จิตของโกสต์โบนถูกทำลายด้วยชุดเกราะคริสตัลสีดำ แต่พลังของโกสต์โบนยังคงหลงเหลืออยู่ภายในร่างกายของหานเซิ่น และถึงแม้หานเซิ่นจะไม่สามารถใช้พวกมันได้ แต่พลังที่อยู่ในร่างกายของเขาก็เป็นพลังเดียวกันกับพลังที่กักขังพวกเขาเอาไว้ ซึ่งนั่นมอบความเป็นไปได้ใหม่ให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นจำเป็นต้องหาหนทางทำลายพลังป้องกันที่นี่ และด้วยการทำแบบนั้นบางทีเขาอาจจะออกไปจากที่นี่ได้
แต่ด้วยการที่ราชินีจิ้งจอกอยู่ที่นี่ด้วย เธอไม่มีทางจะปล่อยให้เขาไปทดลองวิธีต่างๆตามใจชอบ และถ้าเกิดพวกเขาต้องต่อสู้กันขึ้นมา หานเซิ่นก็ไม่สามารถเอาชนะเธอได้ ดังนั้นเขาต้องหาหนทางทำให้เธอยอมร่วมมือกับเขาก่อน
“พลังที่ป้องกันที่นี่อยู่เป็นบางสิ่งที่แม้แต่ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ อย่างนั้นแล้วอะไรกันที่ทำให้เจ้าคิดว่าจะทำมันได้?”
ราชินีจิ้งจอกกรอกตาของเธอ “แต่มันเป็นเรื่องดีที่เจ้าอยู่ที่นี่ อย่างน้อยมันก็มีใครบางคนอยู่ที่นี่เพื่อพูดคุยกับข้า แบบนั้นข้าจะได้ไม่เบื่อตาย”
‘นั่นฟังดูดี แต่ไม่ว่าเธอจะสวยสักแค่ไหน หลังจากผ่านไปสักพักมันก็น่าเบื่ออยู่ดี ฉันไม่คิดจะอยู่กับเธอไปตลอด’ หานเซิ่นคิดกับตัวเอง
“เอิ่ม…ท่านจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ตอนนี้ขุนพลโกสต์โบนได้เปลี่ยนร่างกายของข้าเป็นร่างโกสต์โบน ข้ายังใช้พลังโกสต์โบนได้ ข้าคิดว่าพลังป้องกันของที่แห่งนี้เกี่ยวเนื่องกับพลังโกสต์โบน มันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ถ้าจะทำลายมัน” หานเซิ่นพูด
ราชินีจิ้งจอกดูค่อนข้างเบื่อในตอนนี้ “พลังที่ป้องกันที่นี่อยู่ไม่ใช่แค่พลังโกสต์โบนเพียงอย่างเดียว ถึงแม้โกสต์โบนจะเกิดใหม่อีกครั้ง เขาก็ทำลายพวกมันออกไปไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่ระดับเทพเจ้า เจ้าเองก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้นแค่อยู่กับข้าที่นี่และทุกอย่างจะไม่เป็นไร”
หลังจากนั้นราชินีจิ้งจอกก็กลับไปที่ปราสาท หานเซิ่นก็ตามหลังเธอกลับไปที่ปราสาทเช่นกัน
ดูเหมือนราชินีจิ้งจอกไม่มีความหวังที่จะหนีออกไปจากที่นี่ และเธอก็ไม่มีอารมณ์จะพูดเกี่ยวกับมันเช่นกัน หานเซิ่นจึงได้แต่ตรวจสอบและวิเคราะห์พลังป้องกันของปราสาทอยู่ตามลำพัง
หานเซิ่นยังไม่คิดจะไปดูโซ่ที่ล่ามราชินีจิ้งจอกอยู่ ในตอนนี้เขาเริ่มจากการตรวจสอบพลังป้องกันกำแพงก่อน ถ้าเขาสามารถทำลายพวกมันได้ อสูรกาแล็กซี่ก็จะสามารถพาเขาออกไปจากที่นี่ได้
ด้วยการใช้ออร่าศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตรวจดูพลังป้องกันที่อยู่ในกำแพง หานเซิ่นสังเกตเห็นว่าพวกมันเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ โครงสร้างลำดับของมันเหนียวแน่น และพวกมันก็อยู่ในรูปแบบที่แปลกประหลาด ถึงแม้เขาจะใช้ท่าตบขั้นสุดยอด พลังของเขาก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายโครงสร้างลำดับของพวกมัน
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ หานเซิ่นก็ไม่มีทางจะทำอะไรกับมันได้
แต่ตอนนี้เขามีร่างโกสต์โบนอยู่ นอกจากนั้นเขายังมีพลังโกสต์โบนของสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า มันจึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
ถ้าราชินีจิ้งจอกสามารถทำลายการป้องกันเพื่อให้เขาผ่านเข้ามาได้ก่อนหน้านี้ หานเซิ่นก็คิดว่าตัวเองสามารถได้เหมือนกัน
หานเซิ่นใช้วิญญาณอสูรผีเสื้อเนตรม่วงเพื่อตรวจสอบทั่วทั้งปราสาท เขาพยายามจะดูว่าปราสาทนั้นถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบไหน
พลังป้องกันไม่ได้ถูกเสริมเข้าไปทีหลัง แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นมาเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งก่อสร้าง หินของปราสาทเป็นหนึ่งในพลังป้องกัน แม้แต่ตัวของราชินีจิ้งจอกเองก็เป็นส่วนหนึ่งของมัน นอกซะจากพลังป้องกันของทั้งปราสาทจะถูกทำลายไป ราชินีจิ้งจอกก็ไม่มีวันออกไปจากที่นี่ได้ และถ้าหานเซิ่นต้องการทำลายพลังป้องกันของทั้งปราสาท เขาก็ต้องทำลายพลังของราชินีจิ้งจอกด้วย นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่คิดจะหนีออกไป
ขุนพลโกสต์โบนนั้นชาญฉลาด เขาออกแบบปราสาทนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ลงมือสร้างมันขึ้นมา
‘พลังป้องกันของที่นี่เป็นอะไรที่มหัศจรรย์ แต่มันทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจากเทคนิคโกสต์โบน ตอนนี้เมื่อเรามีร่างโกสต์โบนอยู่ ถ้าเราหาข้อบกพร่องบางอย่างในการก่อสร้างได้ เราก็อาจจะหนีไปได้ ถึงแม้การทำลายพลังป้องกันทั้งหมดของปราสาทจะเป็นเรื่องยากก็ตาม’ หานเซิ่นยังคงทำการวิเคราะห์โครงสร้างของปราสาทต่อไป
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็สังเกตเห็นว่าในปราสาทที่มีพลังป้องกันสมบูรณ์แบบนั้น เขาหาจุดบกพร่องที่เล็กมากๆจนเจอ
จริงๆแล้วมันไม่ควรจะเรียกว่าเป็นจุดบกพร่อง แต่มันเป็นแค่จุดที่การป้องกันหลวมกว่าปกติเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้หานเซิ่นรู้สึกมีหวังขึ้นมา
จุดที่หานเซิ่นพบคือจุดที่ใกล้ๆกับรูปปั้นปลาที่อยู่ข้างๆสระน้ำ นั่นคือตำแหน่งที่เขาเข้ามาในที่แห่งนี้
“ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ บริเวณนั้นมีจุดบกพร่องอยู่ และนั่นเป็นเพราะราชินีจิ้งจอกพยายามใช้พลังของเธอใส่จุดนั้นซ้ำๆเพื่อให้อสูรตัวน้อยเข้าออกได้ ถึงแม้พลังของราชินีจิ้งจอกจะทำลายพลังป้องกันของที่นี่ไม่ได้ แต่มันก็ทำให้โครงสร้างลำดับในบริเวณนั้นหลวมกว่าบริเวณอื่นๆ” ตอนนี้หานเซิ่นมีหนทางที่จะหนีออกไป
บนดาวไอซ์บลูกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางลึกเข้าไปในภูเขา ถ้าหานเซิ่นได้มาเห็นเขาก็คงจะประหลาดใจ นั่นเป็นเพราะคนสำคัญของฐานทัพไอซ์บลูมาอยู่พร้อมหน้ากันหมด
กุนซือไวท์ คราม ราชาอัศวินไอซ์บลู ผู้ตรวจการเอ็ดเวิร์ดและยังมีอัศวินไอซ์บลูระดับราชันอีกหลายคน ทีมที่มานั้นถือเป็นแกนหลักของหน่วยอัศวินไอซ์บลู
“กุนซือไวท์ ด้วยพลังที่มหัศจรรย์ของท่าน ท่านก็ยังระบุไม่ได้ว่าหานเซิ่นอยู่ที่ไหนอย่างนั้นหรอ?” อัศวินไอซ์บลูที่อยู่ข้างๆเอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นมา
“มิสเตอร์ไวท์ไม่พูดโกหก” ครามตอบอย่างเกรี้ยวโกรธ
กุนซือไวท์โบกมือเพื่อหยุดคราม จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา
“พลังของข้าจะไม่ทำให้ข้าหลงทาง และทั้งหมดที่ข้าทำได้ก็คือคาดเดาสถานที่ที่เขาอยู่ ความเป็นไปได้เดียวที่ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนเป็นเพราะมีพลังที่แข็งแกร่งบางอย่างมากรีดกวางข้าเอาไว้ ทั้งหมดที่ข้าจะแนะนำได้ก็คือให้พวกเราเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ ข้าเดาว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่จะเกิดขึ้นเมื่อพวกเราหาเขาพบ”
“พวกเราจะฟังทุกอย่างที่ท่านบอกพวกเรา” ราชาอัศวินไอซ์บลูพูด
เอ็ดเวิร์ดห้ามอัศวินไอซ์บลูข้างๆจากการพูดอะไรอีก พวกเขาติดตามกุนซือไวท์และเดินขบวนกันต่อไป
กลุ่มของพวกเขาเดินทางลึกเข้าไปในภูเขา กุนซือไวท์นำทางพวกเขาทุกคนไปขณะที่คำนวณอะไรบางอย่างไปด้วย
…
“ทำไมเจ้าถึงเอาแต่เดินไปเดินมาอยู่ได้? เข้ามาพูดคุยกับข้า”
ราชินีจิ้งจอกจ้องไปที่หานเซิ่น ขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียงหยกของเธอ
“ข้ากำลังมองหาหนทางที่จะทำลายการป้องกันของที่นี่” หานเซิ่นรู้ว่าไม่สามารถปิดบังมันจากเธอได้ ดังนั้นเขาจึงบอกเธอไปตรงๆ
เมื่อได้ยินที่เขาพูด ราชินีจิ้งจอกก็ยังคงไม่เชื่อว่าหานเซิ่นจะทำลายพลังป้องกันเพื่อออกไปได้
“ความสนุกของค่ำคืนหนึ่งเป็นอะไรที่ประเมินค่าไม่ได้ เลิกเสียเวลาและหันมาแสดงความสนใจผู้คนที่อยู่รอบๆตัว” เสียงของราชินีจิ้งจอกฟังดูยั่วยวน และเธอก็ดูเหมือนกับปีศาจจอมล่อลวง
“หน้ากากโกสต์โบนที่เหลืออยู่มีพลังระดับครึ่งเทพเหมือนกันใช่ไหม?”
หานเซิ่นหันไปมองหน้ากากโกสต์โบนที่อยู่ที่ห้องโถงด้านข้าง
ราชินีจิ้งจอกยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ พวกมันเป็นแค่สถานที่ที่โกสต์โบนเคยใช้อยู่อาศัย เมื่อเขายังอยู่ที่นี่ พวกมันก็มีพลัง แต่ตอนนี้พลังของเขาอยู่ในร่างกายของเจ้า หน้ากากพวกนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป”
หานเซิ่นคิดหนทางที่จะออกไปจากที่นี่ขึ้นมาได้ แต่เขายังคงอ่อนแอเกินไป
หานเซิ่นหยิบหน้ากากอันหนึ่งขึ้นมาและพบว่ามันไม่มีพลังอะไรอยู่จริงๆ แต่ทว่ามันเป็นอะไรที่แข็งแรงอย่างมาก
“ท่านช่วยเปิดไวท์โบนเฮลล์ให้ข้าหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นถาม
ในตอนนี้เมื่อหน้ากากโกสต์โบนไร้ประโยชน์ หานเซิ่นจึงหันไปหากิเลนโลหิตแทน ถ้าเขาทำให้มันมาเป็นพวกได้ มันก็จะเป็นอะไรที่ง่ายขึ้นมาก
“ทำไมเจ้าถึงอยากจะเข้าไปในนั้น?” ราชินีจิ้งจอกถามหานเซิ่น
“ข้าอยากลองดูว่าจะทำให้มันเชื่องได้ไหม ถ้าข้าได้รับพลังของมัน ข้าก็อาจจะทำลายการป้องกันของที่นี่ได้” หานเซิ่นพูดสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ออกไปตรงๆ
“โอเค นั่นเป็นความคิดที่ดี เอาล่ะเจ้าไปทำแบบนั้นได้” ราชินีจิ้งจอกโยนกุญแจกระดูกดำให้กับหานเซิ่น