หานเซิ่นมองไปที่ราชินีโดยไม่ได้พูดอะไร บอกตามตรงเขาไม่ได้เชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอบอก
ผู้คนมักจะพูดว่าผู้หญิงที่สวยนั้นโกหกเก่ง และเมื่อดูจากความงดงามของเธอแล้ว เธอก็ต้องเป็นจอมโกหกอย่างไม่ต้องสงสัย
ราชินีจิ้งจอกดูเหมือนจะรู้ถึงความคิดของหานเซิ่น เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า ทำไมเจ้าไม่รออยู่ที่นี่สักพัก? เมื่อเจ้าได้เห็นซีโน่เจเนอิคตัวนั้น เจ้าก็จะได้รู้ความจริง”
พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเขานั่งอยู่บนยอดภูเขาร่วมกันในความเงียบ เธอซุกเข่าไปที่อกของตัวเองและกอดมันด้วยแขนของเธอ ฝนตกปรอยๆลงบนผมของเธอ ดวงตาที่กระจ่างใสของเธอระยิบระยับอย่างน่าดึงดูด ถ้าผู้คนไม่ได้รู้จักเธอ พวกเขาก็คงจะเชื่อว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ละเอียดอ่อนและอารมณ์อ่อนไหว
“จิ้งจอกเปลี่ยนร่างนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ พวกเขาดูเซ็กซี่และไร้เดียงสาได้ทั้งคู่” หานเซิ่นอัศจรรย์ใจกับความสามารถของเธอ ด้วยการที่เธอสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ตามใจชอบนั้น ทำให้คาดเดาอายุของเธอได้ค่อนข้างยาก
ภายในไวท์โบนเฮลล์ไม่มีกลางวันกลางคืน ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นทำการชำระล้างดินแดนด้วยฝนปรอยๆอย่างไม่หยุด แต่หลังจากผ่านไปสักพักมันก็กลายเป็นฝนที่ตกหนัก
ราชินีจิ้งจอกนั่งอยู่บนยอดเขาและปล่อยให้ฝนตกลงมาใส่ตัวของเธอ แต่จริงๆแล้วไม่มีฝนหยดไหนที่สัมผัสตัวของเธอ ร่างกายของเธอถูกห่อหุ้มด้วยออร่าที่ดูศักดิ์สิทธิ์ เธอเป็นเหมือนกับเทพธิดาท่ามกลางกระดูกที่อาบเลือด มันเป็นภาพที่งดงามอย่างน่าประหลาด
หานเซิ่นเองก็ใช้พลังเพื่อป้องกันไม่ให้เม็ดฝนเข้ามาใกล้ เขานั่งอยู่ข้างๆราชินีจิ้งจอกและมองออกไปในดินแดนที่ย้อมด้วยสีแดง ถึงแม้มันจะเป็นอะไรที่น่าประหลาด แต่หานเซิ่นก็พบตัวเองประทับใจกับภาพที่เห็น
“ข้ายังไม่รู้ชื่อของเจ้าเลย” ราชินีจิ้งจอกพูดขึ้นเบาๆขณะที่เงยหัวขึ้นมามองหานเซิ่น
“ซานมู่” หานเซิ่นพูดอย่างไม่ลังเล เขาไม่ต้องการจะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนที่ลึกลับอย่างราชินีจิ้งจอก มันเห็นได้ชัดว่าเธอมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานและซับซ้อน ซึ่งการไปยุ่งเกี่ยวกับคนอย่างเธอมากไปกว่านี้มีแต่จะนำไปสู่ปัญหา
ถ้าเธอออกไปจากที่นี่ได้จริงๆ หานเซิ่นก็หวังว่าเธอจะไม่ตามเขาไป
“ซานมู่? เป็นชื่อที่แย่อะไรแบบนี้!” ราชินีจิ้งจอกหัวเราะ
“ชื่อนั่นหมายความว่า ‘สามไม้’ แค่หนึ่งไม้ก็น่าเบื่อพออยู่แล้ว เจ้ามีถึง 3! ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าเป็นคนที่น่าเบื่อแบบนี้”
หานเซิ่นหัวเราะ แต่เขาไม่ได้พูดอะไร จากประสบการณ์ของเขาไม่มีจิ้งจอกเปลี่ยนร่างคนไหนที่ไร้เดียงสา เศรษฐีมากมายที่แต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธอ สุดท้ายแล้วจะสูญเสียบางสิ่งที่มีค่าไป
เช่นเดียวกับเผ่าเดสทรอยเยอร์ ถ้าไม่ใช่เพราะจิ้งจอกเปลี่ยนร่าง พวกเขาก็คงจะไม่สูญเสียเดสทรอยเยอร์ไบเบิลไป
และผู้หญิง 2 คนที่ก่อคดีนั้นขึ้นมาเป็นเพียงแค่จิ้งจอกเปลี่ยนร่างระดับต่ำ ส่วนนี่เป็นเหมือนกับปรมาจารย์จิ้งจอก ถ้าหานเซิ่นทำให้เธอโกรธ เขาก็อาจจะสูญเสียอะไรที่มากกว่าแค่ชุดชั้นในของเขา
เมื่อดูจากท่าทางของเขา ราชินีจิ้งจอกเชื่อว่าหานเซิ่นเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อ เธอหลับตาและเงยหน้าขึ้นพร้อมกับปล่อยให้สายฝนที่แดงตกลงบนใบหน้าของเธอ
มันเป็นภาพที่ดูสวยงามและถูกจัดวางอย่างมีศิลปะ หานเซิ่นชื่นชม ราชินีจิ้งจอกที่สามารถเปลี่ยนสไตล์ได้ตามใจชอบ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็มองหาบางสิ่งที่น่าดึงดูดจากคนอย่างเธอ ความน่ากลัวของเธอทำให้เขานึกถึงกู่ชิงเฉิง
ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น จู่ๆราชินีจิ้งจอกก็ชี้ออกไปที่เทือกเขาที่คล้ายคลึงกับดอกบัวและพูด “มันกำลังออกมา!”
หานเซิ่นมองออกไปในทิศทางที่เธอชี้ แต่ฝนกำลังตกหนักเกินไป จนแม่น้ำสายเลือดปรากฏขึ้นจากภูเขาดอกบัวและไหลออกมาราวกับน้ำตก
หานเซิ่นไม่ได้เห็นอะไร และขณะที่เขากำลังลังเลว่าจะเชื่อเธอดีไหม เขาก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้น บางสิ่งกำลังลงมาจากน้ำตกเลือด มอนสเตอร์ตัวนั้นออกมาจากภูเขาแล้วในตอนนี้และมันก็กำลังตามแม่น้ำลงมา
แต่มันยังอยู่ไกลเกินไป และเลือดสายฝนก็บดบังวิสัยทัศน์ของหานเซิ่น เขามองเห็นตัวของมัน แต่ว่ามันเป็นแค่เบลอๆ เขาตัดสินใจเรียกวิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงออกมาเพื่อมองดูมันได้ดียิ่งขึ้น
มันเป็นกิเลนสีแดง เกล็ดของมันเหมือนกับคริสตัลที่ถูกจุ่มในเลือด และเขากิเลนคู่ก็ดูเหมือนกับปะการังที่งอกออกมาจากหัวของมัน
มอนสเตอร์ตัวนั้นไม่ได้ใหญ่โตถึงขนาดกระทิงที่โตเต็มวัย แต่มันดูดุร้ายขณะที่เดินออกมา
ถึงแม้มันจะไม่ได้ปลดปล่อยพลังอะไรออกมา แต่หานเซิ่นก็สัมผัสได้ว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน มันแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ และนอกจากพลังชีวิตของมันแล้ว มันมอบออร่าของความตายออกมา
“มันคืออะไร?” หานเซิ่นถามอย่างสงสัย
ราชินีจิ้งจอกส่ายหัว “โกสต์โบนนำทัพเซเคร็ดบลัดฆ่าสิ่งมีชีวิตนับพันล้านชีวิต นี่เป็นเพียงแค่ลูกของสิ่งมีชีวิตธรรมดาๆตัวหนึ่ง ใครจะไปรู้ว่ามันคืออะไร?”
“ถ้ามันเป็นแค่สมาชิกของเผ่าพันธุ์เล็กๆ และแม่ของมันก็เป็นแค่ไวเคานต์ตัวหนึ่ง อย่างนั้นแล้วมันจะกลายเป็นระดับราชันได้ยังไง? และถ้ามันถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่เพื่อเติบโต วันหนึ่งมันจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าได้ยังไง?” หานเซิ่นไม่เชื่อเรื่องที่เธอเล่า
ราชินีจิ้งจอกขี้เกียจอธิบาย “อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าใจเรื่องนั้นเอง”
ราชินีจิ้งจอกไม่ได้พูดอะไรอีก ดังนั้นหานเซิ่นจึงหันกลับไปมองที่มอนสเตอร์ตัวนั้น
กิเลนโลหิตยังคงมาตามแม่น้ำ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ต้องการเข้ามาใกล้ประตูนรกหรือยุ่งกับหานเซิ่น
หลังจากผ่านไปสักพักฝนก็หยุด ก้อนเมฆสีเลือดจางหายไปและเผยให้เห็นท้องฟ้าที่ดูสะอาดหมดจด
หานเซิ่นไม่เคยเห็นท้องฟ้าแบบนี้มาก่อน มันไม่มีทั้งพระจันทร์หรือดวงดาว ทั้งหมดที่เขามองเห็นมีเพียงแค่ความมืดมิดเท่านั้น
ทันใดนั้นกิเลนโลหิตก็วิ่งขึ้นไปบนเนินกระดูกขาว มันกรีดร้องด้วยเสียงที่ดังก้องราวกับเสียงฟ้าร้อง และมันทำแบบนั้นอยู่สักพัก
หานเซิ่นสังเกตเห็นบางสิ่งที่แปลก เจ้ากิเลนโลหิตกำลังเรืองแสงสีแดงออกมา ร่างกายสีแดงของมันดูเหมือนจะผ่ามิติขณะที่เดินออกไป มันดูน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก สิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจอ่อนแอนั้นคงจะฉี่ราดถ้าพวกมันได้เห็นเจ้ากิเลน
เมื่อกิเลนโลหิตปลดปล่อยพลังโลหิตของมัน ร่างกายของมันก็เปลี่ยนเป็นวังวนของเลือด
กระดูกและแม่น้ำของไวท์โบนเฮลล์เริ่มจะสั่นไหว กระดูกและแม่น้ำเลือดปล่อยปล่อยแสงสีเลือดออกมาและตรงเข้าไปหาวังวนเลือดของเจ้ากิเลน
ทุกอย่างนั้นเคลื่อนไหวเพราะเจ้ากิเลนโลหิตนั่น มันเชื่อมต่อกับโลกใบนี้ราวกับเทพเจ้ากำลังขอเครื่องสังเวย
เมื่อพลังของภูเขากระดูกและแม่น้ำเลือดเข้าไปในร่างกายของมัน ร่างกายของกิเลนโลหิตก็ดูบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น มันเป็นเหมือนกับรูปปั้นคริสตัลสีเลือดที่ดูน่าสะพรึงกลัว