หลังจากกลับไปที่ห้องแล้ว หานเซิ่นก็เรียกพวกพ้องของเขามาและบอกให้ทุกคนระวังตัว
“เอ็ดเวิร์ดน่ากลัวขนาดนั้นจริง ๆ อย่างนั้นหรอ? ถ้าเขาไม่กล้าเข้ามาที่นี่เพื่อขโมยมันกลับคืนไป อย่างนั้นแล้วพวกเราจะต้องกลัวอะไร?” จีชิงดูค่อนข้างสับสน
“ความจริงที่ว่าเขาไม่บุกมาขโมยมันกลับไปคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกจัดการ พวกเธอไม่ควรออกไปไหนตามลำพังเป็นอันขาด” หานเซิ่นพูดอย่างมีน้ำหนัก
วันต่อมา หานเซิ่นนำทีมของเขากลับไปที่หุบเขาลาวาเพื่อทำการค้นหาซีโน่เจเนอิคต่อ แต่ครั้งนี้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาไป๋เวยไปด้วย
โชคดีที่ไป๋เวยไม่ได้พูดอะไรมาก ทั้งหมดที่เธอทำก็คือตามพวกเขาไปและทำตัวเหมือนกับว่าเธอไม่ได้ใส่ใจอะไรแม้แต่น้อย
แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึงดินแดนของหุบเขาลาวา ไป๋เวยก็ก้าวออกมาข้างหน้าหานเซิ่น
“จากนี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นหัวหน้าของทีมนี้” ไป๋เวยพูดด้วยโทนเสียงออกคำสั่งกับหานเซิ่น
“ทำไมข้าต้องฟังเจ้าด้วย?” หานเซิ่นดูเหมือนกับว่าต้องการจะหัวเราะออกมา
“เจ้าควรจะเรียนรู้เกี่ยวกับฐานะของข้า” ไป๋เวยพูดอย่างเย็นชา
“ฐานะอะไร? ข้ารู้แค่ว่าเจ้าเป็นมือใหม่ที่สุดของทีม และนั่นทำให้เจ้าเป็นคนที่มีคุณสมบัติน้อยที่สุดที่จะเป็นผู้นำของพวกเรา”
หานเซิ่นหัวเราะใส่เธอและไม่ได้พูดอะไรที่บ่งบอกว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับเธอ
ในขณะที่แสแสร้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้ถึงฐานะของเธอ หานเซิ่นก็จะสามารถปฏิบัติกับเธอได้เหมือนกับมือใหม่คนหนึ่ง แต่ถ้าเขาแสดงตัวว่ารู้จักเธอล่ะก็ นั่นจะทำให้มันดูเหมือนกับว่าเขาแค่กำลังรังแกเธอ ซึ่งมันแตกต่างกัน
ไป๋เวยตกตะลึงกับการโต้แย้งของหานเซิ่น เธอมองไปที่เขาและพยักหน้า
“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าในฐานะมือใหม่จะขอท้าเจ้า ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะกลายเป็นหัวหน้าของทีมนี้ หลังจากนั้นเจ้าและทีมของเจ้าก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังข้า”
“ไม่” หานเซิ่นปฏิเสธข้อเสนอของเธอ
“เจ้ากลัวอย่างนั้นหรอ?” ไป๋เวยมองตรงไปที่หานเซิ่น
“เจ้าคือคนที่อ่อนแอที่สุดในทีม ส่วนข้าคือหัวหน้าทีม ข้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่นี่ ถ้าเจ้าต้องการจะท้าข้าล่ะก็ เจ้าก็ต้องเอาชนะพวกพ้องของข้าให้ได้ซะก่อน” หานเซิ่นชี้ไปที่หานเมิ่งเอ๋อและคนอื่นๆ
“เอางั้นก็ได้” ไป๋เวยตกลง แต่เธอไม่ชอบใจในสิ่งที่หานเซิ่นพูดนัก
“มือใหม่ก็คือมือใหม่” หานเซิ่นถอนหายใจ หลังจากนั้นเขาก็หันไปพูดกับหานเมิ่งเอ๋อ
“เมิ่งเอ๋อ สอนมือใหม่คนนี้ให้รู้จักเคารพคนที่อยู่เหนือกว่าซะบ้าง แต่อย่าได้รุนแรงกับนางจนเกินไป พวกเราไม่ได้ต้องจะฆ่านาง”
เมื่อไป๋เวยได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด เธอก็รู้สึกโกรธจัด แต่ภายนอกเธอแค่หัวเราะออกมา
“เจ้าไม่กล้าสู้กับข้าด้วยตัวเอง เจ้าจึงหันไปขอให้ผู้หญิงคนหนึ่งช่วยเจ้าเนี่ยนะ?”
“นี่คือลูกสาวของข้า ถ้าเจ้าชนะเมิ่งเอ๋อได้ ข้าก็จะยอมรับคำท้าของเจ้า” หานเซิ่นหัวเราะ
เมื่อหานเมิ่งเอ๋อได้ยินหานเซิ่น เธอก็ก้าวออกมาข้างหน้าและเดินไปตรงหน้าไป๋เวย
ไป๋เวยไม่ได้สนใจอะไรหานเมิ่งเอ๋อ และเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรหานเซิ่นเช่นกัน เธอคิดว่าหานเซิ่นยังแทบไม่มีพลังพอจะต่อกรกับเธอเลย ดังนั้นเธอจึงคิดว่าไม่มีอะไรต้องกังวลกับคู่ต่อสู้ที่เป็นเพียงแค่ลูกน้องของหานเซิ่น
แต่เมื่อหานเมิ่งเอ๋อดึงสายธนู สีหน้าของไป๋เวยเปลี่ยนไป เธอมองตรงไปที่หานเมิ่งเอ๋อโดยที่ไม่ประมาทคู่ต่อสู้อีกต่อไป
ถึงไป๋เวยจะอวดดี แต่เธอไม่ได้โง่ ความจริงแล้วเธอเป็นคนที่ชาญฉลาดมากๆ และทันทีที่หานเมิ่งเอ๋อดึงสายธนู เธอก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคาม ดังนั้นเธอจึงรีบรวบรวมพลังมาไว้ในหมัด
หานเมิ่งเอ๋อไม่ได้สนใจอะไรปฏิกิริยาของไป๋เวย เธอเพียงแค่ดึงสายธนูและเมื่อเธอปล่อยนิ้ว ลูกธนูก็บินเข้าหาใบหน้าของไป๋เวยอย่างรวดเร็ว
ไป๋เวยชกหมัดเข้าใส่ลูกธนูสีดำอย่างเยือกเย็น มันคือหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอล มันเป็นหนึ่งใน 5 วิชาหมัดที่สุดยอดที่สุดในจักรวาลจีโน เธอสามารถทำลายภูเขาทั้งลูกได้อย่างง่ายถ้าเธอชกใส่มัน
แต่ในตอนที่ลูกธนูกำลังจะปะทะกับหมัดของไป๋เวยนั้น จู่ๆลูกธนูก็หายไปจากสายตาของไป๋เวย และเมื่อมันปรากฏขึ้นอีกครั้ง มันก็พุ่งเข้าไปที่หน้าท้องของเธอ ใบหน้าของไป๋เวยยังคงเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อร่างกายของเธอถอยไปด้านหลัง หมัดของเธอก็ถูกดึงกลับและชกใส่ลูกธนูอีกครั้ง การเคลื่อนไหวทั้งหมดดูลื่นไหลมากๆ และมันก็ไม่มีการลังเลหรือการกังวลใจเลยแม้แต่นิดเดียว
ตูม!
ดวงอาทิตย์สีดำฉายแสงขึ้นจากจุดที่เธอยืนอยู่ และไป๋เวยก็เป็นฝ่ายที่กระเด็นออกไป ชุดเกราะของเธอถูกทำลายและเส้นผมของเธอบางส่วนก็ถูกเผาจนไหม้ มีเพียงแค่ผมภายใต้หมวกของเธอเท่านั้นที่รอดจากการเผาไหม้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็เธอก็คงหัวโล้นไปแล้ว
สีหน้าของไป๋เวยเปลี่ยนไป แต่ทันใดนั้นก็มีดวงไฟสีทองเข้าห่อหุ้มทั้งร่างกายของเธอและหยุดยั้งแรงระเบิด แต่ถึงอย่างนั้นเลือดก็ไหลออกมาจากริมฝีปากของเธอ และนั่นหมายความว่าเธอได้รับบาดเจ็บ
ไป๋เวยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกธนูที่ถูกยิงโดยใครบางคนจากทีมสำรองจะทรงพลังถึงขนาดนี้ ซึ่งแม้แต่หมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลก็ไม่ทรงพลังเท่ากับลูกธนูนั้น เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มันก็เป็นความจริง และไป๋เวยก็สูญเสียความได้เปรียบของเธอไป หลังจากนั้นหานเมิ่งเอ๋อก็ดึงสายธนูซ้ำๆขณะที่ลูกธนูพุ่งออกไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า
ไป๋เวยถูกลูกธนูไล่ต้อนและมันก็ไม่มีโอกาสที่เธอจะเข้าไปใกล้หานเมิ่งเอ๋อได้ วิชาจีโนของเอ็กซ์ตรีมคิงเป็นอะไรที่แข็งแกร่งมากๆ แต่ถึงอย่างนั้นหมัดเอ็กซ์ตรีมคิงไฟนอลของไป๋เวยก็ยังอ่อนแอกว่าลูกธนูเดสทรอยเยอร์ไบเบิลที่อัดแน่นด้วยพลังของวิชาเบรกซิกซ์สกายของหานเมิ่งเอ๋อ
ลูกธนูของหานเมิ่งเอ๋อไล่ต้อนไป๋เวยให้ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ แต่ไป๋เวยก็ยังไม่แพ้ เธอแข็งแกร่งมากๆและมาร์ควิสน้อยคนนักที่จะสามารถเอาชนะเธอได้
“พอได้แล้ว” หานเซิ่นบอกให้หานเมิ่งเอ๋อหยุดมือ
“มันยังไม่มีผู้ชนะ!” ไป๋เวยจ้องไปที่หานเซิ่น
หานเซิ่นหัวเราะและพูด “เจ้าแพ้! เจ้าบังคับให้ตัวเองใช้วิชาจีโนที่จ่ายพลังมากกว่าที่เมิ่งเอ๋อใช้เป็นสิบๆเท่า ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องพ่ายแพ้ นี่เป็นการแข่งขันจำได้ไหม? นี่มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิต ดังนั้นมันไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องดำเนินมันต่อไป”
ไป๋เวยไม่สามารถพูดอะไรตอบกลับไปได้ เพราะสิ่งที่หานเซิ่นพูดเป็นความจริงที่เธอไม่สามารถปฏิเสธได้
“ถ้าเจ้าเอาชนะลูกสาวของข้าไม่ได้ เจ้าก็ควรจะตั้งใจฝึกฝนอีกสัก 2-3 ปี แบบนั้นบางทีข้าอาจจะมอบโอกาสให้เจ้าท้าสู้กับข้า” หานเซิ่นพูดอย่างชัดเจนโดยไม่ปิดบังอะไร
หานเซิ่นจงใจกำราบไป๋เวยซะตอนนี้ เพื่อที่เขาจะได้คงความเป็นผู้นำของกลุ่มเอาไว้ เพราะถ้าไป๋เวยเป็นคนนำล่ะก็ หานเซิ่นก็จะไม่สามารถออกล่าวิญญาณอสูรอย่างที่ต้องการได้
“สักวันหนึ่ง! ข้าจะเอาชนะทั้งเจ้าและนาง” ไป๋เวยพูดอย่างเยือกเย็น แต่เธอไม่ได้ยืนกรานที่จะเป็นหัวหน้าทีมอีกต่อไป
มันเห็นได้ชัดว่าไป๋เวยไม่ได้เป็นคนที่เยือกเย็นอย่างที่แสดงออกมา เธอมองหานเมิ่งเอ๋อด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน หลังจากนั้นเธอก็มองไปที่หานเซิ่น เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหญิงสาวที่ดูเยือกเย็นคนนั้นจะเป็นลูกสาวของหานเซิ่น