ทันทีที่ทีมของหานเซิ่นมาถึงฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลู พวกเขาก็ได้รับภารกิจหลักให้ไปกำจัดซีโน่เจเนอิคที่สามารถหาพบได้รอบฐานทัพ
ฐานทัพถูกตั้งขึ้นมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว แต่ซีโน่เจเนอิคก็ยังคงออกมาจากภูเขาอยู่เรื่อยๆ ฝูงของซีโน่เจเนอิคจะออกมาสร้างปัญหาให้กับฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลูอยู่เป็นระยะๆ
ภารกิจของหานเซิ่นคือเดินทางไปที่ภูเขาเหล่านั้นและเก็บกวาดมอนสเตอร์ที่อยู่ข้างใน มันมีนกซีโน่เจเนอิคอยู่บนภูเขาเป็นจำนวนมากและพวกมันยังให้กำเนิดอย่างรวดเร็ว หานเซิ่นต้องกวาดล้างรังของพวกมันและทำลายไข่ที่หาพบ ไม่อย่างนั้นล่ะก็มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาก่อนที่พวกมันจะกลับมา
ในท่ามกลางภูเขาเหล่านั้น หานเซิ่นกำลังปอกเปลือกไข่ต้มหลายฟองอยู่ เขากินพวกและขมวดคิ้ว
กลุ่มของพวกเขาเดินทางมาที่ภูเขาครึ่งเดือนแล้ว และพวกเขาก็ฆ่านกทุกๆวัน ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าไข่ของพวกมันอร่อยดี แต่หลังจากผ่านไปครึ่งเดือนที่กินไข่เป็นอาหารเพียงอย่างเดียวของพวกเขา พวกเขาก็เริ่มจะรู้สึกเบื่อรสชาติของมัน
หน่วยอัศวินไอซ์บลูได้ฆ่าซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งที่สุดไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีซีโน่เจเนอิคระดับสูงอยู่รอบๆ มันไม่มีแม้แต่ระดับดยุก ซีโน่เจเนอิคส่วนใหญ่ที่พวกเขาพบเป็นเพียงแค่ซีโน่เจเนอิคระดับต่ำที่มีความสามารถในการให้กำเนิดอย่างรวดเร็วเท่านั้น ดังนั้นการฆ่าพวกมันจึงไม่ได้ช่วยอะไรหานเซิ่น
แต่งานเก็บกวาดก็มีผลประโยชน์บางอย่างอยู่ มันจะทำให้พวกเขาได้รับแต้มและแต้มก็สามารถนำไปใช้แลกสิ่งของจากในฐานทัพได้ มันมีทั้งวิชาจีโนและยีนซีโน่เจเนอิคให้แลกซื้อ
แน่นอนว่าสำหรับหานเซิ่นแล้ว พวกมันเป็นรางวัลที่ไม่คุ้มค่ากับความยากลำบาก เนื่องจากสิ่งของที่เขาต้องการจำเป็นต้องใช้แต้มเป็นจำนวนมาก
แต่ถึงอย่างนั้นการมาที่นี่ก็ไม่ได้ไร้ค่าซะทีเดียว บนภูเขามีนกซีโน่เจเนอิคหลายหลายธาตุอาศัยอยู่ และความจริงมันก็มอบความคิดบางอย่างให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นไม่สามารถใช้วิญญาณอสูรอัญมณีเรเวนอาทิตย์ เพราะเขาจำเป็นต้องมีวิญญาณอสูรนกธาตุเพลิงเป็นรากฐานซะก่อน มันมีนกซีโน่เจเนอิคมากมายอยู่ที่นี่ ดังนั้นถ้าหากเขาสามารถหาวิญญาณอสูรของนกธาตุไฟระดับสูงมาได้ล่ะก็ เขาก็สามารถรวมมันเข้ากับวิญญาณอสูรเรเวนอาทิตย์ได้ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้เขาได้รับวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้ามา
ถ้าเป็นไปได้วิญญาณอสูรระดับราชันจะมีโอกาสสำเร็จสูงที่สุด แต่มันเรื่องยากที่จะล่าซีโน่เจเนอิคระดับราชันได้ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงคิดที่จะหาระดับดยุกแทน
หลังจากการค้นหาอยู่หลายวัน หานเซิ่นก็พบกับนกซีโน่เจเนอิคธาตุไฟที่เหมาะสม
หน่วยอัศวินไอซ์บลูมีแผนที่ที่ทำเครื่องหมายที่ระบุเขตแดนที่อันตรายเอาไว้ ซึ่งหุบเขาลาวาเป็นหนึ่งในสถานที่เหล่านั้น
หุบเขาแห่งนั้นมีความยาวกว่าหนึ่งแสนไมล์ มันมีแม่น้ำลาวาไหลผ่านและกำแพงของหุบเขาก็มีถ้ำอยู่เป็นจำนวนมาก บ่อยครั้งที่ซีโน่เจเนอิคธาตุไฟจะตั้งถิ่นฐานในสถานที่แบบนั้น
ซีโน่เจเนอิคที่ถูกรู้จักกันมากที่สุดของที่นั่นก็คืออีกาอัคคี อีกาอัคคีเป็นซีโน่เจเนอิคธาตุไฟล้วน พวกมันสามารถพ่นไฟใส่ศัตรู และพวกมันจะกินแมลงธาตุไฟที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำลาวาเป็นอาหาร
พวกมันเป็นซีโน่เจเนอิคขนาดเล็ก ร่างกายของมันยาวเพียงแค่หนึ่งนิ้วมือคนเท่านั้น และพวกมันก็ไม่ใหญ่ไปกว่าผึ้งตัวหนึ่ง กลุ่มขนาดเล็กของอีกาอัคคีสามารถมีจำนวนถึงหนึ่งหมื่นตัวได้เลย
กลุ่มของอีกาอัคคีแบบนั้นมีอยู่ทุกหนทุกแห่งตลอดแม่น้ำลาวา กลุ่มอีกาอัคคีกลุ่มใหญ่สามารถมีพวกมันถึงหนึ่งล้านตัว
อีกาอัคคีทั่วไปเป็นระดับบารอนและไวเคานต์ ตัวที่หายากอาจจะเป็นระดับเอิร์ล ราชาอีกาอัคคีน้อยตัวนักที่จะกลายเป็นระดับมาร์ควิสได้
ส่วนราชาอีกาอัคคีตัวที่เป็นระดับดยุกนั้นจะพบได้ในหมู่ของกลุ่มอีกาอัคคีขนาดใหญ่เท่านั้น
มันมีเรื่องราวบอกว่าในตอนที่หน่วนอัศวินไอซ์บลูมาถึงที่นี่ครั้งแรก พวกเขาได้เก็บกวาดกลุ่มอีกาอัคคีที่มีพวกมันอยู่กว่าพันล้านตัว ราชาอีกาอักคีของกลุ่มนกกลุ่มเป็นซีโน่เจเนอิคระดับราชันอย่างแท้จริง
หานเซิ่นเชื่อว่าการรวมวิญญาณอสูรของอีกาอัคคีกับวิญญาณอสูรเรเวนอาทิตย์จะสำเร็จ แต่เขายังไม่รู้ว่าวิญญาณอสูรของอีกาอัคคีคืออะไรกันแน่
มันจะเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ ถ้ามันเป็นวิญญาณอสูรประเภทอาวุธ เขามีวิญญาณอสูรใบเสมาราชาแมลงปีศาจระดับครึ่งเทพและชุดเกราะกุ้งมังกรกาแลกติกระดับราชันอยู่แล้ว ดังนั้นด้านการป้องกันเขาถือว่าเพียบพร้อม สิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาในตอนนี้คือพลังทำลายล้างที่จะช่วยให้เขาสังหารซีโน่เจเนอิคที่แข็งแกร่งได้อย่างง่ายๆ
ถ้าเขามีอาวุธวิญญาณอสูรระดับเทพเจ้าล่ะก็ นั่นจะเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบที่สุด
แต่หุบเขาลาวาไม่ใช่สถานที่ที่หานเซิ่นถูกมอบหมายให้เก็บกวาด เขาไม่อยากจะเสี่ยงล้ำเส้นของอัศวินไอซ์บลู การขัดคำสั่งและเดินทางไปในบริเวณที่เขาไม่ได้ถูกกำหนดให้ไปจะถือว่าเป็นอะไรที่เลวร้ายมากๆ
“เราจะไปที่หุบเขาลาวาอย่างถูกต้องได้ยังไงกัน?” หานเซิ่นสงสัย
ผึ้งราชินีชาโดว์กำลังกินไข่ฟองหนึ่งอยู่ จนถึงตอนนี้เธอเติบโตขึ้นกว่าเดิมมาก และมันคงจะอีกไม่นานก่อนที่เธอจะเข้าสู่โหมดต่อสู้
เป่าเอ๋อตบด้านข้างของหานเซิ่นและยกเครื่องมือขนาดเล็กอย่างหนึ่งขึ้นมา “พ่อ ยิ้ม!”
หานเซิ่นโพสท่าได้รับชัยชนะ พวกเขาได้รับภารกิจให้บันทึกทุกสถานที่ที่พวกเขาเดินทางไป และพวกเขาก็ต้องบันทึกภาพที่แสดงว่าพวกเขาได้เก็บกวาดเหล่าซีโน่เจเนอิค มันเป็นหลักฐานที่พวกเขาจำเป็นต้องนำไปแสดงเพื่อรับแต้มเป็นรางวัล
ทุกทีมจะมีสมาชิกคนหนึ่งค่อยบันทึกวิดีโอเกี่ยวกับความสำเร็จของพวกเขา สำหรับทีมของหานเซิ่น เป่าเอ๋อเป็นคนรับหน้าที่นั้น เธอรักการบันทึกสิ่งต่างๆและเธอก็สนุกสนานกับการทำแบบนั้น
“ในที่แห่งนี้ซีโน่เจเนอิคระดับสูงหายากเกินไป พวกเราจำเป็นต้องหาตำแหน่งอื่น” หวงฟูจิ้งบอกหานเซิ่น เธอไม่พอใจนักที่ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ และเธอก็ต้องการความท้าทาย
“ฉันกำลังพยายามคิดหาหนทางอยู่” หานเซิ่นพูด
หานเหยียนก็ไม่ชอบเช่นกัน เธอคิดอยู่ชั่วครู่หลังจากนั้นเธอก็พูดขึ้นมา
“มันไม่มีแม้แต่ซีโน่เจเนอิคระดับมาร์ควิสอยู่ที่นี่ บอกตามตรงนี่มันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์”
หานเซิ่นเริ่มจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ๆเขาก็ปิดปากของตัวเองอย่างกะทันหันและมองลึกเข้าไปในหุบเขา
บนกำแพงที่ลึกที่สุดในหุบเขามีรอยร้าวที่ดูเหมือนกับใยแมงมุม สสารสีม่วงเริ่มรั่วไหลออกมาจากรอยร้าวเหล่านั้น มันรั่วไหลออกมาแค่นิดหน่อยเท่านั้นในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็รั่วไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อกลุ่มของหานเซิ่นเห็นมัน พวกเขาก็รู้ในทันทีว่านั่นไม่ใช่น้ำพุ เมื่อพวกเขามองดูชัดๆ พวกเขาก็เห็นว่าของเหลวสีม่วงนั้นจริงๆแล้วเป็นสายธารของแมลงสีม่วงตัวน้อยๆ พวกมันแต่ละตัวมีขนาดพอๆกับเล็บมือ และพวกมันก็ดูเหมือนกับด้วงหนวดยาว พวกมันมีสีม่วง พร้อมกับเขาและหนวดสีม่วง
ไม่นานแมลงก็หลั่งไหลออกมาราวกับแม่น้ำที่ไหนเชี่ยว
หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อสแกนพวกมัน เขาสังเกตเห็นว่าพวกแมลงไม่ใช่ระดับสูงอะไร เมื่อดูจากพลังชีวิตของพวกมันแล้ว พวกมันไม่น่าจะเกินระดับบารอน ดังนั้นถึงแม้พวกมันจะมีอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายอะไร
หานเซิ่นและคนอื่นๆรีบวางแผนเพื่อเก็บกวาดพวกมัน ถึงแม้พวกมันจะไม่ใช่ศัตรูระดับสูง การจัดการกับพวกมันก็เป็นหนทางที่ดีที่จะได้รับแต้มมากขึ้น ถ้าพวกมันต้องการจะคลานออกมาเพื่อค้นหาความตายล่ะก็ หานเซิ่นก็ไม่คิดจะออมมือให้กับพวกมัน
แต่แทนที่จะจู่โจมกลุ่มของหานเซิ่น สายธารแมลงไหลอ้อมพวกเขาและออกไปจากหุบเขาอย่างรวดเร็ว พวกมันไม่ได้แสดงความสนใจที่จะจู่โจมใครทั้งนั้น
เมื่อเห็นเหล่าแมลงมีท่าทีแบบนั้น มันก็สันนิษฐานไปได้ว่าพวกมันกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่างมา