แผ่นหินกองอยู่ท่ามกลางเศษหิน และถ้าหานเซิ่นอยากจะดึงมันออกมา เขาก็ต้องยกกองก้อนหินที่ทับถมมันอยู่ออกไปซะก่อน แต่โชคร้ายที่ดยุก 2 คนยังคงเฝ้าที่นั่นอยู่ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาแผ่นหินมาโดยที่ไม่ทำให้พวกเขารู้สึกตัว
หานเซิ่นพยายามคิดหาหนทางที่จะคว้าแผ่นหินมาโดยที่ไม่ดึงความสนใจของพวกเขา
การฆ่าดยุกทั้ง 2 คนไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหานเซิ่น แต่ถ้าดยุกทั้ง 2 คนตายไป มันก็จะทำให้ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดรับรู้ว่ามีใครบางคนพบโบราณสถานนี้เข้า และผู้ตรวจการก็คงจะตรวจสอบขึ้นมา
เพราะยังไงซะสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคท้องถิ่นบนดาวดวงนี้ก็มีแค่หน่วยอัศวินไอซ์บลูเท่านั้น เป้าหมายของผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดจึงจำกัดอยู่แค่ใครบางคนในฐานทัพ
ดังนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของหานเซิ่นก็คือการขโมยแผ่นหินไปโดยไม่ดึงความสนใจของดยุกทั้ง 2 นั่นจะช่วยทำให้เขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลัง
แต่ดยุกไฟร์แบร์และดยุดดราก้อนเลือดผสมยังคงรักษาตำแหน่งบนรูปปั้น และพวกเขาก็หันหน้าไปในทิศทางของแผ่นหินเช่นกัน ดังนั้นการจะเอามันไปในตอนนี้จึงเป็นไปไม่ได้
หลังจากที่คิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็เดินกลับออกมาจากห้องโถง เขามองไปรอบๆเมืองและรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในทะเลทรายที่ไร้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ มันไม่มีซีโน่เจเนอิคที่หานเซิ่นจะใช้ล่อพวกเขาออกไปได้
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็กลับลงไปในบ่อน้ำและเรียกอสูรกาแลกซี่ออกมา เขาวางล่องหนน้อยลงบนหลังของอสูรกาแลกซี่ หลังจากนั้นก็สั่งให้มันไปขโมยแผ่นหินนั้นออกมา
อสูรกาแลกซี่สามารถเคลื่อนที่ผ่านของแข็งได้ ดังนั้นมันจึงสามารถคว้าแผ่นหินภายใต้เศษหินที่กองอยู่ได้โดยไม่ดึงดูดความสนใจใคร
หานเซิ่นเพียงแค่ต้องดึงความสนใจของดยุกทั้ง 2 ให้นานพอที่อสูรกาแลกซี่จะทำให้แผ่นหินหายไป แบบนั้นมันจะไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่ และก้อนหินที่เหลือก็จะไม่ถูกเคลื่อนย้าย
หลังจากที่อสูรกาแลกซี่เข้าไป มันทะลุเข้าไปในกองของเศษหิน และในขณะที่ดยุกทั้ง 2 หันหน้าไปมองทางอื่น มันก็กลืนแผ่นหินเข้าไปและกลับออกมา
“ทำได้ดีมาก!” อสูรกาแลกซี่และล่องหนน้อยนำแผ่นหินกลับมาให้เขา ความสำเร็จของพวกมันทำให้หานเซิ่นดีใจอย่างมาก เขาเก็บแผ่นหินเข้ากระเป๋าและพาพวกพ้องของเขาออกไปจากเมืองโดยใช้ระบบน้ำใต้ดิน
หานเซิ่นกลับไปยังบริเวณที่เขาถูกมอบหมายให้เก็บกวาดและจับไป๋เหวินเซวียนเข้าไปขังเอาไว้ภายในหอคอยแห่งโชคชะตา เขาพาจีชิงไปสังหารซีโน่เจเนอิคเพิ่มอีก แต่ในขณะที่พวกเขาต่อสู้ เครื่องบันทึกของพวกเขาก็พัง
วิดีโอที่ถูกบันทึกเอาไว้ไม่สามารถลบได้ และพวกเขาก็ได้ถ่ายภาพของไป๋เหวินเซวียนไปแล้ว ดังนั้นหานเซิ่นจึงจำเป็นต้องแกล้งทำให้เครื่องบันทึกถูกทำลายโดยซีโน่เจเนอิค
หานเซิ่นกลับไปที่ฐานทัพเพื่อขอเครื่องบันทึกเครื่องใหม่และทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีใครสงสัยอะไร เพราะดูเหมือนพวกซีโน่เจเนอิคจะมีนิสัยชอบทำลายเครื่องบันทึกของทีมสำรวจอยู่แล้ว
เมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว หานเซิ่นก็กลับไปที่ห้องของเขาภายในฐานทัพเพื่อพักผ่อน เขายังคงใช้เวลาเพื่อตรวจสอบแผ่นหินที่ได้รับกลับมา
แผ่นหินนั้นดูธรรมดาอย่างมาก และมันก็มีขนาดพอๆกับมือของคนเท่านั้น มันไม่ได้มีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์อะไรอยู่บนผิวของมัน แต่มันก็โค้งเว้าเล็กน้อยเหมือนกับจานหิน
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบมัน แต่เขาก็ไม่สามารถวิเคราะห์ถึงโครงสร้างของมันได้ เขาไม่สามารถหาได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นมายังไง
เนื่องจากเขาไม่สามารถหาข้อมูลอะไรเกี่ยวกับมันได้ เขาจึงเอามันไปเก็บ
หานเซิ่นรวบรวมทีมของเขาและเตรียมจะออกไปเพื่อล่าซีโน่เจเนอิคอีกครั้ง และมันเป็นโชคดีของหานเซิ่น เพราะหน่วยอัศวินไอซ์บลูสั่งให้พวกเขาไปเก็บกวาดหุบเขาลาวา
ทีมที่รับผิดชอบการเก็บกวาดหุบเขาลาวาก่อนหน้านี้โชคร้ายไปเจอกับมอนสเตอร์ระดับดยุกตัวหนึ่งเข้า เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่พวกเขาได้รับ ทำให้พวกเขาไม่สามารถทำงานในบริเวณนั้นได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนั้นหน้าที่ในการเก็บกวาดหุบเขาลาวาจึงตกมาที่พวกหานเซิ่น
เนื่องจากมันเป็นสถานที่ที่อันตราย ทำให้มีน้อยทีมที่อยากไปที่นั่น ด้วยเหตุนั้นทีมอื่นจึงเสนอชื่อหานเซิ่นและทีมของเขา
หานเซิ่นยินดีจะรับหน้าที่นี้ เพราะเขาอยากจะไปที่นั่นอยู่แล้ว แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีแบบนี้ เขาไม่แม้แต่จะต้องหาข้ออ้างไปที่นั่น โดยไม่รอช้า หานเซิ่นรวบรวมพวกพ้องและออกเดินทางไปยังหุบเขาลาวา ความกระตือรือร้นของหานเซิ่นทำให้หน่วยอัศวินไอซ์บลูที่มอบหมายหน้าที่ให้กับเขารู้สึกสับสน
หุบเขาลาวานั้นยาวและคดเคี้ยวราวกับมังกร มันทอดยาวออกไปในระยะไกลสุดลูกหูลูกตา ซีโน่เจเนอิคธาตุไฟสามารถเจอได้ทุกหนทุกแห่ง นกซีโน่เจเนอิคมากมายบินวนไปมาใกล้ๆกับหุบเขาเพื่อจับซีโน่เจเนอิคธาตุไฟอย่างแมลงกินเป็นอาหาร
หานเซิ่นมองเห็นอีกกาอัคคี พวกมันมีความยาวแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น แต่ร่างกายสีแดงของพวกมันบินเร็วมากจนยากที่จะเห็นได้ว่าพวกมันมีปีกจริงๆหรือเปล่า พวกมันบินกันเป็นฝูงใหญ่ราวกับก้อนเมฆสีแดงที่ก่อตัวเหนือหุบเขา
ฝูงของอีกาอัคคีโบยบินเหนือแม่น้ำลาวา และพวกมันจะโฉบลงไปที่ผิวของแม่น้ำลาวาเป็นระยะๆเพื่อกินแมลงธาตุไฟ
หลังจากที่อีกาอัคคีจับแมลงไฟได้ พวกมันจะกลับไปที่รังของพวกมันที่อยู่ในหุบเขา ที่นั่นมันจะป้อนแมลงที่จับมาได้ให้กับอีกาอัคคีทารกของพวกมัน
อีกาอัคคีมีความสามารถในการให้กำเนิดที่สุดยอด พวกมันสามารถให้กำเนิดลูกออกมาเป็นจำนวนมากในเวลาเพียงไม่กี่เดือน ถ้าพวกมันไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมเฉพาะล่ะก็ จำนวนของพวกมันก็คงจะล้นดาวดวงนี้ไปแล้ว
จีชิงอยากจะแสดงฝีมือ ทันทีที่ได้เห็นฝูงของอีกาอัคคี เธอก็หยิบอาวุธออกมาและพุ่งเข้าไปหาพวกมัน
หานเซิ่นก็ไม่ได้ออมมือเช่นเดียวกัน ขณะที่เขายิงจรวดออกไปใส่เหล่าอีกาอัคคี
“ซีโน่เจเนอิคอีกาอัคคีระดับไวเคานต์ถูกฆ่า ยีนซีโน่เจเนอิคถูกค้นพบ คุณได้รับวิญญาณอสูรอีกาอัคคี”
หานเซิ่นไม่เคยรู้สึกเบื่อกับการได้ยินเสียงประกอบ เขารีบตรวจเช็ดว่าได้รับวิญญาณอสูรแบบไหนมากันแน่
“วิญญาณอสูรอีกาอัคคีไวเคานต์ : วงแหวน”
หานเซิ่นอึ้งไป วิญญาณอสูรประเภทวงแหวนนั้นหายาก แต่ที่เขาต้องการจริงๆก็คืออาวุธ
หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรอีกาอัคคีออกมา และวงแหวนไฟก็ปรากฏขึ้นรอบเท้าของเขา มันเหมือนกับว่ากำลังมีนกไฟบินวนรอบๆขาของเขา
เมื่อหานเซิ่นโจมตี การโจมตีของเขาก็จะสร้างความเสียหายธาตุไฟ
“วงแหวนที่สร้างความเสียหายธาตุไฟอย่างนั้นหรอ น่าเสียดายที่มันเป็นแค่วงแหวนวงเดียว” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ การรวมวิญญาณอสูรเรเวนอาทิตย์เข้ากับมันเป็นอะไรที่เสียของ
โชคดีที่มันยังมีนกซีโน่เจเนอิคธาตุไฟอีกหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในหุบเขาลาวา หานเซิ่นจึงอยากจะหาวิญญาณอสูรที่เหมาะสมมากกว่า ถ้าเกิดเขาไม่สามารถหาวิญญาณอสูรที่เหมาะสมได้จริงๆ เขาก็ต้องคิดเกี่ยวกับการจะรวมมันเข้ากับวิญญาณอสูรของอีกาอัคคี
ขณะที่หานเซิ่นเริ่มการเก็บกวาดซีโน่เจเนอิคบนหุบเขาลาวา ชายผมสีทองที่เปลือยเปล่ากำลังตรงไปที่เมืองโกสต์โบน เขายิ้มแย้มและร่างกายของเขาก็ดูเหมือนกับอะพอลโล เขาเป็นหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิง
“มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด” เมื่อดยุกไฟร์แบร์และดยุกมังกรเลือดผสมเห็นเอ็กซ์ตรีมชายคนนั้นตรงเข้ามา พวกเขาก็รีบโค้งคำนับด้วยความเคารพ
เอ็ดเวิร์ดพยักหน้า เขามองไปรอบๆห้องโถงและไปหยุดอยู่ที่กองหินใกล้กับรูปปั้น เขาขมวดคิ้วและพูด “พวกเจ้าได้เคลื่อนย้ายอะไรในห้องโถงหรือเปล่า?”
ทั้ง 2 คนดูหวาดกลัวอย่างมาก พวกเขารีบพูดขึ้นมา
“พวกเราทำตามคำสั่งของท่านทุกอย่าง พวกเราไม่ได้ขยับไปจากรูปปั้นตั้งแต่ที่ท่านสั่ง และพวกเราก็ไม่ได้เคลื่อนย้ายอะไรในห้องโถงเลยแม้แต่น้อย”
เอ็ดเวิร์ดพยักหน้าและถาม “เจ้าเห็นอะไรแปลกประหลาดรอบๆหรือเปล่า?”
“มันไม่มีอะไรแปลกประหลาด” ทั้ง 2 คนพูดหลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ
เอ็ดเวิร์ดมองไปที่ก้อนหิน เขาคิดอยู่สักพัก หลังจากนั้นก็บอกให้ดยุกทั้ง 2 อยู่ประจำบนรูปปั้นต่อไป ขณะที่เขาหันกลับและเดินทางอออกจากเมืองโกสต์โบนไป