หานเซิ่นมองไปรอบๆถ้ำ แต่เขาหาทางออกทางอื่นไม่เจอ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงปล่อยอสูรกาแล็กซี่ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา
“อสูรกาแล็กซี่ มาดูสิว่านายจะทำได้ดีแค่ไหน” หานเซิ่นกระโดดขึ้นบนหลังของอสูรกาแล็กซี่
อสูรกาแล็กซี่ร้องตอบ แสงของดวงดาวเริ่มเรืองแสงออกมาจากร่างกายของมัน ขณะที่มันและหานเซิ่นเริ่มโปร่งใส หลังจากนั้นมันก็วิ่งเข้าไปในกำแพงหินข้างหน้า
สิบนาทีหลังจากที่หานเซิ่นและอสูรกาแล็กซี่จากไป เอ็ดเวิร์ดก็มาปรากฏตัวที่ปากถ้ำ หลังจากที่เขาก็เข้ามาข้างใน เขามองไปรอบๆ
“ไม่อยู่ที่นี่?” เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้ว เขามั่นใจในตรรกะของตัวเอง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงรู้สึกประหลาดใจเมื่อหาหานเซิ่นไม่พบ
“ดูเหมือนเจ้านี่จะเป็นปัญหามากกว่าที่คิดเอาไว้ ทุกสิ่งมีชีวิตจะทิ้งร่องรอยของตัวเองเอาไว้ แม้มันอาจจะเล็กเพียงแค่ไม่กี่โมเลกุลก็ตาม แต่ทว่าเขากลับไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้เลย เขาทำแบบนั้นได้ยังไงกัน?” เอ็ดเวิร์ดขมวดคิ้วขณะที่สำรวจรอบๆ
ถึงแม้จะไม่พบหานเซิ่น แต่เอ็ดเวิร์ดก็มั่นใจว่าหานเซิ่นเข้ามาในถ้ำนี้จริงๆ
‘ตรรกะของเรานำมาสู่ทางตันหรอเนี่ย ดูเหมือนว่าเราจะต้องหาตัวเขาด้วยวิธีอื่น’
เอ็ดเวิร์ดครุ่นคิดขณะที่มองไปรอบๆรัง สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่หนึ่งในกำแพงของถ้ำ หลังจากนั้นเขาก็กลับออกไป
ด้วยความช่วยเหลือจากอสูรกาแล็กซี่ ทำให้หานเซิ่นสามารถเดินทางผ่านหินได้โดยตรง พวกเขาทั่งคู่ต้องเดินทางไปหลายร้อยไมล์ก่อนที่จะมาถึงถ้ำใต้ดินอีกแห่งหนึ่ง
หานเซิ่นปล่อยให้อสูรกาแล็กซี่หยุดพัก ขณะที่เขาสำรวจภายในถ้ำแห่งนั้น
‘เอ็ดเวิร์ดคงจะหาเราไม่เจอในเร็วๆนี้ แต่ยังไงก็ตามเรายังออกไปสู่พื้นผิวไม่ได้ เราจำเป็นต้องหาให้ได้ว่าแผ่นหินนี่มีความพิเศษยังไง’
หานเซิ่นมองไปรอบๆ ถ้ำที่พวกเขามาถึงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของระบบถ้ำใต้ดินที่ดูซับซ้อน
ในบริเวณที่พวกเขาอยู่นั้นปราศจากซีโน่เจเนอิค ดังนั้นหานเซิ่นจึงตัดสินใจพักก่อน ขณะที่เขาพิงหลังกับก้อนหินอย่างผ่อนคลาย เขาก็คิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด
‘แผ่นหินนี่ดูเหมือนจะเป็นบางสิ่งที่มีค่ามหาศาล และน้อยคนนักที่จะรู้เกี่ยวกับมัน คนระดับสูงของเอ็กซ์ตรีมคิงบางคนอาจจะรู้ แต่อย่างน้อยๆราชาไป๋ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมัน ถ้าเขารู้ล่ะก็ ราชาอัศวินไอซ์บลูก็ไม่มีทางขัดคำสั่งของเขาแบบนี้’ ขณะที่หานเซิ่นครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากภายในถ้ำหิน มันฟังดูเหมือนกับว่าบางสิ่งกำลังคืบคลานเข้ามา
หานเซิ่นเปิดใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียน และเขาก็สัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของตัวอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่พลังชีวิตนั้นดูจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไร นั่นช่วยทำให้หานเซิ่นคลายความกังวลลง
เสียงนั่นเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ และไม่กี่นาทีหลังจากนั้น หานเซิ่นก็เห็นซีโน่เจเนอิคประหลาดตัวหนึ่งปรากฏตัวออกมา
ร่างกายของมันปกคลุมด้วยขนที่มันเงาสีดำ ขนของมันดูแวววาวและเรียบเนียนอย่างน่าตกใจ มันมีขนาดพอๆกับแมวและดวงตาของมันก็โตราวกับชิ้นอัญมณีสีดำที่เปล่งประกาย
หานเซิ่นมองไปที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้น และเจ้าซีโน่เจเนอิคก็มองกลับมาที่เขา พวกเขาจ้องกันและกันอยู่สักพัก
แต่หลังจากนั้นเจ้าซีโน่เจเนอิคตัวนั้นก็เมินเฉยต่อเขา มันหันกลับและเดินไปในอุโมงค์หินอีกทาง มันส่ายก้นขณะที่เดินไปและหางของมันก็โบกสะบัดอย่างช้าๆ
หานเซิ่นหลี่ตาของเขาและสังเกตเห็นว่าที่หางของซีโน่เจเนอิคตัวนั้นดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่ดูเหมือนกับกำไลข้อมืออยู่
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบมัน และเขาก็สังเกตเห็นตัวอักษรที่สลักอยู่บนของสิ่งนั้น
“ขุนพลเซเคร็ดโกสต์โบน” ดวงตาของหานเซิ่นเบิกกว้าง และเขาก็ตัดสินใจตามหลังเจ้าตัวน้อยไป
“เจ้าตัวนั้นมีความเกี่ยวข้องขุนพลโกสต์โบนอย่างนั้นหรอ? แต่มันดูไม่แข็งแกร่งเลยสักนิด อย่างมากมันก็ไม่ได้เหนือไปกว่าระดับไวเคานต์ ถ้าขุนพลโกสต์โบนต้องการสัตว์เลี้ยงจริงๆ เขาก็คงจะไม่เลือกบางสิ่งที่อ่อนแอแบบนั้น” หานเซิ่นไม่รีบร้อนที่จะจัดการกับอสูรน้อยตัวนั้น เขาแค่ตามหลังมันไป
อสูรตัวน้อยไม่ได้แสดงท่าทีว่ามันหวาดกลัวต่อเขา มันไม่ได้หันกลับมามอง มันเดินคดเคี้ยวไปภายในระบบถ้ำใต้ดินที่ซับซ้อน มันดูไม่ได้รีบร้อนอะไร และมันก็เดินไปอย่างขาดความกระตือรือร้น
หานเซิ่นติดตามมันไปตามอุโมงค์อย่างอดทน และตลอดช่วงเวลานั้น เขาก็มีความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัว
‘เมืองโบราณนั้นมีชื่อว่าเมืองโกสต์โบน แต่รูปปั้นของโกสต์โบนกลับเป็นเพียงแค่ยามเฝ้าประตู ภายในห้องโถงของปราสาทมีรูปปั้นของจักรพรรดิมนุษย์อยู่ และเหนือรูปปั้นของจักรพรรดิมนุษย์นั้นมีแผ่นหินนี่อยู่ นั่นหมายถึงอะไรกันแน่?’
หลังจากที่อสูรตัวน้อยเดินทางกว่าหนึ่งชั่วโมง มันก็มาถึงแม่น้ำแห่งหนึ่ง มันหมอบลงกับพื้นเพื่อดื่มน้ำจากแม่น้ำ
‘เจ้าตัวนี้เดินมาตั้งไกล มันคงจะไม่ได้มาถึงที่นี่เพียงแค่จะดื่มน้ำหรอกใช่ไหม?’ หานเซิ่นคิด
ในที่สุดเจ้าอสูรตัวน้อยก็ดูเหมือนจะดื่มน้ำจนอิ่ม และโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง มันกระโดดลงไปในแม่น้ำที่มืดมิด มันนอนหงายกับผิวน้ำราวกับนากและลอยตัวไปตามกระแสน้ำ
หานเซิ่นเก็บอสูรกาแล็กซี่เข้าไปในหอคอยแห่งโชคชะตา หลังจากนั้นเขาก็ติดตามเจ้าอสูรตัวน้อยไป
แต่ไม่นานแม่น้ำก็ไหลลงไปในพื้นดิน เจ้าอสูรตัวน้อยดำลงไปเช่นเดียวกัน หานเซิ่นกัดฟันและกระโดดลงไปในน้ำ เขาใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงขณะที่ตามหลังของอสูรตัวน้อยไป
น้ำใต้ดินนั้นไหลอย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่หานเซิ่นไม่ได้เจอกับซีโน่เจเนอิคธาตุน้ำตัวไหน หานเซิ่นติดตามมันไปเป็นระยะทางหลายร้อยไมล์ แต่มันก็ยังไม่มีปลายทางให้เห็น
หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ในน้ำอย่างยาวนาน จู่ๆอสูรตัวน้อยก็ว่ายเข้าไปหากำแพงด้านหนึ่ง
หานเซิ่นมองตามมันไป และที่นั่นเขาก็เห็นอุโมงค์ขนาดเล็กที่ทะลุผ่านกำแพงหินไป รูนั้นมีขนาดพอๆกับลูกแตงโม ซึ่งเจ้าอสูรตัวนั้นสามารถรอดผ่านเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหาอะไร
แต่หานเซิ่นตัวใหญ่เกินไป ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเรียกอสูรกาแล็กซี่ออกมาและให้มันพาเขาเข้าไปข้างใน
ไม่นานหานเซิ่นก็ค้นพบว่ารูนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จริงๆแล้วมันเป็นท่อโลหะ
“ทำไมท่อโลหะที่ดูเหมือนจะถูกสร้างด้วยมือคนถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หานเซิ่นประหลาดใจ
อสูรตัวน้อยว่ายไปตามท่อโลหะ ขณะที่หานเซิ่นติดตามมันไปบนหลังของอสูรกาแล็กซี่ พวกเขาเดินทางอีกหลายไมล์ก่อนที่อสูรกาแล็กซี่จะไปโผล่อีกด้านหนึ่งของกำแพง
ขณะที่มองไปรอบๆ หานเซิ่นก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ สถานที่ที่เขามาถึงคือปราสาทใต้ดิน และท่อโลหะที่เขาเข้ามานั้นพาเขาออกมาจากปากของรูปปั้นปลาขนาดใหญ่ น้ำไหลออกมาจากท่ออย่างต่อเนื่องและเกิดเป็นน้ำตกน้อยๆที่ไหลลงสู่สระ
สระน้ำนั้นดูเหมือนจะทำมาจากหินที่เหมือนกับหยก น้ำในสระใสอย่างมากจนหานเซิ่นมองเห็นก้นของสระได้
แต่เมื่อหานเซิ่นมองลงไปข้างล่าง เขาก็อึ้งไป ภายในสระมีดวงตาสีดำและขาวกำลังจ้องกลับมาที่เขา