Super God Gene – ตอนที่ 2260

“ขุนพลโกสต์โบนนั้นเหลี่ยมจัด เขารวมร่างกายของท่านเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับโครงสร้างของที่นี้ ถ้าจะทำลายการป้องกันของปราสาท ข้าก็ต้องทำลายร่างกายของท่านด้วยเช่นกัน การทำลายพลังป้องกันอาจจะฆ่าท่าน” หานเซิ่นมองไปที่ราชินีจิ้งจอกอย่างจริงจัง

 

“ว่าต่อไป” เมื่อราชินีจิ้งจอกได้ยินหานเซิ่นพูดแบบนี้ เธอก็เชื่อเขายิ่งกว่าเดิม

 

ถ้าร่างกายของเธอเป็นหนึ่งเดียวกับปราสาทจริง อย่างนั้นแล้วพวกเขาก็ต้องระมัดระวังอย่างมากถ้าจะหนีออกไป ความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียวนั้นอาจจะหมายถึงความตายของเธอ

 

“พี่สาวสุดสวย พวกเราค่อยพูดกันต่ออย่าง…มีอิสระจะได้ไหม?”
หานเซิ่นถามขณะมองเชือกที่รัดเขาอยู่

 

ราชินีจิ้งจอกสะบัดมือและปล่อยหานเซิ่นลงมา

 

อสูรกาแล็กซี่ยังคงห้อยกลับหัวกลับหางด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง มันดูเหมือนกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังจะร้องไห้

 

“เอิ่ม ถ้าอสูรกาแล็กซี่ทำอะไรผิด ข้าจะลงโทษเขา ได้โปรดปล่อยเขาไปเถอะ พี่สาวคนสวย” หานเซิ่นรีบพูด

 

ราชินีจิ้งจอกกรอกตาของเธอ แต่เธอก็ตอบรับคำขอของหานเซิ่นและปล่อยอสูรกาแล็กซี่ลงมา

 

เมื่ออสูรกาแล็กซี่เป็นอิสระ มันก็วิ่งไปหลบด้านหลังหานเซิ่น มันดูหวาดกลัวต่อราชินีจิ้งจอกอย่างเห็นได้ชัด

 

หานเซิ่นถอนหายใจและพูด “การจะออกไปจากที่นี่โดยไม่ทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นเรื่องยาก แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพเจ้าก็ทำลายการป้องกันของปราสาทโดยที่ไม่นำภัยมาสู่ตัวท่านไม่ได้”

 

“เลิกพูดจาอ้อมค้อมได้แล้ว” ราชินีจิ้งจอกพูดอย่างรำคาญ

 

หานเซิ่นยิ้ม “โชคดีที่ข้าถนัดในเรื่องแบบนั้น ข้ามั่นใจว่าจะพาท่านออกไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย แต่ข้าเป็นแค่ดยุกคนหนึ่ง และข้ายังอ่อนแอ กระบวนการทั้งหมดเป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อน และมันคงจะไม่สำเร็จในเวลาอันสั้น”

 

เมื่อเห็นราชินีจิ้งจอกนิ่งเงียบไม่พูดอะไร หานเซิ่นก็พูดต่อ
“แต่ถ้าท่านยินดีจะร่วมมือกับข้า ข้าเชื่อว่ามันจะใช้เวลาเร็วขึ้น”

 

“เจ้าจะขอให้ข้าทำอะไร?” ราชินีจิ้งจอกมองหานเซิ่นอย่างไม่เชื่อใจ

 

“ท่านเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ดังนั้นท่านก็คงจะควบคุมมันได้เล็กน้อยใช่ไหม? ท่านควรจะเริ่มจากส่วนที่ท่านควบคุมได้ พวกเราจะใช้จุดอ่อนนั้นเพื่อดึงท่านออกมาจากแกนหลักของมัน ถ้าพวกเราแยกท่านออกจากโครงสร้างหลักได้สำเร็จ หลังจากนั้นแม้แต่พลังของท่านก็ทำลายการป้องกันของปราสาทได้” หานเซิ่นพูด

 

“แน่นอน” ราชินีจิ้งจอกพูด

 

“แต่มันมีอย่างหนึ่งที่ข้าจำเป็นต้องขอพึ่งท่าน” หานเซิ่นพูดเสริม

 

ราชินีจิ้งจอกรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการอะไร ดังนั้นเธอจึงบอกเขาไปตรงๆ
“ถ้าเจ้าช่วยข้าออกไปได้ ข้าจะช่วยเจ้ากำจัดพวกคนที่ดักรอเจ้าอยู่ด้านนอก”

 

“ขอบคุณพี่สาวคนสวยมากๆ” หานเซิ่นดูดีใจ แต่จริงๆแล้วเขาไม่มั่นใจในแผนการนัก

 

หานเซิ่นขอให้ราชินีจิ้งจอกทำการยึดส่วนที่มีพลังป้องกันหละหลวมของปราสาทต่อไปเพื่อถ่วงเวลาเธอเอาไว้ มันจะทำให้หานเซิ่นมีโอกาสทำความเข้าใจกับพลังป้องกันของปราสาทในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

หานเซิ่นมอบงานให้ราชินีจิ้งจอกไปทำเพื่อทำให้เธอยุ่งๆ แต่จริงๆแล้วการจะพาเธอออกไปจากคุกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงคิดแผนการเพื่อใช้ดึงดูดความสนใจของเธอ

 

ตอนนี้หานเซิ่นยังปลอดภัยอยู่ แต่เขาต้องคิดหาหนทางที่จะหนีไปจากที่นี่ เขาถูกล้อมด้วยศัตรูที่น่าสะพรึงกลัว ถ้าเขาเป็นยอดฝีมือระดับราชันบางทีเขาอาจจะฝ่าออกไปได้ แต่สำหรับตอนนี้เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้

 

‘แผ่นหินนี้เกี่ยวโยงกับโบราณวัตถุของผู้นำของเซเคร็ด บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ในตอนที่เราไปชิงตัวเสี่ยวฮวากลับคืนมา เราจะปล่อยให้มันไปตกอยู่ในมือของเอ็ดเวิร์ดไม่ได้’ หานเซิ่นตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะแสวงหาโบราณวัตถุของผู้นำของเซเคร็ดไม่ว่าจะยังไงก็ตาม

 

แต่ในตอนนี้เขาไม่สามารถออกไปได้ และเขาก็ยังไม่รู้ว่าอนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน

 

“พี่สาวคนสวย ทำไมขุนพลโกสต์โบนถึงได้สร้างปราสาทที่นี่? มันมีเหตุผลอะไรหรือเปล่า?” หานเซิ่นหวังจะได้รับข้อมูลบางอย่างที่บ่งบอกว่าอนุสรณ์สถานศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน

 

ราชิจีจิ้งจอกเป็นภรรยาของขุนนางโกสต์โบน ดังนั้นมันมีโอกาสที่เธอจะรู้อะไรบางอย่าง

 

ราชินีจิ้งจอกยักไหล่ “ข้ารู้แค่ว่าเขาทำความผิดพลาดบางอย่าง ผู้นำของเซเคร็ดจึงส่งเขามาสำรวจที่นี่ แต่ข้าไม่รู้อะไรมากไปกว่านั้น”

 

“นั่นหมายความว่ามันความขัดแย้งบางอย่างระหว่างพวกเขาอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นสัมผัสได้ยินความกังวลจากคำพูดของเธอ

 

ราชินีจิ้งจอกถูกขังอยู่มาเป็นเวลานาน และดูเหมือนเธอจะชอบที่มีใครบางคนที่สามารถพูดคุยด้วยได้ ดังนั้นเธอจึงพูดต่อ
“ขุนพลโกสต์โบนเป็นคนที่จงรักภักดีต่อผู้นำของเซเคร็ดอย่างมาก เขาเป็นเหมือนกับผู้ขวาของผู้นำของเซเคร็ดเลยก็ว่าได้ แบบนั้นเขาจะทำผิดพลาดถึงขนาดที่ถูกบังคับให้มาในที่แบบนี้ได้ยังไง? เบื้องหลังจะต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ขุนพลโกสต์โบนเป็นชายเงียบๆ เขาไม่เคยบอกข้าว่าเขามาทำอะไรที่นี่”

 

หานเซิ่นไม่สามารถบอกได้ว่าราชินีจิ้งจอกไม่รู้เรื่องจริงๆหรือว่าเธอแค่แสแสร้งกันแน่ เขาคิดอยู่ชั่วครู่และพูดขึ้นมา
“ข้าพบสถานที่แห่งหนึ่งที่ถูกเรียกว่าเมืองโกสต์โบนภายในทะเลทราย นั่นคือที่ที่เขาอาศัยอยู่อย่างนั้นหรอ?”

 

ราชินีจิ้งจอกขมวดคิ้ว “หลังจากที่ขุนพลโกสต์โบนมาอาศัยอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้สร้างที่พักเอาไว้ที่ไหน ทำไมมันถึงมีเมืองโกสต์โบนอยู่ได้? บอกข้ามาว่าที่นั่นดูเป็นยังไง”

 

หานเซิ่นบอกเธอเกี่ยวกับเมืองที่เขาค้นพบ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องที่มันตกอยู่ในสภาพที่เละเทะ

 

เมื่อราชินีจิ้งจอกได้ยินคำบรรยายของหานเซิ่น สีหน้าของเธอก็ดูจะเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย หลังจากผ่านไปสักพักเธอก็พูดขึ้นมา
“อย่างนี้นี่เอง… ข้าเข้าใจแล้ว…”

 

“ท่านกำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

ราชินีจิ้งจอกยิ้ม “ถ้าข้าคาดเดาไม่ผิดล่ะก็ เมืองที่เจ้าพบ จริงๆแล้วมันคือที่พักของผู้นำของเซเคร็ด เมืองโกสต์โบนเป็นเพียงแค่ด่านหน้าเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยที่เขาไปที่นั่น”

 

“ที่นั่นคืออะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ในที่สุดเขาก็ได้รับคำตอบของปริศนานี้

 

ราชินีจิ้งจอกครุ่นคิดและพูดขึ้นว่า “เจ้าบอกข้าว่าเซเคร็ดถูกทำลายไปเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นเรื่องนั้นมันไม่ได้สำคัญอีกต่อไป ถ้าผู้นำของเซเคร็ดยังอยู่ ข้าก็คงจะไม่กล้าพูดเกี่ยวกับมัน”

 

หลังจากหยุดไปนาน เธอก็พูดต่อ “ผู้นำของเซเคร็ดได้นำกองกำลังของเซเคร็ดไปเอาชนะทุกสิ่งมีชีวิต และเขาก็เกือบที่จะเป็นราชาของทั้งจักรวาลจีโน แต่ทุกสิ่งมีชีวิตมีอายุขัยของตัวเอง และกฎนั้นก็มีผลต่อคนที่แข็งแกร่งอย่างผู้นำของเซเคร็ดเช่นกัน ไม่มีใครต่อต้านกาลเวลาได้และความตายก็จะมาถึงพวกเราสักวันหนึ่ง แต่ชายผู้คนนั้นไม่อยากจะตายเหมือนกับคนอื่น ดังนั้นเขาจึงแสวงหาชีวิตที่เป็นอมตะ”

 

“ในการแสวงหาความเป็นอมตะ ผู้นำของเซเคร็ดได้ทำการทดลองหลายอย่าง มันมีอย่างน้อยๆก็หนึ่งร้อยการทดลอง ข้าเป็นภรรยาของโกสต์โบนและโกสต์โบนก็คือคนที่ผู้นำของเซเคร็ดเชื่อใจมากที่สุด ข้าจึงได้รู้จากโกสต์โบนบ้างนิดหน่อย ข้ารู้แค่ว่าผู้นำของเซเคร็ดนั้นทะเยอทะยาน พวกเขาตรวจสอบสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นหายนะบนดาวหยวนลี่ สิ่งประหลาดในหุบเขาบูรี่ดราก้อน สปิริตศักดิ์สิทธิ์ในก็อตแซงชัวรี่และกึ่งเทพของอวกาศ พวกเขาค้นหากุญแจของความเป็นอมตะทั้งหมดก็เพื่อผู้นำของเซเคร็ด” ราชินีจิ้งจอกพูด

 

“สปิริตศักดิ์สิทธิ์ในก็อตแซงชัวรี่? นั่นคืออะไรอย่างนั้นหรอ?”
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว แต่เขาบังคับตัวเองให้ดูเหมือนแค่เขาอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น

 

“ข้าไม่ได้รู้รายละเอียดอะไรมาก เพราะมันเป็นแค่สิ่งที่ข้าเคยได้ยินจากโกสต์โบนเท่านั้น ในเซเคร็ดมันมีซีโน่เจเนอิคสเปชประหลาดอยู่หนึ่งแห่ง มันมีชื่อเรียกว่าก็อตแซงชัวรี่ ผู้นำของเซเคร็ดพยายามจะศึกษาเกี่ยวกับสปิริตที่ไม่ตายซึ่งอยู่ที่นั่น” ราชินีจิ้งจอกพูดหลังจากที่ครุ่นคิด

 

“สปิริต?” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset