Super God Gene – ตอนที่ 2224

“ราชาอัศวิน สมาชิกใหม่ที่ท่านพูดถึงคือนางอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไป๋เวยอย่างแปลกๆ

 

“ใช่ ไป๋เวยคือสมาชิกคนใหม่ในทีมของเจ้า ดังนั้นได้โปรดร่วมมือกับนาง” ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้ม

 

“ราชาอัศวิน ถ้าเกิดไม่มีเรื่องอะไรอื่นจะพูดแล้ว ข้าขอกลับไปเตรียมตัว” ไป๋เวยพูดอย่างเย็นชา

 

“เจ้าไปได้” ราชาอัศวินไอซ์บลูพยักหน้า

 

ไป๋เวยเดินออกจากห้องไป ขณะที่หานเซิ่นแกล้งทำเป็นเศร้าและพูดกับราชาอัศวินไอซ์บลูอีกครั้ง

“ราชาอัศวิน ท่านเห็นนั่นไหม? นางไม่แต่แม้จะแสดงความเคารพต่อท่าน แบบนั้นแล้วข้าจะควบคุมคนแบบนั้นได้ยังไง? ท่านควรจะส่งนางไปอยู่ทีมอื่นจะดีกว่า”

 

อัศวินไอซ์บลูสัมผัสไหล่ของหานเซิ่นก่อนที่จะนั่งลง เขาเทน้ำชาและบอกให้หานเซิ่นนั่งดื่มชากับเขา หานเซิ่นรู้ว่าราชาอัศวินไอซ์บลูมีอะไรบางอย่างจะบอก ดังนั้นเขาจึงนั่งลงไป

 

อัศวินไอซ์บลูยกชาขึ้นมาจิบและพูด “ข้าไม่ได้ส่งนางไปอยู่ทีมของเจ้าเพื่อให้เจ้าควบคุมนาง แต่ข้าส่งนางไปอยู่ข้างเจ้า เพราะข้าต้องการให้เจ้าปกป้องนาง”

 

“นางเป็นใครกัน?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“นางคือองค์หญิงไป๋เวย เจ้าอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อของนางมาก่อน แต่เจ้าคงจะรู้สินะว่านั่นหมายความว่ายังไง” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูด

 

“นางคือลูกสาวของหนึ่งในราชาของเอ็กซ์ตรีมคิงอย่างนั้นหรอ?”

หานเซิ่นเข้าใจในทันทีว่าทำไมเธอถึงได้หยิ่งยโสนัก ถ้าเธอเป็นลูกสาวราชาของเอ็กซ์ตรีมคิงคนหนึ่ง เธอก็มีฐานะสูงพอที่จะทำตัวแบบนั้น

 

“นางทำความผิดพลาดบางอย่าง ดังนั้นพ่อของนางจึงลงโทษนางด้วยการส่งนางมาที่นี่ เพื่อให้นางได้ฝึกฝนตัวเองไปด้วย ซึ่งข้าจะปล่อยให้มีภัยอันตรายใดตกมาสู่นางไม่ได้ ดังนั้นเจ้าต้องทำให้แน่ใจว่านางปลอดภัย ถ้ามีเกิดอะไรขึ้นกับนาง เจ้าและข้าจะถูกฆ่าทั้งคู่” ราชาอัศวินไอซ์บลูยิ้ม

 

“ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านถึงไม่หาอัศวินระดับสูงมาคอยคุ้มครองนางล่ะ? ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะทำอะไรได้มาก” หานเซิ่นยิ้มแห้งๆออกมา เขาคิดว่านี่เป็นภารกิจที่แย่

 

“ถ้ามันมีอัศวินระดับราชันคอยปกป้องนาง นางก็จะไม่มีโอกาสได้ฝึกฝน แถมนางก็เป็นคนที่ถือตัว นางไม่มีทางยอมอะไรแบบนั้น” ราชาอัศวินไอซ์บลูถอนหายใจออกมา

 

“หน่วยอัศวินไอซ์บลูมีทีมสำรองตั้งมากมาย มันไม่มีความจำเป็นที่ท่านต้องพึ่งพาคนนอกอย่างพวกเรา ท่านไม่คิดว่ามันเป็นอะไรที่อันตรายอย่างนั้นหรอที่มอบหมายความรับผิดชอบที่สำคัญแบบนี้ให้กับคนนอก?”

หานเซิ่นมองตรงไปที่ราชาอัศวินไอซ์บลูขณะที่พูดออกมา

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูมองมาที่หานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยโทนเสียงแปลกๆ “หานเซิ่น เจ้ารู้ไหมว่าใครกันที่ข้าเชื่อใจมากที่สุดในหน่วยอัศวินไอซ์บลู?”

 

“แน่นอนว่าข้ารู้ ลูกน้องของท่านไง” หานเซิ่นพูด

 

ราชาอัศวินไอซ์บลูส่ายหัวและกลับมามองที่หานเซิ่น

“มันคือเจ้า ข้าเชื่อใจเจ้ามากที่สุด”

 

“ท่านล้อข้าเล่นใช่ไหม ข้าเพิ่งจะได้พบกับท่าน…” ก่อนที่หานเซิ่นจะพูดจบ ราชาอัศวินไอซ์บลูก็หยุดเขาเอาไว้

 

“ได้โปรดอย่าคิดว่าข้ากำลังล้อเล่น เจ้าไม่เคยอยู่ในตำแหน่งของข้า เจ้าจึงไม่เข้าใจเหตุผลที่ข้าเชื่อใจเจ้า และข้าถึงได้ให้เจ้าเป็นคนที่คอยคุ้มครององค์หญิงไป๋เวย ถ้านางมีชีวิต เจ้าก็มีชีวิต ถ้านางตาย เจ้าก็ตาย เจ้าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาด ดังนั้นข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ว่าต้องทำยังไง” ราชาอัศวินไอซ์บลูตบไหล่ของหานเซิ่นและออกไปจากห้อง

 

หานเซิ่นไม่ต้องการรับภาระของคนอื่นแบบนั้น แต่ท่าทางของอัศวินไอซ์บลูบ่งบอกค่อนข้างชัดเจนว่าปัญหาของเขาไม่ได้มาจากซีโน่เจเนอิคเพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีปัญหาจากเรื่องภายในหน่วยอัศวินไอซ์บลูด้วย

 

แต่หลังจากที่ราชาอัศวินไอซ์บลูเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่หานเซิ่นต้องทำอย่างนั้น มันทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

 

หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดขณะที่เดินกลับไปที่ห้อง แต่ทันใดนั้นหัวใจเขาก็เต้นรัวและรูม่านตาของเขาหดเล็กลงไป ขนทั่วร่างของเขาตั้งขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

 

มันไม่ได้มีพลังที่น่ากลัวอะไรจู่โจมเขา แต่หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขากำลังถูกจ้องมองโดยอสรพิษ เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายอย่างกะทันหัน

 

หานเซิ่นมองไปข้างหน้าและเห็นร่างที่ผอมบางกำลังเดินเข้ามาทางเขา

 

คนๆนั่นเป็นเอ็กซ์ตรีมคิงเลือดบริสุทธิ์ แต่พลังชีวิตของเขาถูกปกปิดเอาไว้ ซึ่งการที่ไม่สามารถบ่งบอกถึงระดับของเขาได้นั้นทำให้เขาดูเหมือนกับคนธรรมดาทั่วๆไป

 

ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของชายคนนั้นดูเหมือนกับประติมากรรมหยกที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างพิถีพิถัน เส้นผมสีทองของเขาดูสง่างามและใบหน้าของเขาก็ประดับไปด้วยดวงตาที่ลึกราวกับทะเลสาบ

 

หานเซิ่นรู้สึกตกใจกับความสมบูรณ์แบบของชายคนนี้ แต่หานเซิ่นก็อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องจากภายในถึงอันตราย

 

หานเซิ่นเดินเข้าไปใกล้กับชายคนนั้น และเขาก็จ้องมองมาที่หานเซิ่น ในจังหวะที่ทั้ง 2 คนกำลังจะสวนทางกัน ชายคนนั้นก็หยุดและพูดขึ้นมา

“เจ้าเคยเห็นความลับที่ถูกเก็บเอาไว้ในแผ่นหินหรือเปล่า?”

