“ท่านกำลังพูดถึงอะไร?” หานเซิ่นมองราชินีจิ้งจอกอย่างเป็นกังวล
“ที่นี่มันหนาว แถมมันไม่มีอะไรนอกจากกำแพงหินและน้ำที่เย็นยะเยือก เจ้าคิดว่าในสถานที่แบบนี้มันมีความสนุกอยู่กี่รูปแบบกัน? แน่นอนว่าเจ้าต้องรู้ว่าข้าหมายถึงอะไร…”
ราชินีจิ้งจอกเลียริมฝีปากของตัวเอง หลังจากนั้นเธอก็ล่วงมือข้างหนึ่งเข้าไปในหน้าอกของตัวเอง
หานเซิ่นอดไม่ได้ที่จะมองตามมือของเธอไป แต่ถึงราชินีจิ้งจอกจะดูยั่วยวนอย่างมาก หานเซิ่นก็ไม่เชื่อว่าเจตนาของเธอจะเรียบง่ายแบบนั้น เธอเป็นยอดฝีมือระดับราชันเป็นอย่างน้อย ใครจะรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
แถมเธอยังเป็นภรรยาของขุนพลโกสต์โบน และหานเซิ่นก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายคนนั้นอยู่หรือตาย ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่และจับได้ว่าภรรยาของเขาเป็นชู้กับหานเซิ่น เขาก็ไม่มีทางจะปล่อยหานเซิ่นเอาไว้แน่
ราชินีจิ้งจอกกระพริบตาให้กับหานเซิ่น เธอนำมือของเธอออกมาจากหน้าอกและเผยให้เห็นลูกกุญแจกระดูกสีดำที่เธอหยิบออกมา
ลูกกุญแจนั้นห้อยอยู่กับสร้อยคอที่ทำขึ้นมาจากหยกขาว
“นี่เป็นอะไรที่สนุกมากๆ ตามข้ามา” ราชินีจิ้งจอกกระพริบตาให้กับหานเซิ่นอีกครั้ง เธอถือสร้อยคออยู่ในมือขณะที่เริ่มเดินออกไปทางปราสาท
“เจ้านี่ดูจะชอบทรมานคนอื่นซะจริงๆ” หานเซิ่นมองดูเธอเดินจากไป และเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจทว่าก็ยังตามเธอไป
ปราสาทนั้นดูงดงาม ในตอนแรกหานเซิ่นคิดว่ามันทำขึ้นมาจากหยก แต่เมื่อเขาสังเกตดูดีๆ เขาก็สามารถบอกได้ว่าประตูและเสาของปราสาทนั้นถูกทำขึ้นมาจากกระดูกทั้งหมด
กระดูกนั้นกึ่งโปร่งใสเหมือนกับหยก และพวกมันก็เปล่งประกายอย่างสวยงาม หานเซิ่นไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตแบบไหนที่ทิ้งกระดูกแบบนั้นเอาไว้กันแน่
ปราสาทกระดูกนั้นมีห้องโถงหลักแค่ห้องเดียวและมีห้องโถงที่เล็กกว่าประกบทั้ง 2 ด้าน ปราสาทนั้นไม่ได้ใหญ่โตอะไร และมันก็ตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับที่ทำขึ้นมาจากกระดูกซะส่วนใหญ่ แม้แต่สระน้ำก็ยังทำขึ้นมาจากกระดูก
โซ่ที่ล่ามราชินีจิ้งจอกอยู่นั้นบางมากๆ และเมื่อเธอเดินออกไป โซ่ก็ถูกดึงขึ้นจากก้นของสระ เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้จำกัดการเคลื่อนไหวของเธอ
ราชินีจิ้งจอกเดินเข้าไปในห้องโถงขนาดเล็กด้านซ้าย หานเซิ่นเดินตามหลังเธอไป ซึ่งในห้องเต็มไปด้วยสมบัติพิเศษมากมาย
มันมีทั้งอาวุธ ชุดเกราะ อัญมณีหลายรูปแบบ สมุนไพรและสมบัติอื่นอีกมากมาย หานเซิ่นแทบจะหายใจไม่ทันขณะที่มองไปรอบๆ เขาอยากจะได้รับสมบัติทั้งหมดนี้มาเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
เมื่อเห็นหานเซิ่นมองกองสมบัติด้วยความละโมบ ราชินีจิ้งจอกก็ยิ้มออกมา เธอมองตรงมาที่เขาและพูด
“ถ้าเจ้าตกลงที่จะมาเป็นคนรักของข้า สมบัติทั้งหมดนี้จะตกเป็นของเจ้า เจ้าจะเอาอะไรไปก็ได้ตามต้องการ นั่นฟังดูเป็นยังไง?”
หานเซิ่นหยุดมองสมบัติและหันมามองที่เธอ “ท่านพาข้ามาที่นี่เพื่อขอแค่นั้น?”
ราชินีจิ้งจอกมองเขาด้วยความดูถูก “แน่นอนว่าไม่ การเป็นเจ้าของสมบัติไร้ประโยชน์พวกนี้จะไปมีความหมายอะไร?”
หลังจากนั้นราชินีจิ้งจอกก็เดินไปตรงหน้ากำแพงที่มีภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดมหึมาอยู่ ใบหน้าของปีศาจนับไม่ถ้วนถูกวาดอยู่บนนั้น
หานเซิ่นไม่รู้ว่าพวกมันเป็นปีศาจแบบไหนกันแน่ แต่มันดูเหมือนกับประตูสู่ขุมนรกที่ถูกเปิดออก และมีปีศาจมากมายคืบคลานออกมาจากความมืดมิดเพื่อทำลายล้างทุกสิ่งบนโลกใบนี้
ใบหน้าของเหล่าปีศาจเต็มไปด้วยความตะกละและความกระหายเลือด ขณะที่หานเซิ่นมองไปที่ภาพจิตรกรรม มันดูเหมือนกับว่าเหล่าปีศาจกำลังจะกระโดดออกมาจากกำแพงและเริ่มกลืนกินผู้คน
ราชาจิ้งจอกเดินไปอยู่ทางด้านซ้ายของภาพจิตรกรรมฝาผนัง ประตูที่ปิดอยู่นั้นมีรูปร่างเหมือนกับโครงกระดูกขนาดมหึมา
ราชินีจิ้งจอกใส่ลูกกุญแจเข้าไปในดวงตาข้างขวาของโครงกระดูก และเมื่อเธอบิดลูกกุญแจ มันก็มีเสียงดังออกมาจากภาพ
ประตูโครงกระดูกนรกก็เปิดออก ภาพวาดของประตูนั้นได้กลายเป็นประตูของจริง ซึ่งเผยให้เห็นความมืดมิดที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพง มันมืดสนิทราวกับหลุมดำ เสียงร้องไห้เบาๆดังออกมาจากหลุมไร้แสงนั้นและเพียงแค่ได้ยินมันก็ทำให้หานเซิ่นรู้สึกหนาวขึ้นมา
“สิ่งสนุกอยู่ในนั้น เจ้ากล้าเข้าไปหรือเปล่า?” ราชินีจิ้งจอกยืนอยู่ถัดจากประตูที่เปิดออกและกำลังยิ้มให้กับหานเซิ่น
“ไม่” หานเซิ่นส่ายหัวของเขา
ราชินีจิ้งจอกดูเหมือนจะไม่รังเกลียดการปฏิเสธของเขา “เจ้าจะไม่เป็นไร ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะปลอดภัย ติดตามข้าและข้าจะพาเจ้าไปสู่การเดินทางสู่ขุมนรก”
หลังจากนั้นราชินีจิ้งจอกก็เดินเข้าไปหาประตูโครงกระดูกนรก
หานเซิ่นคิดกับตัวเอง ‘เธอไปเถอะ แต่ฉันจะไม่ก้าวเท้าเข้าไปในนั้นเป็นอันขาด ใครจะรู้ว่ามันมีกับดักแบบไหนกำลังรออยู่บ้าง”
หานเซิ่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาด แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายไม่ฟังคำสั่งของเขา เขาเดินตรงเข้าไปในประตูโครงกระดูกนรกเช่นกัน เขาสูญเสียการควบคุมแขนขาของตัวเองไปราวกับว่าเขาเป็นหุ่นเชิด
หานเซิ่นมองราชินีจิ้งจอกด้วยความกลัว ร่างกายครึ่งหนึ่งของเธอผ่านเข้าไปในประตูเรียบร้อยแล้ว แต่เธอหันกลับมาและยิ้มให้กับหานเซิ่นอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นและมันก็เหมือนกับว่ามีสิ่งที่มองไม่เห็นดึงหานเซิ่นเข้าไปหาเธอ
หานเซิ่นใช่ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรเนตรม่วง เขามองเห็นว่าราชินีจิ้งจอกดึงเขาด้วยโซ่ที่ทำมาจากสสารล่องหนบางอย่าง โล่นั้นคล้องรอบตัวหานเซิ่นเอาไว้ ทำให้เธอดึงเขาไปอย่างง่ายดาย
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาไม่รู้ว่าตัวเองติดกับดักของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาพยายามใช้พลังหลายอย่างเพื่อหนีจากโซ่ แต่มันก็ไม่มีอะไรที่ได้ผล
‘เธอรัดตัวเราโดยที่เราไม่รู้สึกตัวเลย ราชินีจิ้งจอกคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่เราคาดคิดเอาไว้ หรือบางทีจริงๆแล้วเธอเป็นระดับเทพเจ้า?’ หานเซิ่นใช้พลังต่างๆของเขา แต่พวกมันไม่ได้ผล นั่นทำให้เขาแปลกใจอย่างมาก
เขาไม่สามารถปล่อยตัวเองจากการถูกรัดได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดขัดขืนและเดินไปสู่ประตูโครงกระดูกนรกด้วยตัวเอง
‘ด้วยความแข็งแกร่งของเธอ เราคงจะหนีไหนไม่ได้ ถ้าเธออยากจะฆ่าเรา ถ้าอย่างนั้นเราก็ขอเลือกทางเดินไปด้วยตัวเองดีกว่าที่จะถูกลากเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง’
หานเซิ่นคิด บอกตามตรงเขาเองก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับประตูโครงกระดูกนรกนั่น แน่นอนว่าถ้าเขามีทางเลือก เขาก็ไม่คิดจะเดินเข้าไปข้างในเพียงเพื่อจะตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง
ราชินีจิ้งจอกยิ้ม เธอเดินผ่านประตูเข้าไปโดยมีหานเซิ่นตามไปจากด้านหลัง
เมื่อหานเซิ่นก้าวเข้าไปข้างใน เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงดูดอย่างกะทันหันดึงร่างกายของเขาไปข้างหน้า เขาถูกเทเลพอร์ตไปที่อื่นในช่วงเวลาเพียงหนึ่งวินาที