บ่อน้ำนั้นตั้งอยู่ที่ศูนย์กลางของลานกว้างในเมือง และปลายถนนทุกสายทอดยาวออกไปจากศูนย์กลางเมือง กำแพงของเมืองนั้นสามารถมองเห็นได้ที่ปลายสุด
ด้านหลังลานกว้างมีปราสาทหินตั้งอยู่ และทั้ง 2 ข้างของประตูก็มีรูปปั้นหินอยู่ ด้านซ้ายเป็นรูปปั้นของแมวเก้าชีวิตที่ใหญ่กว่าแมวเก้าชีวิตจริงๆ แต่มันก็ให้ความรู้สึกที่เหมือนกันมาก
และด้านขวาของประตูคือรูปปั้นของนักรบในชุดเกราะที่ในมือถือมีดกระดูกอยู่ บริเวณใบหน้าและมือของรูปปั้นที่ไม่ได้สวมชุดเกราะนั้นเป็นโครงกระดูก
‘นี่คงจะเป็นรูปปั้นของขุนพลโกสต์โบนสินะ แต่ถ้านี่เป็นเมืองของเขา แบบนั้นแล้วทำไมรูปปั้นของเขาถึงมาตั้งอยู่ข้างๆประตูราวกับเป็นยามรักษาการณ์ล่ะ?’
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ได้ความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา ‘รูปปั้นของแมวเก้าชีวิตและขุนพลโกสต์โบนตั้งอยู่หน้าประตูราวกับยามรักษาการณ์ นั่นหมายความว่าจริงๆแล้วเจ้าของปราสาทแห่งนี้คือผู้นำของเซเคร็ดอย่างนั้นใช่ไหม?’
หานเซิ่นพยายามคิดถึงตัวเลือกอื่น แต่เขาไม่สามารถคิดหาใครในเซเคร็ดที่อาจจะใช้ทั้ง 2 เป็นยามรักษาการณ์ได้
หานเซิ่นไม่รู้ว่าแมวเก้าชีวิตเกี่ยวข้องยังไงกับเซเคร็ดกันแน่ แต่ขุนพลโกสต์โบนนั้นเป็นหนึ่งในสิบขุนพลของเซเคร็ด ดังนั้นมันคงจะมีแค่ผู้นำของเซเคร็ดเท่านั้นที่จะออกคำสั่งกับคนแบบนั้นให้เฝ้าประตูได้
หานเซิ่นใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนสแกนบริเวณรอบๆ แต่เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตอื่นเลย บางทีผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดอาจจะได้สิ่งของที่ตามหาและออกไปจากที่นี่แล้ว
แต่ทว่าหานเซิ่นยังไม่อยากจะเสี่ยงออกไปจากบ่อน้ำในทันที ประตูของปราสาทเปิดอยู่เล็กน้อย ดังนั้นมันอาจจะมีใครบางคนอาจจะอยู่ข้างในนั้น ซึ่งเขาจำเป็นต้องระมัดระวังเอาไว้
“พวกเธอรออยู่นี่ ฉันจะไปตรวจดูสักหน่อย”
หานเซิ่นหันไปมองหวงฟูจิ้งที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำข้างๆเขา หลังจากนั้นเขาก็สัมผัสล่องหนน้อยและหายตัวไป
หานเซิ่นเดินเข้าไปที่ปราสาทขณะที่ใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อปกปิดพลังชีวิตของตัวเองอย่างสมบูรณ์
หานเซิ่นเดินไปถึงตรงหน้าปราสาทด้วยความระมัดระวัง เมื่อเขาเหลือบมองเข้าไปข้างใน เขาก็ต้องอึ้งไป
เนื่องจากเมืองนั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก ปราสาทจึงประกอบไปด้วยห้องโถงแค่ห้องเดียว จากมุมที่ยืนอยู่ หานเซิ่นสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในห้องโถง และมันก็มีรูมากมายอยู่บนพื้นของห้องโถงอย่างน่าสงสัย พวกมันดูเหมือนกับหลุมฝังศพ
มันมีคน 2 คนยืนอยู่ข้างใน และพวกเขาก็สวมใส่ตราสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าตัวเองเป็นสมาชิกของหน่วยอัศวินไอซ์บลู พวกเขากำลังนั่งพักอยู่บนรูปปั้นรูปหนึ่ง หลังจากที่หานเซิ่นเห็นรูปปั้นที่กลับหัวกลับหางนั่นชัดๆ เขาก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม
รูปปั้นนั้นดูเหมือนกับที่เขาเคยเห็นในเมืองของจักรพรรดิมนุษย์ไม่มีผิด ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ารูปปั้นที่อยู่ภายในนั้นจะเป็นรูปปั้นของผู้นำของเซเคร็ดซะอีก แต่แล้วมันกลับเป็นรูปปั้นของจักรพรรดิมนุษย์
“ไม่มีทาง จักรพรรดิมนุษย์มาจากเซเคร็ดอย่างนั้นหรอ? แต่ไทม์ไลน์ไม่สอดคล้องกัน จักรพรรดิมนุษย์อยู่ในก็อตแซงชัวรี่เป็นเวลาหลายปี และเซเคร็ดก็ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้วก่อนที่เขาจะออกจากก็อตแซงชัวรี่ แบบนั้นรูปปั้นของเขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
หานเซิ่นเดินไปที่ประตูและมองเข้าไปในห้องโถง นอกจากรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์แล้ว มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่น มันมีเพียงแค่โต๊ะหินและเก้าอี้หินอยู่เท่านั้น
ทุกอย่างที่เป็นหินภายในห้องโถงนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักซึ่งรวมถึงรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์ด้วย ในตอนแรกหานเซิ่นเห็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของรูปปั้นที่ถูกทำลายเท่านั้น ขณะที่อีกครั้งหนึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป
มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่างภายในห้องโถงนี้ แต่ไม่ว่ามันจะคืออะไร พวกเขาก็ยังหามันไม่พอ ไม่อย่างนั้นล่ะก็พวกเขาก็คงจะไม่คอยเฝ้าห้องโถงเอาไว้แบบนี้
หานเซิ่นมองไปที่อัศวินไอซ์บลูทั้ง 2 และสังเกตเห็นว่าพวกเขาไม่ได้แข็งแกร่งหรืออ่อนแอจนเกินไป พวกเขาอาจจะเป็นระดับดยุก แต่พวกเขาไม่ได้เป็นคนของเอ็กซ์ตรีมคิง หนึ่งในพวกเขาดูเหมือนกับเอ็กซ์โพลดิ้งแบร์ ขณะที่อีกคนดูเหมือนกับดราก้อนเลือดผสม เขามีเขามังกรแต่ไม่มีปีกมังกรอยู่
“ข้าคิดว่าผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดต้องเข้าใจผิดไปแน่ๆ ถ้านี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้นำเซเคร็ดจริงๆ อย่างนั้นแล้วทำไมพวกเราถึงไม่พบโบราณวัตถุที่กำลังมองหาอยู่เลย?” ดยุกไฟร์แบร์พูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ถ้าผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดบอกว่ามันอยู่ที่นี่ มันก็ต้องอยู่ที่นี่ ตอนนี้เจ้าก็หุบปากและกลับไปทำงานซะ” ดยุกดราก้อนเลือดผสมพูด
“ข้าอยากจะทำงาน แต่ข้าไม่รู้ว่าต้องทำยังไง” ดยุกไฟร์แบร์หัวเราะ
ดยุกดราก้อนเลือดผสมขมวดคิ้วและพูด “ราชาอัศวินไอซ์บลูยังไม่กลับมา ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดที่จะจัดการกับพวกมัน ไม่อย่างนั้นราชาอัศวินจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล รอต่อไปอีกสักหน่อย ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดจะติดต่อพวกเราในเร็วๆนี้และบอกว่าพวกเราต้องทำอะไร”
อย่างน้อยๆหานเซิ่นก็ได้รู้ว่าผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดยังคงไม่พบสิ่งที่กำลังตามหา หานเซิ่นฟังต่อไป แต่เขาไม่ได้ยินอะไรเกี่ยวกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือโบราณวัตถุของเซเคร็ดที่พวกเขากำลังตามหา
แต่เขาสามารถยืนยันได้ถึงการมีอยู่ของสมบัติ
หานเซิ่นไม่ได้เข้าไปในห้องโถง เขาเดินไปรอบๆเมืองก่อน เขาพบว่าหลายๆจุดทั่วเมืองมีร่องรอยการถูกค้นและสิ่งก่อสร้างมากมายถูกโค่นลงมา ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดคงจะค้นหาที่นี่อยู่เป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ยังไม่พบสิ่งที่กำลังตามหา
หานเซิ่นไม่ได้เก่งเรื่องการหาสิ่งต่างๆ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถหาได้ว่ามันซ่อนอยู่ที่ไหนเช่นเดียวกัน ถ้าผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดไม่สามารถหาอะไรก็ตามนั้นได้ อย่างนั้นแล้วหานเซิ่นก็คงจะไม่สามารถหาได้เหมือนกัน
เมื่อย้อนกลับมาที่ลานกว้าง หานเซิ่นก็มองไปที่ปราสาทหินอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่ามันไม่มีงานศิลปะอะไรประดับอยู่เลย มันเป็นสิ่งก่อสร้างที่ดูหยาบมากๆ มันไม่มีแม้แต่การแกะสลักหรือการวาดภาพอะไร
แต่เมื่อดูจากรูปปั้นรอบๆแล้ว ปราสาทก็ไม่น่าจะถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานานเกินไป ถ้าให้หานเซิ่นเดา เขาเดิมพันว่ามันน่าจะถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาทหนึ่งหมื่นปีก่อน
หานเซิ่นมองไปที่รูปปั้นของขุนพลโกสต์โบนและแมวเก้าชีวิตอีกครั้ง แต่พวกมันไม่ได้มีอะไรพิเศษ และพวกมันก็เป็นเพียงแค่รูปปั้นจริงๆ วัตถุที่ถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างพวกมันก็คงจะมาจากภูเขาที่ใกล้เคียงกัน
หานเซิ่นรู้สึกรำคาญ ดังนั้นเขาจึงเรียกวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงออกมา ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงขณะที่ตาดำของเขาแยกออกเป็น 4 ส่วน เขามองไปรอบๆปราสาทพร้อมกับตรวจสอบรูปปั้นทั้ง 2
“ไม่มีอะไร…ไม่มีอะไร” ดวงตาของเขาวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์ พวกมันทั้งหมดถูกทำขึ้นมาจากหินธรรมดาๆ ซึ่งเป็นวัตถุที่หาได้ทั่วไปบนดาวไอซ์บลู
หานเซิ่นมองไปรอบๆต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งมีบางอย่างดึงดูดความสนใจของเขา
ใกล้ๆกับรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์มีบนแผ่นหินแผ่นหนึ่ง มันดูเหมือนกับเป็นสิ่งที่หลุดออกมาจากเพดานที่เคยอยู่เหนือหัวของรูปปั้นจักรพรรดิมนุษย์
รูปปั้นมนุษย์นั้นถูกตัดครึ่ง และเพดานก็ถูกทำลายเช่นเดียวกัน มันพังทลายลงมาอยู่ใกล้ๆกับรูปปั้น และบางส่วนของมันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขณะที่บางส่วนยังคงอยู่ในสภาพดี
เมื่อหานเซิ่นมองไปที่กองเศษหิน เขาก็เห็นว่าเศษหินส่วนใหญ่เป็นเพียงแค่ก้อนหินธรรมดา พวกมันไม่ได้มีอะไรพิเศษ
แต่ดวงตาของหานเซิ่นไม่สามารถวิเคราะห์หนึ่งในก้อนหินพวกนั้นได้
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรดวงตาระดับเทพเจ้าอยู่ ถ้าพลังระดับเทพเจ้าไม่สามารถวิเคราะห์ก้อนหินชิ้นหนึ่งได้ นั่นก็เป็นอะไรที่ผิดปกติ หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างมาก