขาก็พบว่าตัวเองขมวดคิ้วอย่างต่อเนื่อง

 

ราชาไนท์ริเวอร์มอบรายชื่อของมรกดทั้งหมดให้กับหานเซิ่น และมันมีสิ่งของน้อยชิ้นนักที่มีค่า นอกจากนั้นดาวเบลดของอี๋ซาก็ถูกเอาไปโดยเหล่าอาวุโส

 

หานเซิ่นได้รับอนุญาตให้เอาไปแค่สิ่งของส่วนตัวของอี๋ซาเท่านั้น แต่เรื่องนี่อยู่ในการคาดการของเขาอยู่แล้ว เขาไม่คิดจะมีปากเสียงใดๆ ตอนนี้เมื่ออี๋ซาจากไปแล้ว หานเซิ่นก็กลับไปเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง ซึ่งทางรีเบทไม่มีทางจะมอบอะไรที่สำคัญให้กับคนนอกอย่างหานเซิ่น

 

“ราชินีแห่งมีดเป็นผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น ซึ่งเจ้าได้รับหน้าที่แทนนาง แต่ตอนนี้เมื่อนางตายไปแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเราที่จะเลือกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นคนใหม่ขึ้นมา ขอบคุณเจ้าที่ช่วยเหลือในระหว่างนั้น แต่ตอนนี้เจ้าต้องมอบแผ่นหยกกลับคืนมาให้พวกเรา และนี่ก็คือรายชื่อมรดกทั้งหมดที่เจ้าจะรับไปได้ เจ้าแค่ต้องเซ็นชื่อลงไป” ราชาไนท์ริเวอร์พูดขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่น

 

ราชาไนท์ริเวอร์อยากจะได้ตำแหน่งผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นมาเป็นของตัวเอง ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาต้องการ และเขาก็จะได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นแทนที่หานเซิ่นจริงๆ

 

หานเซิ่นจ้องตากับราชาไนท์ริเวอร์และยื่นแผ่นหยกผู้พิทักษ์ออกไปข้างหน้า

 

ราชาไนท์ริเวอร์จ้องไปที่แผ่นหยกผู้พิทักษ์ ขณะที่มันถูกส่งมาหาเขา ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา วิชาจีโนที่เขาฝึกเข้ากันได้ดีกับผลประโยชน์ที่คางคกระดับเทพเจ้าจะมอบให้ เขาสามารถใช้พลังน้ำแข็งและพลังจันทราของคางคกระดับเทพเจ้าเพื่อกลายเป็นครึ่งเทพในเวลาเพียงไม่กี่ศตวรรษ

 

“ข้าจะมอบแผ่นหยกให้ และข้าก็ยินดีที่จะเซ็นชื่อตามที่ท่านบอก แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอ” หานเซิ่นยังไม่วางแผ่นหยกไปให้กับราชาไนท์ริเวอร์ในทันที เขาพูดขึ้นมาขณะที่จับมันเอาไว้แน่น

 

“นี่เป็นการตัดสินใจของสำนักงานฟูลมูน เจ้าไม่ได้กำลังซื้อของ เจ้าไม่อาจต่อรองเพื่อข้อตกลงที่ดีกว่าได้” ราชาไนท์ริเวอร์พูดอย่างไร้อารมณ์

 

หานเซิ่นเมินเฉยต่อคำพูดของราชาไนท์ริเวอร์ ขณะที่ยังคงจับแผ่นหยกเอาไว้แน่น เขาพูดขึ้นมา “ดาวเบลดเป็นสถานที่ที่อาจารย์ของข้าเคยอาศัยอยู่ ข้าหวังว่าจะไปเยี่ยมดาวเบลดได้ในเวลาที่ข้าคิดถึงนาง ข้าอยากได้รับอนุญาตให้มาที่ดาวเบลดเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ”

 

“ข้าอนุญาตในเรื่องนี้ไม่ได้ ดาวเบลดเป็นของผู้อาวุโส และนี่เป็นที่รู้กันต่อสาธารณชนของแนร์โรว์มูน ผู้คนจะเข้าออกตามใจชอบไม่ได้ แม้แต่ข้าก็ไปที่นั่นไม่ได้ ถ้าไม่ได้ขออนุญาตซะก่อน” ราชาไนท์ริเวอร์พูดอย่างจริงจัง

 

ราชาไนท์ริเวอร์สามารถมอบสิทธิ์ในการไปเข้าออกดวงดาวให้กับหานเซิ่นได้ แต่เขาไม่อยากจะช่วยหานเซิ่น

 

หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขายังคงไม่ปล่อยมือจากแผ่นหยก และเขาก็ไม่ได้เซ็นชื่อลงไปในกระดาษเช่นกัน ทั้งหมดที่เขาทำก็คือยิ้มให้กับราชาไนท์ริเวอร์

 

ราชาไนท์ริเวอร์ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ “ตกลง เอางั้นก็ได้ ข้าจะช่วย ข้าจะไปพูดกับเหล่าผู้อาวุโสแทนเจ้า”

 

“ท่านไม่จำเป็นต้องไปพูด ข้าแค่ต้องการให้ท่านเพิ่มการอนุญาตลงไปในรายชื่อนี่” หานเซิ่นจ้องมองไปที่ราชาไนท์ริเวอร์ขณะที่พูดออกมา

 

“นั่นเป็นไปไม่ได้ อย่าได้กดดันข้าจนเกินไป” ราชาไนท์ริเวอร์พูด

 

“ถ้าไม่มีคำอนุญาตในเรื่องนั้น ท่านก็หาคนอื่นมาเซ็นมัน แต่ท่านจะไม่ได้เห็นชื่อของข้าบนนั้น” หานเซิ่นพูด

 

ราชาไนท์ริเวอร์ดูมัวหมอง แต่เขายังไม่ได้ดูโกรธ เขาหันมาหาหานเซิ่นและพูด

“เจ้าจะเข้าไปในดาวเบลดได้เท่านั้น แต่เจ้าจะแตะต้องอะไรไม่ได้ ตกลงไหม?”

 

ราขาไนท์ริเวอร์ไม่ต้องการสร้างปัญหา เพราะยังไงซะเขาและพวกผู้อาวุโสก็เอาสิ่งต่างๆที่ตามสิทธิ์แล้วควรจะเป็นของหานเซิ่นมาแล้ว ถ้าหานเซิ่นไม่ยอมเซ็นชื่อ ความไม่ยุติธรรมก็จะถูกเผยแพร่ออกไป

 

“ข้าแค่คิดถึงนางเท่านั้น ข้าไม่ได้ต้องการเอาอะไรไปจากที่นั่น” หานเซิ่นพูด

 

ราชาไนท์ริเวอร์เติมสิทธิ์ในการเข้าออกดาวเบลดอย่างอิสระให้กับหานเซิ่น และเมื่อเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็เซ็นชื่อลงไป หลังจากนั้นเขาก็ส่งแผ่นหยกผู้พิทักษ์ให้กับราชาไนท์ริเวอร์

 

หานเซิ่นไม่ได้มองดูรายชื่อของอย่างละเอียด เพราะราชาไนท์ริเวอร์คงจะมอบแต่สิ่งที่รีเบทไม่ต้องการ พวกเขาจะเอาทุกอย่างที่ต้องการไปและเหลือแต่สิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตรวจเช็คอย่างละเอียด

 

เมื่อเห็นหานเซิ่นเก็บข้าวของของอี๋ซาไป ราชาไนท์ริเวอร์ก็หัวเราะในใจและคิดกับตัวเอง

‘การได้รับอนุญาตให้เข้าออกดาวเบลดได้มันจะไปมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อเจ้าจะไม่ได้รับทรัพยากรอะไรจากรีเบทอีก’

 

หานเซิ่นนำมรดกของอี๋ซาที่ถูกเหลือเอาไว้ให้กับเขากลับไปที่ดาวอุปราคา เขาได้สมบัติอยู่หลายอย่าง แต่มันไม่มีสักชิ้นที่เป็นระดับราชัน สมบัติที่มีค่าที่สุดคือสมบัติระดับดยุก 2 ชิ้นที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขาด้วยซ้ำไป

 

ส่วนของอื่นๆที่เหลือไม่มีค่าอะไรเลย พวกมันไม่มีประโยชน์อะไรต่อเขาแม้แต่นิดเดียว

 

“นี่คือทรัพย์สินส่วนตัวของคนที่เป็นครึ่งเทพจริงๆอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นรู้สึกขำไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ เพราะบุคคลเดียวที่จะสนับสนุนเขานั้นไม่อยู่แล้ว

 

แต่อี๋ซาดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว และนั่นคือเหตุผลที่เธอบอกให้หานเซิ่นปล่อยมันไป

 

“ฉันจะปล่อยไปก็ต่อเมื่อสมควร แต่ฉันจะไม่ปล่อยสิ่งใดก็ตามที่เป็นของของฉันโดยถูกต้อง” หานเซิ่นยิ้ม

 

หานเซิ่นนำสิ่งของที่ได้มาไปเก็บเอาไว้ในโกดังบนดาวอุปราคา เขานำแค่สิ่งของที่พอจะมีประโยชน์ออกมา บางชิ้นเป็นสิ่งที่อี๋ซามักจะใช้อยู่บ่อยๆ

 

ความตายของอี๋ซาเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของรีเบท แต่ผู้คนอย่างราชาไนท์ริเวอร์ได้รับประโยชน์อย่างมากจากเรื่องนี้ เขาคงจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดจากเรื่องที่เกิดขึ้น

 

“พี่เขย พวกเราจะยังอยู่ภายในแนร์โรว์มูนต่อไหม?” จีชิงถามหานเซิ่น

 

“แน่นอนว่าพวกเราจะอยู่ต่อ ดาวอุปราคามีทรัพยากรอยู่พอสมควร และถ้าพวกเราจากไป พวกเราก็จะทำให้คนอื่นได้รับประโยชน์” หานเซิ่นยิ้ม

 

“แต่ราชาไนท์ริเวอร์และคนอื่นจะพยายามกดขี่พี่เขยเรื่อยๆ” จีชิงพูด

 

“มันยากที่จะบอกได้ว่าใครจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากและใครจะไม่” หานเซิ่นพึมพำพร้อมกับหรี่ตาของเขา

 

หานเซิ่นไม่มีแผนจะออกไปจากแนร์โรว์มูน เขาไม่ชอบความคิดที่ว่าถูกขับไล่ออกไป เขาจะออกไปด้วยเงื่อนไขของตัวเอง

 

เมื่อวันที่ 15 ของเดือนมาถึง ราชาไนท์ริเวอร์ก็ไปที่ตำหนักเย็นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นมา เขาปีนภูเขาขึ้นไปที่บ้านหินอย่างร่าเริงในฐานะผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น

 

‘ด้วยตำแหน่งผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นนี้ ข้าจะกลายเป็นครึ่งเทพในเวลาเพียงแค่ 2 ศตวรรษ ข้าจะแทนที่นางในแนร์โรว์มูนได้’

ราชาไนท์ริเวอร์ยิ้มออกมาเมื่อคิดอย่างนั้น เขาถือแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นเอาไว้แน่น นี่เป็นโอกาสที่เขารอคอยมานาน

 

เวลาผ่านไป และเวลาเที่ยงคืนก็มาถึง ราชาไนท์ริเวอร์มองไปที่ประตูหินและรอให้คางคกระดับเทพเจ้าออกมา

 

ทันใดนั้นเองราชาไนท์ริเวอร์ก็เห็นเงาของใครบางคนเดินขึ้นมาบนภูเขา เขารู้สึกแปลกใจ ดาวเบลดถูกครอบครองโดยผู้อาวุโส ดังนั้นมันไม่ควรจะมีใครมาเดินเพ่นพ่านได้ นอกจากนั้นนี่ก็ยังเป็นบริเวณที่ถูกจำกัดอีก

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset