เมื่อก่อนเซเคร็ดเคยเป็นกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุด และเซเคร็ดก็รักษาตำแหน่งที่สูงส่งได้เป็นเวลานานพอสมควร
ตอนนี้กลุ่มอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือเวรี่ไฮ แอนเชี่ยนท์ก็อตและเอ็กซ์ตรีมคิง แต่ก่อนนั้นเซเคร็ดมีกองกำลังมากพอที่จะปกครองทั้งจักรวาล
ผู้นำของเซเคร็ดเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งปวง และสิบขุนพลของเขาก็เป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุด
โบราณสถานที่ทีมของไป๋เหวินเซวียนค้นพบมีข้อความที่เขียนว่า “เมืองโกสต์โบน” และมันก็มีรูปปั้นของหนึ่งในสิบขุนพลตั้งอยู่ด้วย พวกเขาจึงสันนิษฐานว่านั่นคือเมืองที่เคยเป็นของขุนพลโกสต์โบน
“ขุนพลโกสต์โบนทิ้งโบราณสถานนี้เอาไว้อย่างนั้นหรอ? แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลที่อัศวินไอซ์บลูจะฆ่าเจ้านิ ใครกันที่เป็นคนนำทีมอัศวินไอซ์บลูนั่นมา?” หานเซิ่นถามขณะที่เป่าเอ๋อหยุดถ่ายภาพไป๋เหวินเซวียน
หลังจากเหตุการณ์ผีเสื้อเนตรม่วง หานเซิ่นใช้เวลาพอสมควรเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเซเคร็ด แต่เซเคร็ดนั้นล่มสลายไปเป็นเวลานานแล้ว และเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาก็หายสูญไปตามกาลเวลา ข้อมูลที่หานเซิ่นค้นพบจึงเป็นแค่ข้อมูลทั่วไปที่ไม่มีประโยชน์อะไรหรือไม่ก็เป็นตำนานที่ฟังดูไม่น่าเชื่อ
ขุนพลโกสต์โบนนั้นเป็นหนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด หานเซิ่นรู้ว่าเขาชื่นชอบการฆ่าฟัน เขาเป็นกัปตันของกองทัพเซเคร็ดบลัดของเซเคร็ด เขานำทัพเซเคร็ดบลัดเพื่อสังหารทุกสิ่งและทุกคน ซึ่งตลอดช่วงเวลาของเขา เขาได้ฆ่าชีวิตไปหลายพันล้านชีวิต ในสมัยก่อนเพียงแค่เอยชื่อของเขา มันก็มากพอที่จะทำให้ประชากรของจักรวาลจีโนหวาดกลัว
แต่ก็เช่นเดียวกับขุนพลคนอื่น ขุนพลโกสต์โบนหายสาบสูญไปหลังจากการล่มสลายของเซเคร็ด
แต่หานเซิ่นไม่เชื่อว่าอัศวินไอซ์บลูจะฆ่าอัศวินสำรอง เพียงเพราะพวกเขาไปเจอโบราณสถานที่เกี่ยวข้องกับขุนพลโกสต์โบน
ถ้าพวกเขาเข้าไปสำรวจในโบราณสถานและพบอะไรบางอย่างเข้าแล้ว มันก็อาจจะสมเหตุสมผลอยู่บ้างที่จะฆ่าพวกเขา แต่พวกเขาเพิ่งจะไปถึงหน้าโบราณสถานที่ซับซ้อน และพวกเขาก็ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจภายใน ดังนั้นการฆ่าพวกเขาดูเป็นอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล
หานเซิ่นจึงคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ 2 อย่างที่เป็นไปได้ ความเป็นไปได้อย่างแรกคือไป๋เหวินเซวียนพูดโกหก ส่วนอีกความเป็นไปได้คือทีมของพวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปสำรวจมากกว่านั้น เพราะพวกเขาได้พบอะไรบางอย่างที่ไม่ควรได้เห็นเรียบร้อยแล้ว
“ข้าเพิ่งได้เข้าร่วมกับหน่วยอัศวินไอซ์บลูได้ไม่นาน ข้าจึงรู้จักแค่ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดเท่านั้น ข้าไม่รู้จักคนอื่น แต่ข้าคิดว่าพวกอัศวินที่มารับฟังคำสั่งจากเขา” ไป๋เหวินเซวียนพูด
หานเซิ่นขมวดคิ้ว ผู้ตรวจการคือคนที่คอยจับตาดูเหล่าอัศวิน พวกเขาไม่สามารถออกคำสั่งกับเหล่าอัศวินได้ แต่พวกเขาสามารถสังเกตเหล่าอัศวินและเขียนรายงานให้กับเอ็กซ์ตรีมคิงระดับสูง ผู้ตรวจการนั้นเป็นเหมือนกับตาของผู้นำเอ็กซ์ตรีมคิง
โดยปกติแล้วผู้ตรวจการไม่จำเป็นต้องต่อสู้ และถ้าพวกเขาเข้าร่วมภารกิจบางอย่าง พวกเขาจะไม่ถูกแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้า พวกเขาไม่สามารถออกคำสั่งได้ พวกเขาทำได้แค่สังเกตและตรวจเช็คเท่านั้น พวกเขาไม่ได้มีอำนาจใดๆ
จากที่ไป๋เหวินเซวียนบอก ผู้ตรวจการคนนี้ปฏิบัติตัวไม่เหมือนกับที่ผู้ตรวจการคนหนึ่งควรจะทำ ถ้าสิ่งที่ไป๋เหวินเซวียนพูดไม่ใช่เรื่องโกหก มันก็ต้องมีเรื่องบางอย่างที่หานเซิ่นพลาดไป
“พาข้าไปที่โบราณสถานนั่น” หานเซิ่นพูดกับไป๋เหวินเซวียน
“แต่…” ไป๋เหวินเซวียนลังเล
“พิสูจน์ให้ข้าเห็นว่าที่เจ้าพูดมาเป็นเรื่องจริง พาพวกเราไปที่โบราณสถาน ไม่อย่างนั้นพวกเราจะพาเจ้าไปหาหน่วยอัศวินไอซ์บลู เจ้าเป็นคนเลือก” หานเซิ่นพูดอย่างสงบ
จากคำบอกเล่าการของไป๋เหวินเซวียน เมื่อทีมของเขาค้นพบโบราณสถาน ราชาอัศวินไอซ์บลูได้ออกไปข้างนอกระบบจักรวาลเคออส แบบนั้นถ้าสิ่งที่เขาพูดมาเป็นความจริงล่ะก็ บางทีผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดอาจจะต้องการได้อะไรบางอย่างจากภายในโบราณสถานไปเป็นของตัวเอง
หานเซิ่นอยากรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ข้างในกันแน่ ถึงทำให้ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดต้องฆ่าทุกคนเพื่อมัน และหานเซิ่นก็รู้สึกสนใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเซเคร็ดเป็นอย่างมาก
ไป๋เหวินเซวียนเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง ถึงเขาจะเป็นคนของเอ็กซ์ตรีมคิง แต่เขาไม่ได้เหนือไปกว่าประชากรทั่วๆไป ถ้าเขาเป็นบุคคลพิเศษล่ะก็ เขาก็คงจะไม่ได้เป็นเพียงแค่อัศวินสำรอง
สำหรับมาร์ควิสคนหนึ่งของเผ่าพันธุ์ชั้นสูง พลังของเขาถือว่าค่อนข้างดี แต่เมื่อเทียบกับหานเซิ่น เขายังด้อยกว่ามาก
ดังนั้นหานเซิ่นจึงแสดงพลังของเขาให้อีกฝ่ายเห็น หลังจากนั้นไป๋เหวินเซวียนก็ยอมเชื่อฟัง เขาพากลุ่มของหานเซิ่นไปที่โบราณสถาน
แต่ไป๋เหวินเซวียนหลงทางขณะที่เขาพยายามหนีตายภายในเขาวงกตใต้ดินนี้ มันเต็มไปด้วยอุโมงค์ที่พันกันอีนุงตุงนัง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงใช้เวลานานเพื่อค้นหาเส้นทางที่เขาหนีมา
หานเซิ่นไม่สามารถเดินทางบนพื้นปกติได้ เพราะทีมของเขาไม่ได้รับผิดชอบการเก็บกวาดบริเวณอื่นๆ ถ้าทางอัศวินไอซ์บลูพบว่าพวกเขาไปที่ทะเลทราย มันก็จะถือว่าพวกเขาขัดคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย และมันก็มีโอกาสที่อัศวินไอซ์บลูจะเชื่อว่าพวกเขาเป็นสายลับจากเผ่าพันธุ์อื่น
ถึงแม้พวกเขาจะต้องเดินวนไปมาอยู่บ้าง แต่เส้นทางที่พวกเขามุ่งหน้าไปก็ถูกต้อง และหลังจากเดินทางอยู่หนึ่งวัน หานเซิ่นและพวกพ้องก็มาถึงระบบน้ำใต้ดิน
ก่อนที่พวกเขาจะลงไปในแม่น้ำ น้ำก็กระเด็นขึ้นมาพร้อมกับงูขนาดยักษ์ที่ขนาดตัวหนาราวกับถัง มันพ่นควันสีเขียวเข้าใส่พวกเขา
“งูแม่น้ำหยินระดับดยุก!” ไป๋เหวินเซวียนตะโกน เขาหันกลับและเตรียมที่จะหนี
แต่หวงฟูจิ้งจับเสื้อของเขาเอาไว้และดึงเขากลับมา ขณะที่เธอทำอย่างนั้น หานเมิ่งเอ๋อก็ยิงธนูของเธอออกไป แสงสีดำพุ่งออกไปและฉีกผ่านควันสีเขียวเข้าไประเบิดหัวของมอนสเตอร์ตัวนั้น ร่างขนาดยักษ์ของงูแม่น้ำหยินล้มลงริมฝั่งแม่น้ำใต้ดิน
ไป๋เหวินเซวียนรู้สึกแปลกใจ เขาหันไปมองหานเมิ่งเอ๋อด้วยสับสน “พวก… พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”
อัศวินสำรองระดับมาร์ควิสคนหนึ่งเพิ่งจะฆ่างูแม่น้ำหยินระดับดยุกในการโจมตีเพียงครั้งเดียว คนแบบนั้นควรจะเป็นสมาชิกของหน่วยอัศวินอย่างเต็มตัว แถมหานเซิ่นยังบอกอีกว่าเขาต้องการไปที่โบราณสถาน อย่างนั้นแล้วพวกเขาไม่มีทางเป็นแค่อัศวินสำรองไปได้
“เจ้ารู้จักมิสเตอร์ไวท์ไหม?” หานเซิ่นถามพร้อมกับหลี่ตาของเขา
“เจ้าหมายถึงกุนซือไวท์อย่างนั้นหรอ? นี่พวกเจ้าเป็นคนของกุนซือไวท์หรอเนี่ย?” ไป๋เหวินเซวียนดูดีใจจนน่าประหลาดใจ
“ฟังนะ เจ้าอาจจะมีโอกาสรอดชีวิตไปจากที่นี่ การพาเจ้ากลับไปที่เอ็กซ์ตรีมคิงนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
หานเซิ่นแกล้งทำเป็นคนใหญ่คนโต เขาตบไหล่ของไป๋เหวินเซวียนและหันหน้ากลับไปมองที่แม่น้ำ
ตอนนี้เมื่อไป๋เหวินเซวียนรู้ว่าพวกหานเซิ่นรับคำสั่งจากมิสเตอร์ไวท์ นั่นก็ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับเขา
พวกเขาได้เจอกับซีโน่เจเนอิคใต้น้ำมากมาย แต่มันไม่มีตัวไหนที่เป็นระดับราชัน พวกมันส่วนใหญ่เป็นระดับมาร์ควิสไม่ก็ดยุก ซึ่งหานเมิ่งเอ๋อสามารถฆ่าพวกมันทุกตัวได้ก่อนที่พวกมันจะมีโอกาสได้ทำอะไร
“ข้าจำที่นี่ได้… ไปที่หินก้อนนั้นและพวกเราจะได้เห็นสระๆหนึ่ง ว่ายลงไปในสระนั้นและมันจะมีทางไปที่บ่อน้ำ” ไป๋เหวินเซวียนชี้ไปที่ก้อนหินประหลาดก้อนหนึ่งขณะที่พูดออกมา
ไม่นานหลังจากนั้นหานเซิ่นก็พบกับสระน้ำตามที่เขาบอก ทุกคนดำลงไปตามเส้นทางใต้น้ำ หลังจากนั้นหานเซิ่นก็คอยโผล่หัวขึ้นจากผิวน้ำและมองรอบอย่างลับๆล่อๆ ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ
“แมวเก้าชีวิต?” หานเซิ่นประหลาดใจอย่างมาก เขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอกับรูปปั้นของแมวเก้าชีวิตที่นี่