อี๋ซาเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมากต่อเผ่ารีเบท ดังนั้นมันจึงไม่มีความจะต้องกังวลเกี่ยวกับพิธีศพมากนัก ทางแนร์โรว์มูนได้จัดงานให้กับอี๋ซาอย่างยิ่งใหญ่ และทั้งหมดที่หานเซิ่นต้องทำก็มีแค่ร่วมมือกับพิธีการของพวกเขา
ความตายของอี๋ซาส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเผ่าพันธุ์รีเบท
เนื่องจากเป็นหนึ่งใน 2 คนที่แข็งแกร่งที่สุดของรีเบท ความตายของอี๋ซาทำให้พวกเขาอ่อนแอลงอย่างมาก และมันยังส่งผลต่อการแบ่งผลประโยชน์และทรัพยากรสำคัญหลายอย่างที่รีเบทจะได้รับ แต่คนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือลูกศิษย์ของอี๋ซา หานเซิ่น
เมื่อหานเซิ่นไปหาราชาไนท์ริเวอร์เพื่อยืนยันถึงมรดกของอี๋ซา เขาก็พบว่าตัวเองขมวดคิ้วอย่างต่อเนื่อง
ราชาไนท์ริเวอร์มอบรายชื่อของมรกดทั้งหมดให้กับหานเซิ่น และมันมีสิ่งของน้อยชิ้นนักที่มีค่า นอกจากนั้นดาวเบลดของอี๋ซาก็ถูกเอาไปโดยเหล่าอาวุโส
หานเซิ่นได้รับอนุญาตให้เอาไปแค่สิ่งของส่วนตัวของอี๋ซาเท่านั้น แต่เรื่องนี่อยู่ในการคาดการของเขาอยู่แล้ว เขาไม่คิดจะมีปากเสียงใดๆ ตอนนี้เมื่ออี๋ซาจากไปแล้ว หานเซิ่นก็กลับไปเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง ซึ่งทางรีเบทไม่มีทางจะมอบอะไรที่สำคัญให้กับคนนอกอย่างหานเซิ่น
“ราชินีแห่งมีดเป็นผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น ซึ่งเจ้าได้รับหน้าที่แทนนาง แต่ตอนนี้เมื่อนางตายไปแล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับพวกเราที่จะเลือกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นคนใหม่ขึ้นมา ขอบคุณเจ้าที่ช่วยเหลือในระหว่างนั้น แต่ตอนนี้เจ้าต้องมอบแผ่นหยกกลับคืนมาให้พวกเรา และนี่ก็คือรายชื่อมรดกทั้งหมดที่เจ้าจะรับไปได้ เจ้าแค่ต้องเซ็นชื่อลงไป” ราชาไนท์ริเวอร์พูดขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่น
ราชาไนท์ริเวอร์อยากจะได้ตำแหน่งผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นมาเป็นของตัวเอง ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาต้องการ และเขาก็จะได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นแทนที่หานเซิ่นจริงๆ
หานเซิ่นจ้องตากับราชาไนท์ริเวอร์และยื่นแผ่นหยกผู้พิทักษ์ออกไปข้างหน้า
ราชาไนท์ริเวอร์จ้องไปที่แผ่นหยกผู้พิทักษ์ ขณะที่มันถูกส่งมาหาเขา ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมา วิชาจีโนที่เขาฝึกเข้ากันได้ดีกับผลประโยชน์ที่คางคกระดับเทพเจ้าจะมอบให้ เขาสามารถใช้พลังน้ำแข็งและพลังจันทราของคางคกระดับเทพเจ้าเพื่อกลายเป็นครึ่งเทพในเวลาเพียงไม่กี่ศตวรรษ
“ข้าจะมอบแผ่นหยกให้ และข้าก็ยินดีที่จะเซ็นชื่อตามที่ท่านบอก แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอ” หานเซิ่นยังไม่วางแผ่นหยกไปให้กับราชาไนท์ริเวอร์ในทันที เขาพูดขึ้นมาขณะที่จับมันเอาไว้แน่น
“นี่เป็นการตัดสินใจของสำนักงานฟูลมูน เจ้าไม่ได้กำลังซื้อของ เจ้าไม่อาจต่อรองเพื่อข้อตกลงที่ดีกว่าได้” ราชาไนท์ริเวอร์พูดอย่างไร้อารมณ์
หานเซิ่นเมินเฉยต่อคำพูดของราชาไนท์ริเวอร์ ขณะที่ยังคงจับแผ่นหยกเอาไว้แน่น เขาพูดขึ้นมา “ดาวเบลดเป็นสถานที่ที่อาจารย์ของข้าเคยอาศัยอยู่ ข้าหวังว่าจะไปเยี่ยมดาวเบลดได้ในเวลาที่ข้าคิดถึงนาง ข้าอยากได้รับอนุญาตให้มาที่ดาวเบลดเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ”
“ข้าอนุญาตในเรื่องนี้ไม่ได้ ดาวเบลดเป็นของผู้อาวุโส และนี่เป็นที่รู้กันต่อสาธารณชนของแนร์โรว์มูน ผู้คนจะเข้าออกตามใจชอบไม่ได้ แม้แต่ข้าก็ไปที่นั่นไม่ได้ ถ้าไม่ได้ขออนุญาตซะก่อน” ราชาไนท์ริเวอร์พูดอย่างจริงจัง
ราชาไนท์ริเวอร์สามารถมอบสิทธิ์ในการไปเข้าออกดวงดาวให้กับหานเซิ่นได้ แต่เขาไม่อยากจะช่วยหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขายังคงไม่ปล่อยมือจากแผ่นหยก และเขาก็ไม่ได้เซ็นชื่อลงไปในกระดาษเช่นกัน ทั้งหมดที่เขาทำก็คือยิ้มให้กับราชาไนท์ริเวอร์
ราชาไนท์ริเวอร์ขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ “ตกลง เอางั้นก็ได้ ข้าจะช่วย ข้าจะไปพูดกับเหล่าผู้อาวุโสแทนเจ้า”
“ท่านไม่จำเป็นต้องไปพูด ข้าแค่ต้องการให้ท่านเพิ่มการอนุญาตลงไปในรายชื่อนี่” หานเซิ่นจ้องมองไปที่ราชาไนท์ริเวอร์ขณะที่พูดออกมา
“นั่นเป็นไปไม่ได้ อย่าได้กดดันข้าจนเกินไป” ราชาไนท์ริเวอร์พูด
“ถ้าไม่มีคำอนุญาตในเรื่องนั้น ท่านก็หาคนอื่นมาเซ็นมัน แต่ท่านจะไม่ได้เห็นชื่อของข้าบนนั้น” หานเซิ่นพูด
ราชาไนท์ริเวอร์ดูมัวหมอง แต่เขายังไม่ได้ดูโกรธ เขาหันมาหาหานเซิ่นและพูด
“เจ้าจะเข้าไปในดาวเบลดได้เท่านั้น แต่เจ้าจะแตะต้องอะไรไม่ได้ ตกลงไหม?”
ราขาไนท์ริเวอร์ไม่ต้องการสร้างปัญหา เพราะยังไงซะเขาและพวกผู้อาวุโสก็เอาสิ่งต่างๆที่ตามสิทธิ์แล้วควรจะเป็นของหานเซิ่นมาแล้ว ถ้าหานเซิ่นไม่ยอมเซ็นชื่อ ความไม่ยุติธรรมก็จะถูกเผยแพร่ออกไป
“ข้าแค่คิดถึงนางเท่านั้น ข้าไม่ได้ต้องการเอาอะไรไปจากที่นั่น” หานเซิ่นพูด
ราชาไนท์ริเวอร์เติมสิทธิ์ในการเข้าออกดาวเบลดอย่างอิสระให้กับหานเซิ่น และเมื่อเสร็จแล้ว หานเซิ่นก็เซ็นชื่อลงไป หลังจากนั้นเขาก็ส่งแผ่นหยกผู้พิทักษ์ให้กับราชาไนท์ริเวอร์
หานเซิ่นไม่ได้มองดูรายชื่อของอย่างละเอียด เพราะราชาไนท์ริเวอร์คงจะมอบแต่สิ่งที่รีเบทไม่ต้องการ พวกเขาจะเอาทุกอย่างที่ต้องการไปและเหลือแต่สิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตรวจเช็คอย่างละเอียด
เมื่อเห็นหานเซิ่นเก็บข้าวของของอี๋ซาไป ราชาไนท์ริเวอร์ก็หัวเราะในใจและคิดกับตัวเอง
‘การได้รับอนุญาตให้เข้าออกดาวเบลดได้มันจะไปมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อเจ้าจะไม่ได้รับทรัพยากรอะไรจากรีเบทอีก’
หานเซิ่นนำมรดกของอี๋ซาที่ถูกเหลือเอาไว้ให้กับเขากลับไปที่ดาวอุปราคา เขาได้สมบัติอยู่หลายอย่าง แต่มันไม่มีสักชิ้นที่เป็นระดับราชัน สมบัติที่มีค่าที่สุดคือสมบัติระดับดยุก 2 ชิ้นที่ไม่มีประโยชน์ต่อเขาด้วยซ้ำไป
ส่วนของอื่นๆที่เหลือไม่มีค่าอะไรเลย พวกมันไม่มีประโยชน์อะไรต่อเขาแม้แต่นิดเดียว
“นี่คือทรัพย์สินส่วนตัวของคนที่เป็นครึ่งเทพจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นรู้สึกขำไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ เพราะบุคคลเดียวที่จะสนับสนุนเขานั้นไม่อยู่แล้ว
แต่อี๋ซาดูเหมือนจะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว และนั่นคือเหตุผลที่เธอบอกให้หานเซิ่นปล่อยมันไป
“ฉันจะปล่อยไปก็ต่อเมื่อสมควร แต่ฉันจะไม่ปล่อยสิ่งใดก็ตามที่เป็นของของฉันโดยถูกต้อง” หานเซิ่นยิ้ม
หานเซิ่นนำสิ่งของที่ได้มาไปเก็บเอาไว้ในโกดังบนดาวอุปราคา เขานำแค่สิ่งของที่พอจะมีประโยชน์ออกมา บางชิ้นเป็นสิ่งที่อี๋ซามักจะใช้อยู่บ่อยๆ
ความตายของอี๋ซาเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของรีเบท แต่ผู้คนอย่างราชาไนท์ริเวอร์ได้รับประโยชน์อย่างมากจากเรื่องนี้ เขาคงจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดจากเรื่องที่เกิดขึ้น
“พี่เขย พวกเราจะยังอยู่ภายในแนร์โรว์มูนต่อไหม?” จีชิงถามหานเซิ่น
“แน่นอนว่าพวกเราจะอยู่ต่อ ดาวอุปราคามีทรัพยากรอยู่พอสมควร และถ้าพวกเราจากไป พวกเราก็จะทำให้คนอื่นได้รับประโยชน์” หานเซิ่นยิ้ม
“แต่ราชาไนท์ริเวอร์และคนอื่นจะพยายามกดขี่พี่เขยเรื่อยๆ” จีชิงพูด
“มันยากที่จะบอกได้ว่าใครจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากและใครจะไม่” หานเซิ่นพึมพำพร้อมกับหรี่ตาของเขา
หานเซิ่นไม่มีแผนจะออกไปจากแนร์โรว์มูน เขาไม่ชอบความคิดที่ว่าถูกขับไล่ออกไป เขาจะออกไปด้วยเงื่อนไขของตัวเอง
เมื่อวันที่ 15 ของเดือนมาถึง ราชาไนท์ริเวอร์ก็ไปที่ตำหนักเย็นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นมา เขาปีนภูเขาขึ้นไปที่บ้านหินอย่างร่าเริงในฐานะผู้พิทักษ์ตำหนักเย็น
‘ด้วยตำแหน่งผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นนี้ ข้าจะกลายเป็นครึ่งเทพในเวลาเพียงแค่ 2 ศตวรรษ ข้าจะแทนที่นางในแนร์โรว์มูนได้’
ราชาไนท์ริเวอร์ยิ้มออกมาเมื่อคิดอย่างนั้น เขาถือแผ่นหยกผู้พิทักษ์ตำหนักเย็นเอาไว้แน่น นี่เป็นโอกาสที่เขารอคอยมานาน
เวลาผ่านไป และเวลาเที่ยงคืนก็มาถึง ราชาไนท์ริเวอร์มองไปที่ประตูหินและรอให้คางคกระดับเทพเจ้าออกมา
ทันใดนั้นเองราชาไนท์ริเวอร์ก็เห็นเงาของใครบางคนเดินขึ้นมาบนภูเขา เขารู้สึกแปลกใจ ดาวเบลดถูกครอบครองโดยผู้อาวุโส ดังนั้นมันไม่ควรจะมีใครมาเดินเพ่นพ่านได้ นอกจากนั้นนี่ก็ยังเป็นบริเวณที่ถูกจำกัดอีก