“พวกเจ้าได้มันไปแล้ว ตอนนี้พวกเจ้าก็ควรจะไปซะ อย่าได้รบกวนสถานที่หลับใหลของอันดายอิ้งเบิร์ด” หญิงชราดูไม่ค่อยพอใจที่พวกเขาส่งเสียงดัง
“เจ้าเอามันไป” ไป๋เวยพูดกับหานเซิ่นขณะที่เธอปล่อยมือจากรังนก
“ข้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง?” หานเซิ่นดูรู้สึกผิด แต่ภายในจิตเขากำลังดีใจราวกับดอกไม้ที่เบิกบาน ‘นี่เป็นบางสิ่งที่มีค่าเทียบเท่ากับสมบัติระดับเทพเจ้า ถึงเราจะไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้ แต่มันต้องเป็นบางสิ่งที่ดีอย่างแน่นอน’
ไป๋เวยกรอกตาของเธอ “ข้าแค่ขอให้เจ้าถือมันเอาไว้ก่อนชั่วคราวเท่านั้น อย่าได้คิดอะไรกับมันมาก”
หานเซิ่นยักไหล่และไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเดินไปหยิบรังของอันดายอิ้งเบิร์ดขึ้นมา รังของอันดายอิ้งเบิร์ดเป็นสิ่งของระดับเทพเจ้า ถ้าไม่ได้รับการยินยอมจากมัน แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ไม่สามารถใช้มันได้
หานเซิ่นประหลาดใจที่เขาได้รับการยอมรับจากอันดายอิ้งเบิร์ด ตอนนี้เขาได้รับอนุญาตให้ใช้รังของอันดายอิ้งเบิร์ดได้ ซึ่งสำหรับคนอื่นแล้วมันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ แม้แต่ไป๋เวยก็ไม่สามารถใช้มันได้
‘เธอจะมาโทษว่าฉันขโมยมันไปไม่ได้ เธอเป็นคนที่ไม่ยอมเดินขึ้นไปบนบันไดขั้นสุดท้ายเอง’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
หญิงชราดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนักกับความจริงที่พวกเขาเอารังของอันดายอิ้งเบิร์ดไป และตอนนี้เธอก็อยากให้พวกเขาไปให้พ้นๆ
หานเซิ่นถือรังนกเอาไว้ขณะเดินออกจากภูเขาเอ็กซ์ตรีมเดด เขากลับไปยังเส้นทางที่เข้ามา และไม่นานพวกเขาก็มาอยู่ที่ชายฝั่ง
มันมีแมลงลาวาจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วทะเลลาวา พวกมันเป็นเหมือนกับแฟรี่ลาวาที่ร้อนแรง ตัวของพวกมันร้อนยิ่งไปกว่าลาวาซะอีก และนี่คือตอนที่พวกมันกำลังพักผ่อน ถ้าเกิดพวกมันปลดปล่อยความร้อนออกมาพร้อมๆกันล่ะก็ แม้แต่ชุดเกราะระดับดยุกก็จะถูกละลาย
หานเซิ่นพยายามบินขึ้นไป แต่เขายังไม่สามารถทำได้ พวกเขาจำเป็นต้องเดินไปบนทะเลลาวา
จู่ๆไป๋เวยก็ยิ้มให้กับหานเซิ่น ซึ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ การได้เห็นคนที่อวดดียิ้มให้กับใครสักคนนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
ไป๋เวยนำเอาใบไม้ใบหนึ่งออกมา และหลังจากที่เธอใส่แสงแห่งเทพเข้าไปข้างใน เธอก็โยนใบไม้ลงไปในทะเลลาวา
ใบไม้ขยายใหญ่ในอากาศและกลายเป็นเหมือนกับเรือขนาดเล็ก เมื่อมันลงถึงพื้นผิวของทะเลลาวา สีเขียวของใบไม้ก็เหมือนกับหยก ใบไม้ลอยตัวบนทะเลลาวา และเหล่าแมลงลาวาก็เริ่มจะหลีกเลี่ยงมัน ไม่มีแมลงลาวาตัวไหนที่กล้าเข้ามาใกล้ใบไม้
ไป๋เวยก้าวไปบนใบไม้และหันกลับมามองที่หานเซิ่น
“ถ้าพวกเจ้ายินดีที่จะมาเป็นอัศวินของข้า ข้าก็ยินดีที่จะพาพวกเจ้าไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย”
“ขอบคุณแต่ไม่ล่ะ” หานเซิ่นยิ้ม ผู้หญิงนั้นดื่มด่ำความภาคภูมิใจในตัวเอง เธอไม่แม้แต่จะหาความจริงว่าหานเซิ่นเป็นใครกันแน่ และภัยเพียงอย่างเดียวต่อหน้าพวกเขาก็มีแค่แมลงลาวา ซึ่งพวกมันไม่มีทางที่จะหยุดเขาได้
ไป๋เวยเห็นหานเซิ่นและเพื่อนของเขาจับกลุ่มกัน หลังจากนั้นหานเมิ่งเอ๋อก็เรียกโล่ป้องกันสีฟ้าออกมา มันปกป้องพวกเขาทั้งหมดขณะที่พวกเขาเริ่มเดินไปบนทะเลลาวา
ไป๋เวยขมวดคิ้วและแนะนำหานเซิ่น “เมื่อแมลงลาวาตกใจ พวกมันจะระเบิดความร้อนออกมา ความร้อนที่พวกมันสร้างขึ้นมานั้นละลายสมบัติป้องกันระดับดยุกได้อย่างสบายๆ แม้แต่ชุดเกราะระดับราชันก็จะถูกทำลายด้วยความร้อนของพวกมัน อย่ามาโทษที่หลังว่าข้าไม่เตือนพวกเจ้า”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” หานเซิ่นตอบ แต่เขาไม่ได้หยุดเดินไปบนทะเลลาวา
ขณะที่พวกเขาเดินไปบนทะเลลาวา ทันใดนั้นแมลงลาวาจำนวนมากก็เริ่มพากันเข้ามา ร่างกายของพวกมันเป็นเหมือนกับเหล็กร้อน และพวกมันก็ใช้ตัวเองพุ่งเข้าชนกับผิวของใบเสมาราชาแมลงปีศาจ พวกมันระเบิดด้วยความร้อนสูงที่สามารถละลายเหล็กได้ แต่ใบเสมาราชาแมลงปีศาจกลับไม่ละลายแม้แต่นิดเดียว
ไป๋เวยดูประหลาดใจเมื่อเห็นอย่างนั้น ขณะที่ไป๋เวยเคลื่อนเรือใบไม้ของเธอไป เธอก็มองไปที่กลุ่มของหานเซิ่น เธอประหลาดใจกับพลังป้องกันของใบเสมาราชาแมลงปีศาจอย่างมาก
“เขามีไพ่ตายซ่อนอยู่กี่อย่างกันแน่?” ไป๋เวยมองหานเซิ่นอย่างแปลกๆ
เมื่อพวกเขาเดินออกจากเกาะได้หนึ่งไมล์แล้ว ความสามารถในการบินของพวกเขาก็กลับคืนมา หานเซิ่นและพวกพ้องเริ่มบินขึ้นจากทะเลลาวา
จระเข้ลาวาที่พยายามโจมตีใส่พวกเขาไม่สามารถทำอะไรใบเสมาราชาแมลงปีศาจได้เช่นกัน ไป๋เวยเก็บใบไม้ของเธอและใช้พลังของตัวเองเพื่อพาตัวเองออกจากที่นี่
หานเซิ่นไม่ได้หัวเราะใส่เธอ แต่เขาได้เสนอให้เธอเข้ามาหลบภายในใบเสมาราชาแมลงปีศาจร่วมกับพวกเขา แต่เธอไม่ตอบ เธอพยายามจะออกไปจากที่นี้ด้วยวิธีการของตัวเอง
“ผู้หญิงคนนี้จะทะนงตัวเองเกินไปแล้ว” หานเซิ่นส่ายหัวและหันไปตรวจดูรังของอันดายอิ้งเบิร์ดแทน
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจดูมัน และเขาก็เห็นได้ว่ารังของอันดายอิ้งเบิร์ดนั้นเต็มไปด้วยห่วงโซ่สสารของพลังเหตุอันลึกลับ
แต่หานเซิ่นไม่สามารถเปิดใช้งานพลังของรังนกได้ เขาพยายามวิเคราะห์มันอยู่สักพัก แต่เขาก็คิดไม่ออกว่ามันมีประโยชน์อะไรกันแน่
‘เราคงต้องลองใหม่ในตอนที่กลับถึงบ้านแล้ว พลังของรังนกนี้ไม่มีทางด้อยไปกว่าการชำระล้างแห่งสรวงสวรรค์ได้’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
เมื่อพวกเขาออกไปจากถ้ำแล้ว หานเซิ่นก็พาพวกพ้องของเขากลับไปที่หุบเขาลาวาอีกครั้ง
“ทำลายกล้องบันทึก และแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกินขึ้นในวันนี้ ถ้าพวกเจ้ากล้าพูดเรื่องนี้แม้แต่คำเดียว เจ้ารู้สินะว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋เวยมองเป่าเอ๋อคนที่ตอนนี้กำลังถ่ายวิดีโออย่างตั้งอกตั้งใจด้วยกล้องในมือ
“นี่มันไม่ดีแน่ๆ พวกเราเพิ่งจะทำลายกล้องตัวหนึ่งไปเมื่อวันก่อน ตอนนี้พวกเราจะทำลายมันอีกอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นดูแย่
“ข้าจะพูดกับราชาอัศวินไอซ์บลูให้เอง แค่ทำลายมันก็พอ!” ไป๋เวยพูด
หานเซิ่นดีใจ แต่ใบหน้าของเขายังดูแย่อยู่ดี เขาพูดขึ้นมา
“เอางั้นก็ได้ แต่มันยังเหลือเวลาอีกสักพักก่อนที่พวกเขาจะต้องกลับไปฐานทัพเพื่อรายงาน พวกเราค่อยทำลายมันก่อนที่จะกลับไปเป็นยังไง?”
หานเซิ่นไม่ต้องการให้ใครคนอื่นเห็นสิ่งที่พวกเขาทำเช่นเดียวกัน และถ้าไป๋เวยยินดีเป็นคนรับผิดชอบ นั่นก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ
ไป๋เวยหยุดพูด เธอเดินต่อนำหน้าไปในหุบเขา เธอมาที่นี่เพราะข้อตกลงของราชาไป๋กับอันดายอิ้งเบิร์ด ซึ่งถือเป็นบทลงโทษของเธอ เธอยังไม่สามารถกลับไปได้ในตอนนี้
ที่ไป๋เวยถูกลงโทษนั้นก็เป็นเพราะหานเซิ่น ไป๋เวยสูญเสียเดสทรอยเยอร์ไบเบิลให้กับดอลลาร์ ด้วยเหตุนั้นเธอจึงถูกราชาไป๋ลงโทษ บทลงโทษของเธอคือการรับสิ่งของจากอันดายอิ้งเบิร์ดกลับไป แต่มันไม่มีใครคาดคิดว่าไป๋เวยจะไม่กล้าก้าวขึ้นไปบนบันไดขั้นสุดท้าย และหานเซิ่นก็เป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากอันดายอิ้งเบิร์ดแทน
หานเซิ่นและคนอื่นๆทำการค้นหาซีโน่เจเนอิคภายในหุบเขาลาวาต่อไป ซึ่งหลังจากผ่านไป 3 วันมี ก็มีใครบางคนเข้ามาในหุบเขาลาวาและติดตามพวกเขาอย่างลับๆ
ราชาไนท์ริเวอร์ดูเลือดเย็น ถึงแม้เขาจะถูกบังคับให้มา แต่จิตใจที่อยากจะฆ่าหานเซิ่นของเขาก็ไม่ได้ถูกบังคับ