 

หานเซิ่นรู้สึกตกใจ เขาหยุดเดินและมองไปที่ชายคนนั้น

 

ชายคนนั้นยิ้มให้กับหานเซิ่น รอยยิ้มของเขานั้นอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ มันสามารถละลายได้แม้แต่ก้อนน้ำแข็งที่หนาวเย็นที่สุด ถ้าชายคนนั้นพูดกับผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นก็คงจะยอมทำตามทุกสิ่งที่เขาสั่งให้ทำ

 

หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร ชายคนนั้นเพียงแค่ยิ้มออกมาและเดินผ่านหานเซิ่นไป

 

“เอ็ดเวิร์ด” หานเซิ่นไม่ได้หันกลับไปมองชายคนนั้นอีก เขาแค่เดินต่อไป เขาไม่เคยเห็นชายคนนั้นมาก่อน แต่เขาก็เข้าใจอย่างรวดเร็วว่าชายคนนั้นคือผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ด

 

‘ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเราคือคนที่เอาแผ่นหินนั่นไป เป็นชายที่น่ารำคาญและอันตรายอะไรขนาดนี้ แต่ถ้าเขาคือผู้ตรวจการจริงๆ นั่นก็หมายความว่าเขาควรจะเป็นราชาคนหนึ่ง’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง

 

เอ็ดเวิร์ดเดินเข้าไปในห้องๆหนึ่ง มันมีอัศวินไอซ์บลูคนหนึ่งกำลังมองดูภาพที่บันทึกจากกล้องวงจรปิด มันเป็นภาพวิดีโอการเผชิญหน้ากันระหว่างหานเซิ่นและเอ็ดเวิร์ด

 

“ปฏิกิริยาของเขาเป็นธรรมชาติ และมันก็ดูไม่เหมือนกับว่าเขากำลังแสแสร้งเช่นกัน บางทีพวกเราอาจจะคิดผิด” อัศวินไอซ์บลูพูด

 

เอ็ดเวิร์ดมองไปที่วิดีโอและหัวเราะ “พวกเราคิดถูกแล้ว เขาก็คือคนที่เอาแผ่นหินไป”

 

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?” อัศวินไอซ์บลูถามขณะที่มองไปที่เอ็ดเวิร์ดด้วยความสงสัย

 

“ท่าทางของเขาเป็นธรรมชาติเกินไป มาร์ควิสน้อยคนนักที่จะรักษาธรรมชาติของตัวเองเอาไว้ได้เมื่อมองเห็นข้า ยิ่งท่าทางของพวกเขาเป็นธรรมชาติมากเท่าไหร่ มันก็ทำให้พวกเขาน่าสงสัยมากเท่านั้น”

เอ็ดเวิร์ดจ้องไปที่ใบหน้าของหานเซิ่นบนหน้าจอ “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าราชินีแห่งมีดมีลูกศิษย์ที่น่าสนใจแบบนี้”

 

“พวกเราควรจะเคลื่อนไหวไหม?” อัศวินไอซ์บลูถาม

 

“ไม่ ราชาอัศวินไอซ์บลูและกุนซือไวท์ยังคงอยู่ที่นี่ พวกเราจะลงมือทำอะไรขณะที่พวกเขาอยู่ที่นี่ไม่ได้”

เอ็ดเวิร์ดหัวเราะ “แต่ที่นี่คือระบบจักรวาลเคออส ดังนั้นเขาไม่มีทางหนีไปไหนได้ เขาเป็นคนที่น่าสนใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นแล้วเขายังถือว่าอ่อนแอ”

 

“ท่านผู้ตรวจการ ท่านคิดว่าเขาเป็นหนึ่งในคนของกุนซือไวท์ไหม?” อัศวินไอซ์บลูถาม

 

“ไม่ ถ้าเขาเป็นล่ะก็ กุนซือไวท์ก็คงจะได้รับแผ่นหินไปแล้ว แบบนั้นเจ้าคิดว่ากุนซือไว้จะยังอยู่กับเหล่าอัศวินต่อและมอบโอกาสให้พวกเราชิงมันกลับมาได้อย่างนั้นหรอ?”

เอ็ดเวิร์ดมองใบหน้าของหานเซิ่นด้วยความสนใจ “เจ้านี่เป็นคนตลก ถ้าเขาเอาโบราณวัตถุไป พวกเราก็ต้องชิงมันกลับมาก่อนที่อัศวินจะรู้ความจริงเข้า ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นอะไรที่น่ารำคาญ”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset