Super God Gene – ตอนที่ 2250

“สมบัติแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะใช้ก็ได้ อย่างแรกข้าไม่ใช่คนเผ่าโบน และอย่างที่ 2 ข้าไม่รู้เกี่ยวกับเทคนิคโกสต์โบน แบบนั้นข้าจะควบคุมหน้ากากโกสต์โบนได้ยังไง?” หานเซิ่นถามขณะที่มองหน้ากากโกสต์โบนที่อยู่บนกำแพง

 

การใช้พลังที่เหนือการควบคุมฟังดูไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก และหานเซิ่นก็ไม่ต้องการจะรับความเสี่ยงมากไปกว่านี้

 

“อย่าได้กังวล ข้าจะสอนเทคนิคโกสต์โบนให้กับเจ้า ในฐานะดยุก เจ้าก็ควรจะควบคุมหน้ากากโกสต์โบนพวกนี้ได้”
ราชินีจิ้งจอกเงียบไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเธอก็พูด “แต่เทคนิคเหล่านั้นเป็นหนึ่งในวิชาที่ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยโกสต์โบน พวกมันเป็นอะไรที่ยากจะฝึก ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะฝึกเทคนิคโกสต์โบนได้สำเร็จก่อนที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นจะเติบโตหรือเปล่า ถ้าเจ้าใช้เวลานานเกินไป มันก็อาจจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพไปซะก่อน การต่อสู้กับมันในตอนนั้นจะเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เพราะถึงแม้เจ้าจะฝึกเทคนิคโกสต์โบนได้สำเร็จและใช้หน้ากากโกสต์โบน พวกมันก็ยังด้อยกว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นอยู่ดี เพราะยังไงซะมอนสเตอร์ตัวนั้นก็กำเนิดภายในไวท์โบนเฮลล์ มันไม่เหมือนกับสิ่งมีชีวิตทั่วๆไป”

 

“คนที่ไม่ใช่เผ่าโบนฝึกเทคนิคโกสต์โบนได้ด้วยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“เผ่าพันธุ์ไหนที่มีกระดูกอยู่ภายในร่างกายฝึกเทคนิคพวกนี้ได้ หลังจากที่พวกเขาเปลี่ยนกระดูกของตัวเองให้กลายเป็นกระดูกผี พลังของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นพวกเขายังพัฒนาความต้านทานต่อธาตุความมืดขึ้นมา แต่…” เสียงของราชินีจิ้งจอกตัด

 

“แต่อะไร?” หานเซิ่นถาม

 

“แต่เมื่อกระดูกของผู้ฝึกกลายเป็นกระดูกผี พลังยีนธาตุแสงของพวกเขาจะสึกกร่อน”
ราชินีจิ้งจอกส่ายหัวอย่างช้าๆ “แต่เจ้าไม่มีทางเลือก ถ้าเจ้าไม่อยากจะตาย นี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่เจ้าทำได้”

 

หานเซิ่นกวาดสายตามองหน้ากากโกสต์โบน แต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาลังเลอยู่ชั่วครู่หลังจากนั้นก็เอื้อมมือออกไปจับหนึ่งในหน้ากากโกสต์โบน

 

“อย่าแตะต้องมัน!” ราชินีจิ้งจอกพูด แต่เธอไม่ได้เคลื่อนที่ไปหยุดเขาเอาไว้

 

หานเซิ่นเมินเฉยต่อคำพูดของเธอขณะที่รวบรวมพลังของตัวเอง เมื่อเขาจับไปที่หน้ากากโกสต์โบน เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังอันหนาวเย็นที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากสิ่งนั้น หานเซิ่นถูกส่งกระเด็นออกไปชนเข้ากับกำแพงที่อยู่ด้านหลัง แรงกระแทกนั้นรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้เขากระอักเลือดออกมา

 

“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าแตะต้องมัน จนกว่าเจ้าจะฝึกเทคนิคโกสต์โบนสำเร็จ มันไม่มีโอกาสที่หน้ากากโกสต์โบนจะยอมรับเจ้า นี่ถือว่าเจ้าโชคดีที่ไม่ได้ถูกมันฆ่าในทันที” ราชินีจิ้งจอกพูดอย่างไม่พอใจ

 

“สิ่งเหล่านี้ทรงพลังจริงๆ” หานเซิ่นลุกกลับขึ้นมาและมองไปที่หน้ากากโกสต์โบนด้วยความยำเกรง

 

“แน่นอนอยู่แล้ว หน้ากากที่มีประสิทธิภาพต่ำนั้นแตกหักไปนานแล้ว อันที่เหลืออยู่ที่นี่คืออันที่เป็นที่สุดของที่สุด”
ราชินีจิ้งจอกถอนหายใจและพูด “ข้าหวังว่าเจ้าจะได้รับความยินยอมจากหน้ากากโกสต์โบนสักอันก่อนที่ซีโน่เจเนอิคตัวนั้นจะก้าวสู่การกลายเป็นระดับเทพเจ้า ไม่อย่างนั้นเจ้าก็เตรียมตัวตายอยู่ที่นี่กับข้า”

 

“ข้าจะพยายาม” หานเซิ่นพูดเบาๆ

 

เมื่อหานเซิ่นตอบตกลง ราชินีจิ้งจอกก็เริ่มสอนเทคนิคโกสต์โบนให้กับเขา เธอเป็นภรรยาของขุนพลโกสต์โบน ดังนั้นเธอจึงรอบรู้ในเทคนิคของเขาเป็นอย่างดี เธอได้มองดูเขาใช้เทคนิคนี้มาอย่างยาวนาน และถึงแม้เธอจะไม่ได้ฝึกพวกมันด้วยตัวเอง เธอก็คุ้นเคยกับพวกมันมากพอที่จะสอนให้กับหานเซิ่น

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนที่จะฝึกเทคนิคใหม่นี้ หลังจากที่ราชินีจิ้งจอกอธิบายมันให้กับเขา เขาก็ใช้เวลาศึกษามันด้วยตัวเองอีกรอบ

 

เขาไม่ได้เชื่อใจราชินีจิ้งจอกอย่างเต็มที่ และเขาก็กังวลว่าการฝึกเทคนิคโกสต์โบนอาจจะมีอันตรายอย่างอื่นที่เธอไม่บอกกับเขา

 

ขณะที่หานเซิ่นศึกษามัน เขาก็ได้รู้ว่ามันจะลดความต้านทานต่อพลังแสงจริงๆ แต่นั่นเป็นความเสี่ยงเดียวของการฝึกฝนมัน และมันก็จะทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างที่เธอบอก มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจว่าทำไมขุนพลโกสต์โบนถึงได้คิดค้นวิชาและเก็บพวกมันเอาไว้เป็นความลับ

 

หานเซิ่นไม่คิดว่าการฝึกมันจะเป็นอะไรที่อันตราย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีแผนจะฝึกมัน เขาได้คิดวิธีการอื่นที่จะทำให้หน้ากากโกสต์โบนยอมรับเขา

 

พลังของหน้ากากโกสต์โบนนั้นเป็นแนวเดียวกับพลังของเทคนิคโกสต์โบน ถ้าหานเซิ่นใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจำลองพลังของหน้ากากโกสต์โบน เขาก็อาจจะหลอกให้เหล่าหน้ากากเชื่อว่าเขามีเทคนิคโกสต์โบน

 

การได้รับการยินยอมจากหน้ากากโกสต์โบนด้วยวิธีการแบบนั้นอาจจะปกป้องเขาจากราชินีจิ้งจอก ถ้าเธอมีแผนที่จะใช้เทคนิคโกสต์โบนมาลอบกัดเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง อย่างนั้นการใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อจำลองพลังของเทคนิคโกสต์โบนก็จะทำให้เขาไม่ทิ้งจุดอ่อนเอาไว้

 

หานเซิ่นอยู่ภายในห้องโถงเล็กด้านข้างและแกล้งทำเป็นว่าเขากำลังฝึกเทคนิคโกสต์โบนอยู่ แต่ในความจริงแล้วเขากำลังใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนและวิญญาณอสูรเนตรม่วงเพื่อมองดูหน้ากากโกสต์โบน

 

ขณะที่หานเซิ่นสังเกตพลังของหน้ากากโกสต์โบน เขาก็พยายามคิดหาวิธีที่จะทำให้กิเลนโลหิตตัวนั้นเชื่อง เขาอยากจะได้มันมาเป็นของตัวเอง

 

ถ้าราชินีจิ้งจอกบอกความจริงกับเขา อย่างนั้นแล้วการทำให้กิเลนโลหิตยอมเชื่อฟังก็ควรจะเป็นเรื่องง่าย หลังจากที่เขาได้รับพลังของหน้ากากโกสต์โบนมาแล้ว หานเซิ่นก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอีก

 

ลูกกุญแจที่ใช้เปิดประตูไปสู่ไวท์โบนเฮลล์นั้นห้อยอยู่ที่คอของราชินีจิ้งจอก ดังนั้นนอกซะจากเธอจะเปิดประตูด้วยตัวเอง มันก็ไม่มีใครเข้าไปได้

 

ภายในฐานทัพของหน่วยอัศวินไอซ์บลู เอ็ดเวิร์ดกำลังกลุ้มใจ

 

หานเซิ่นหายตัวไปต่อหน้าต่อตาของเขา เอ็ดเวิร์ดพยายามจะใช้ทุกวิถีทางที่เขาคิดออกเพื่อหาตัวหานเซิ่น แต่ก็ไม่มีวิธีไหนที่ได้ผล สำหรับเขาแล้วนี่ถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่

 

“เขาเป็นแค่มาร์ควิสคนหนึ่ง แต่ถึงเขาจะกลายเป็นดยุกได้สำเร็จ โอกาสที่เขาจะมีชีวิตรอดบนดาวไอซ์บลูได้ก็ถือว่าต่ำ หรือบางทีเขาอาจจะถูกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งฆ่าตายไปแล้ว?” อัศวินไอซ์บลูพูดขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

เอ็ดเวิร์ดสายหัว “ไม่ ถ้าเขาถูกซีโน่เจเนอิคตัวหนึ่งกินเข้าไป มันก็ต้องเหลือร่องรอยที่ตรวจจับได้ ราชาอัศวินไอซ์บลูเองก็ได้ใช้กองกำลังภายในหน่วยอัศวินเพื่อค้นหาตัวหานเซิ่น แต่ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็ยังไม่ถูกพบตัว เจ้านี่มีอะไรมากกว่าที่พวกเราคิดเอาไว้”

 

“มันไม่มีหนทางอื่นที่จะหาตัวเขาแล้วอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูถามอย่างเป็นกังวล

 

“บางที…” เอ็ดเวิร์ดแตะริมฝีปากของเขาและพูดอย่างช้าๆ “ถ้ากุนซือไวท์เข้าร่วมการสำรวจ บางทีเขาอาจจะหาหานเซิ่นเจอ”

 

“พลังของเขาถูกจำกัดไม่ใช่หรอ? เขาใช้พลังได้เพียงแค่สิบครั้งตลอดชั่วชีวิต และตอนนี้เขาก็ใช้ความสามารถไปถึง 8 ครั้งแล้ว เขาจึงเหลืออีกแค่ 2 ครั้งเท่านั้น เจ้าคิดว่าเขาจะใช้หนึ่งในพลังที่เหลืออยู่เพื่อค้นหามาร์ควิสแค่คนเดียวอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูมองไปที่เอ็ดเวิร์ด

 

“เขาต้องการสิ่งเดียวกันกับที่พวกเราต้องการ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มาที่ระบบจักรวาลเคออสตั้งแต่แรก”

 

“แต่ถ้าพวกเราบอกกุนซือไวท์ถึงสิ่งที่พวกเขากำลังตามหา สถานการณ์ก็อาจจะซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม” อัศวินไอซ์บลูพูด

 

“เจ้าคิดว่าเขายังไม่รู้เรื่องหรือยังไง? ในตอนที่ราชาอัศวินไอซ์บลูพยายามจับตัวหานเซิ่น กุนซือไวท์ก็ต้องรู้สึกตัวถึงเป้าหมายของพวกเราแล้ว เขาแค่ไม่พูดอะไรเท่านั้น” เอ็ดเวิร์ดตอบ

 

“เจ้าคิดว่าเขาจะพยายามตามหาหานเซิ่นด้วยตัวเองอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูตกใจ

 

“เขาจะไปตามลำพังถ้าทำได้ แต่พลังของเขาไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ เขาคงจะทำอะไรไม่ได้มาก และด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องพึ่งพาคราม ดังนั้นถึงแม้เขาจะรู้ว่าหานเซิ่นอยู่ที่ไหน เขาก็ยังจำเป็นต้องพึ่งพาราชาอัศวินไอซ์บลูหรือพวกเราเพื่อต่อสู้แทนเขา”
เอ็ดเวิร์ดพูดต่อ “พวกเราแค่ต้องรอโอกาสเท่านั้น ราชาอัศวินไอซ์บลูจะหมดความอดทนในที่สุด และเขาก็จะไปหากุนซือไวท์ เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเราก็แค่ตามพวกเขาไป”

 

ภายในปราสาท หานเซิ่นกำลังดูเหมือนผีขึ้นเรื่อยๆ เนื้อหนังของเขาเริ่มที่จะโปร่งใสและกระดูกของเขาก็ค่อยๆกลายเป็นสีดำ

 

ขณะที่หานเซิ่นกำลังฝึก เขาก็ได้ยินกำแพงสั่นไหว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมา เขาก็เห็นหน้ากากโกสต์โบนอันหนึ่งกำลังสั่นอย่างรุนแรง

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset